02 มีนาคม 2558 กสท. เตรียมสรุป การเข้าถือครองหุ้น NMG ของ SLC และ ยังมีวาระเพิ่มเติม คือ ผลสรุปการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ….
ประเด็นหลัก
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ในการประชุม กสท.พรุ่งนี้ (2 มี.ค.) สำนักส่งเสริมการแข่งขันและกำกับดูแลกันเองและสำนักกฎหมายกระจายเสียงและ โทรทัศน์ เสนอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวหลังจากที่ได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลอย่างรอบด้านและได้วิเคราะห์ผลเสนอให้บอร์ด กสท.พิจารณา โดยเห็นว่าจะเข้าข่ายขัดประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์เพื่อประกอบกิจการทางธุรกิจ พ.ศ.2556 ข้อ 7.2 ที่กำหนดว่า ผู้ขอรับใบอนุญาตที่มีสิทธิเข้าร่วมการประมูลจะต้องไม่เป็นผู้ที่มีผล ประโยชน์ร่วมกันโดยการพิจารณาให้เป็นไปตามภาคผนวก ก และ ข แล้วแต่กรณี โดยในภาคผนวก ข ได้บัญญัตินิยาม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือผู้ถือหุ้นในผู้เข้าร่วมการประมูลเกินกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้เข้าร่วมการประมูล
นอกจากนี้ ยังมีวาระเพิ่มเติม คือ ผลสรุปการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ…. ซึ่งสำนักงานฯ ยืนยันเสนอให้มีการเรียงช่องใหม่แต่มีเงื่อนไข ซึ่งเรื่องดังกล่าวกรรมการเห็นต่างกันค่อนข้างมาก ประกอบกับบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ปส์ จำกัดเพิ่งเสนอถอนฟ้อง กสทช. ที่เคยยื่นไว้ต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2557 เพื่อให้เพื่อให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งเพิกถอน ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การกำหนดหมวดหมู่และการจัดลำดับบริการโทรทัศน์ที่ไม่ใช่คลื่น ความถี่ พ.ศ. 2556 ก็มีนัยยะต่อการเดินหน้าเรื่อง (ร่าง)ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์นี้เช่นกัน
_____________________________________________________
ลุ้นมติ กสท.การเข้าถือครองหุ้น NMG ของ SLC
1 มี.ค. จับตา กสท.พิจารณากรณีบริษัทโซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC เป็นผู้มีอำนาจควบคุมบริษัทสปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ดิจิตอล เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ปเข้าข่ายผู้มีผลประโยชน์ร่วมเกินกำหนดหรือไม่
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ในการประชุม กสท.พรุ่งนี้ (2 มี.ค.) สำนักส่งเสริมการแข่งขันและกำกับดูแลกันเองและสำนักกฎหมายกระจายเสียงและ โทรทัศน์ เสนอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวหลังจากที่ได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลอย่างรอบด้านและได้วิเคราะห์ผลเสนอให้บอร์ด กสท.พิจารณา โดยเห็นว่าจะเข้าข่ายขัดประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์เพื่อประกอบกิจการทางธุรกิจ พ.ศ.2556 ข้อ 7.2 ที่กำหนดว่า ผู้ขอรับใบอนุญาตที่มีสิทธิเข้าร่วมการประมูลจะต้องไม่เป็นผู้ที่มีผล ประโยชน์ร่วมกันโดยการพิจารณาให้เป็นไปตามภาคผนวก ก และ ข แล้วแต่กรณี โดยในภาคผนวก ข ได้บัญญัตินิยาม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือผู้ถือหุ้นในผู้เข้าร่วมการประมูลเกินกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้เข้าร่วมการประมูล
ทั้งนี้ การถือหุ้นดังกล่าวให้นับรวมหุ้นที่ถือโดยผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย และยังส่งผลต่อข้อ 8.4 และ 8.5 ตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลประเภทบริการธุรกิจระดับชาติ พ.ศ. 2556 ซึ่งกำหนดไว้ว่าผู้ขอรับใบอนุญาตมีสิทธิยื่นคำขอรับใบอนุญาตไม่เกินรายละหนึ่งใบอนุญาตของแต่ละหมวดหมู่ และผู้ขอรับใบอนุญาตมีสิทธิยื่นคำของรับใบอนุญาตหมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมขัด สูงหรือหมวดหมู่ข่าวสารและสาระหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตในหมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมชัดสูงและหมวดหมู่ ข่าวสารและสาระที่จะมีสิทธิเข้าร่วมการประมูลต้องไม่เป็นผู้ที่มีผลประโยชน์ ร่วมกันตามข้อ 7.2 ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายที่ให้ความเห็น ว่าประกาศนี้เกี่ยวข้องกับการป้องกันการครอบงำกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินใน ระบบดิจิตอล ตามมาตรา 31 ใน พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551
"กรณีนี้ผลการตัดสินสุดท้ายขึ้นอยู่กับลงมติของ กสท. ทั้ง 5 คน ซึ่ง ที่ผ่านมาก็มีความเห็นแย้งกันอยู่ทำให้ไม่แน่ใจว่าผลสรุปเรื่องนี้จะออกมา เป็นอย่างไร แต่โดยความเห็นส่วนตัวคิดว่ากรณีนี้จะเป็นบรรทัดฐานในการกำกับดูแลเรื่องของ ความเป็นเจ้าของ สัดส่วนการถือครองโทรทัศน์ในอนาคต หากตัดสินกรณีนี้เป็นอย่างไรจะส่งผลต่อการตัดสินกรณีในลักษณะเดียวกันต่อไปด้วย" นางสาวสุภิญญากล่าว
นอกจากนี้ ยังมีวาระเพิ่มเติม คือ ผลสรุปการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ…. ซึ่งสำนักงานฯ ยืนยันเสนอให้มีการเรียงช่องใหม่แต่มีเงื่อนไข ซึ่งเรื่องดังกล่าวกรรมการเห็นต่างกันค่อนข้างมาก ประกอบกับบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ปส์ จำกัดเพิ่งเสนอถอนฟ้อง กสทช. ที่เคยยื่นไว้ต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2557 เพื่อให้เพื่อให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งเพิกถอน ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การกำหนดหมวดหมู่และการจัดลำดับบริการโทรทัศน์ที่ไม่ใช่คลื่น ความถี่ พ.ศ. 2556 ก็มีนัยยะต่อการเดินหน้าเรื่อง (ร่าง)ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์นี้เช่นกัน
ที่มา สำนักข่าวไทย
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1425186718
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ในการประชุม กสท.พรุ่งนี้ (2 มี.ค.) สำนักส่งเสริมการแข่งขันและกำกับดูแลกันเองและสำนักกฎหมายกระจายเสียงและ โทรทัศน์ เสนอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวหลังจากที่ได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลอย่างรอบด้านและได้วิเคราะห์ผลเสนอให้บอร์ด กสท.พิจารณา โดยเห็นว่าจะเข้าข่ายขัดประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์เพื่อประกอบกิจการทางธุรกิจ พ.ศ.2556 ข้อ 7.2 ที่กำหนดว่า ผู้ขอรับใบอนุญาตที่มีสิทธิเข้าร่วมการประมูลจะต้องไม่เป็นผู้ที่มีผล ประโยชน์ร่วมกันโดยการพิจารณาให้เป็นไปตามภาคผนวก ก และ ข แล้วแต่กรณี โดยในภาคผนวก ข ได้บัญญัตินิยาม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือผู้ถือหุ้นในผู้เข้าร่วมการประมูลเกินกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้เข้าร่วมการประมูล
นอกจากนี้ ยังมีวาระเพิ่มเติม คือ ผลสรุปการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ…. ซึ่งสำนักงานฯ ยืนยันเสนอให้มีการเรียงช่องใหม่แต่มีเงื่อนไข ซึ่งเรื่องดังกล่าวกรรมการเห็นต่างกันค่อนข้างมาก ประกอบกับบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ปส์ จำกัดเพิ่งเสนอถอนฟ้อง กสทช. ที่เคยยื่นไว้ต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2557 เพื่อให้เพื่อให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งเพิกถอน ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การกำหนดหมวดหมู่และการจัดลำดับบริการโทรทัศน์ที่ไม่ใช่คลื่น ความถี่ พ.ศ. 2556 ก็มีนัยยะต่อการเดินหน้าเรื่อง (ร่าง)ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์นี้เช่นกัน
_____________________________________________________
ลุ้นมติ กสท.การเข้าถือครองหุ้น NMG ของ SLC
1 มี.ค. จับตา กสท.พิจารณากรณีบริษัทโซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC เป็นผู้มีอำนาจควบคุมบริษัทสปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ดิจิตอล เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ปเข้าข่ายผู้มีผลประโยชน์ร่วมเกินกำหนดหรือไม่
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ในการประชุม กสท.พรุ่งนี้ (2 มี.ค.) สำนักส่งเสริมการแข่งขันและกำกับดูแลกันเองและสำนักกฎหมายกระจายเสียงและ โทรทัศน์ เสนอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวหลังจากที่ได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลอย่างรอบด้านและได้วิเคราะห์ผลเสนอให้บอร์ด กสท.พิจารณา โดยเห็นว่าจะเข้าข่ายขัดประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์เพื่อประกอบกิจการทางธุรกิจ พ.ศ.2556 ข้อ 7.2 ที่กำหนดว่า ผู้ขอรับใบอนุญาตที่มีสิทธิเข้าร่วมการประมูลจะต้องไม่เป็นผู้ที่มีผล ประโยชน์ร่วมกันโดยการพิจารณาให้เป็นไปตามภาคผนวก ก และ ข แล้วแต่กรณี โดยในภาคผนวก ข ได้บัญญัตินิยาม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือผู้ถือหุ้นในผู้เข้าร่วมการประมูลเกินกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้เข้าร่วมการประมูล
ทั้งนี้ การถือหุ้นดังกล่าวให้นับรวมหุ้นที่ถือโดยผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย และยังส่งผลต่อข้อ 8.4 และ 8.5 ตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลประเภทบริการธุรกิจระดับชาติ พ.ศ. 2556 ซึ่งกำหนดไว้ว่าผู้ขอรับใบอนุญาตมีสิทธิยื่นคำขอรับใบอนุญาตไม่เกินรายละหนึ่งใบอนุญาตของแต่ละหมวดหมู่ และผู้ขอรับใบอนุญาตมีสิทธิยื่นคำของรับใบอนุญาตหมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมขัด สูงหรือหมวดหมู่ข่าวสารและสาระหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตในหมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมชัดสูงและหมวดหมู่ ข่าวสารและสาระที่จะมีสิทธิเข้าร่วมการประมูลต้องไม่เป็นผู้ที่มีผลประโยชน์ ร่วมกันตามข้อ 7.2 ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายที่ให้ความเห็น ว่าประกาศนี้เกี่ยวข้องกับการป้องกันการครอบงำกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินใน ระบบดิจิตอล ตามมาตรา 31 ใน พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551
"กรณีนี้ผลการตัดสินสุดท้ายขึ้นอยู่กับลงมติของ กสท. ทั้ง 5 คน ซึ่ง ที่ผ่านมาก็มีความเห็นแย้งกันอยู่ทำให้ไม่แน่ใจว่าผลสรุปเรื่องนี้จะออกมา เป็นอย่างไร แต่โดยความเห็นส่วนตัวคิดว่ากรณีนี้จะเป็นบรรทัดฐานในการกำกับดูแลเรื่องของ ความเป็นเจ้าของ สัดส่วนการถือครองโทรทัศน์ในอนาคต หากตัดสินกรณีนี้เป็นอย่างไรจะส่งผลต่อการตัดสินกรณีในลักษณะเดียวกันต่อไปด้วย" นางสาวสุภิญญากล่าว
นอกจากนี้ ยังมีวาระเพิ่มเติม คือ ผลสรุปการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ พ.ศ…. ซึ่งสำนักงานฯ ยืนยันเสนอให้มีการเรียงช่องใหม่แต่มีเงื่อนไข ซึ่งเรื่องดังกล่าวกรรมการเห็นต่างกันค่อนข้างมาก ประกอบกับบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ปส์ จำกัดเพิ่งเสนอถอนฟ้อง กสทช. ที่เคยยื่นไว้ต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2557 เพื่อให้เพื่อให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งเพิกถอน ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การกำหนดหมวดหมู่และการจัดลำดับบริการโทรทัศน์ที่ไม่ใช่คลื่น ความถี่ พ.ศ. 2556 ก็มีนัยยะต่อการเดินหน้าเรื่อง (ร่าง)ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์นี้เช่นกัน
ที่มา สำนักข่าวไทย
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1425186718
ไม่มีความคิดเห็น: