23 กุมภาพันธ์ 2558 TRUEIF ลุยลงทุนเพิ่มในทรัพย์สินกลุ่มทรู ด้วยเงินกู้สถาบันการเงินไม่เกิน 1.4 หมื่นล้านบาท
ประเด็นหลัก
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท (TRUEIF) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานประเภทโทรคมนาคมที่อยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของกลุ่ม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 14,000 ล้านบาท ซึ่งจะไม่สูงกว่าราคาประเมินค่าต่ำสุดของผู้ประเมินราคาอิสระทั้ง 2 ราย โดยการใช้เงินกู้จากกลุ่มสถาบันการเงินทั้งจำนวน เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่า
_____________________________________________________
TRUEIFลุยสินทรัพย์ทรู พร้อมกู้แบงก์1.4หมื่นล.
TRUEIF ลุยลงทุนเพิ่มในทรัพย์สินกลุ่มทรู ด้วยเงินกู้สถาบันการเงินไม่เกิน 1.4 หมื่นล้านบาท
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท (TRUEIF) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานประเภทโทรคมนาคมที่อยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของกลุ่ม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 14,000 ล้านบาท ซึ่งจะไม่สูงกว่าราคาประเมินค่าต่ำสุดของผู้ประเมินราคาอิสระทั้ง 2 ราย โดยการใช้เงินกู้จากกลุ่มสถาบันการเงินทั้งจำนวน เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่า
สำหรับทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมมี 2 ส่วน ประกอบด้วย 1.สิทธิการเช่าระยะยาวเป็นเวลา 20 ปี พร้อมสิทธิในการซื้อทรัพย์สินที่ราคา 500 ล้านบาท สำหรับใยแก้วนำแสง (fiber optic cable หรือ FOC) ระยะทาง 303,453 คอร์กิโลเมตร และ 2.สิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้สุทธิที่เกิดจากการให้เช่าเสาโทรคมนาคม จำนวน 338 ต้น ไม่น้อยกว่า 11 ปี พร้อมรับโอนทรัพย์สินทันทีหลัง จากที่หมดสัญญาการซื้อสิทธิรับประโยชน์
นายสมิทธ์ กล่าวว่า การลงทุนในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมครั้งนี้ เป็นโอกาสที่กองทุน TRUEIF จะเติบโตและมีศักยภาพมากขึ้น เนื่องจากมีขนาดของทรัพย์สินใหญ่ขึ้น ส่งผลให้มีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากรายได้ค่าเช่าจากผู้เช่าหลักในปัจจุบัน ตลอดจนยังมีโอกาสได้รับค่าเช่าเพิ่มขึ้นในอนาคตจากผู้เช่ารายอื่น นอกจากนั้นยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้นอีก จากการนำใยแก้วนำแสงในส่วนที่ยังไม่มีผู้เช่าประมาณ 30% ของใยแก้วนำแสงที่ลงทุนทั้งหมดออกให้เช่าเพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย.
http://www.thaipost.net/news/230215/103364
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท (TRUEIF) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานประเภทโทรคมนาคมที่อยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของกลุ่ม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 14,000 ล้านบาท ซึ่งจะไม่สูงกว่าราคาประเมินค่าต่ำสุดของผู้ประเมินราคาอิสระทั้ง 2 ราย โดยการใช้เงินกู้จากกลุ่มสถาบันการเงินทั้งจำนวน เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่า
_____________________________________________________
TRUEIFลุยสินทรัพย์ทรู พร้อมกู้แบงก์1.4หมื่นล.
TRUEIF ลุยลงทุนเพิ่มในทรัพย์สินกลุ่มทรู ด้วยเงินกู้สถาบันการเงินไม่เกิน 1.4 หมื่นล้านบาท
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท (TRUEIF) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานประเภทโทรคมนาคมที่อยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของกลุ่ม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 14,000 ล้านบาท ซึ่งจะไม่สูงกว่าราคาประเมินค่าต่ำสุดของผู้ประเมินราคาอิสระทั้ง 2 ราย โดยการใช้เงินกู้จากกลุ่มสถาบันการเงินทั้งจำนวน เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่า
สำหรับทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมมี 2 ส่วน ประกอบด้วย 1.สิทธิการเช่าระยะยาวเป็นเวลา 20 ปี พร้อมสิทธิในการซื้อทรัพย์สินที่ราคา 500 ล้านบาท สำหรับใยแก้วนำแสง (fiber optic cable หรือ FOC) ระยะทาง 303,453 คอร์กิโลเมตร และ 2.สิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้สุทธิที่เกิดจากการให้เช่าเสาโทรคมนาคม จำนวน 338 ต้น ไม่น้อยกว่า 11 ปี พร้อมรับโอนทรัพย์สินทันทีหลัง จากที่หมดสัญญาการซื้อสิทธิรับประโยชน์
นายสมิทธ์ กล่าวว่า การลงทุนในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมครั้งนี้ เป็นโอกาสที่กองทุน TRUEIF จะเติบโตและมีศักยภาพมากขึ้น เนื่องจากมีขนาดของทรัพย์สินใหญ่ขึ้น ส่งผลให้มีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากรายได้ค่าเช่าจากผู้เช่าหลักในปัจจุบัน ตลอดจนยังมีโอกาสได้รับค่าเช่าเพิ่มขึ้นในอนาคตจากผู้เช่ารายอื่น นอกจากนั้นยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้นอีก จากการนำใยแก้วนำแสงในส่วนที่ยังไม่มีผู้เช่าประมาณ 30% ของใยแก้วนำแสงที่ลงทุนทั้งหมดออกให้เช่าเพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย.
http://www.thaipost.net/news/230215/103364
ไม่มีความคิดเห็น: