19 มีนาคม 2558 จีเอเบิล จะเน้นในปีนี้จะอยู่ในส่วนของ บิ๊กดาต้า ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ราว 100 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจคลาวด์ กับบริการที่เกี่ยวเนื่อง จะสร้างรายได้ราว 120 ล้านบาท โดยจะเป็นผลมาจากการลงทุนทางด้านบุคลากร
ประเด็นหลัก
นายนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท จีเอเบิล กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ทางจีเอเบิลมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจ หันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีโอกาสโตเร็วขึ้น กับธุรกิจที่มีมูลค่าตลาดสูง เนื่องจากต้นทุนของบุคลากรสูง ไม่สามารถเข้าไปเล่นในกลุ่มตลาดที่มีมูลค่าต่ำได้ อย่างการวิเคราะห์ข้อมูลบนบิ๊กดาต้า ก็จะมีองค์กรขนาดใหญ่ไม่กี่องค์กรที่พร้อมจะนำไปใช้งาน แต่ถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง
“ภาพรวมการลงทุนไอทีในปีนี้เชื่อว่าจะขึ้นอยู่กับองค์กรขนาดกลางและใหญ่ว่าพร้อมที่จะเสี่ยงลงทุนทางด้านไอที เพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขัน และเหนือกว่าคู่แข่งอื่นในตลาดหรือไม่ แต่เชื่อว่ายังมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องอย่างการเงิน ธนาคาร โทรคมนาคม พลังงาน และอุตสาหกรรมการผลิต ที่กลุ่มธุรกิจเหล่านี้สร้างรายได้ให้แก่กลุ่มจีเอเบิลกว่า 70%”
โดยทางจีเอเบิลได้มีการประเมินทิศทางของเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปีนี้คือ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Science Analytics) คือการนำข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์ให้ผลิตภัณฑ์ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด และถือเป็นการตอบรับ บิ๊กดาต้า, การประมวลผลทุกที่ทุกเวลา (Computing Everywhere), การนำซอฟต์แวร์มาควบคุม (Software Defined Everything), ระบบความปลอดภัย (Security) และการนำอุปกรณ์อัจฉริยะมาเป็นกลไกสำคัญในการเติบโต (Smart Machine & Smart Devices)
“การมาของเทรนด์เหล่านี้ ถ้าองค์กรมีการลงทุนเพิ่ม ก็จะช่วยให้องค์กรเหล่านี้สามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยเฉพาะการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะทำให้มีผู้เล่นรายใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาในตลาดด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายของเศรษฐกิจดิจิตอลก็จะยิ่งส่งเสริมการนำไอทีมาช่วยสร้างรายได้แก่ลูกค้าด้วย”
สำหรับการให้บริการแก่องค์กรของจีเอเบิลจะอยู่ในรูปแบบ End-to-End Solution Provider หรือการให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ ภายใต้แนวคิด “The Empowerment of Lifestyle” แบ่งรูปแบบการให้บริการออกเป็น 6 กลุ่ม คือ 1. End-to-End Solution 2. Enterprise Application Solutions 3. Infrastructure Solutions 4. IT Service Management Solutions 5. Security Solutions และ 6. Outsourcing Services
จีเอเบิล จัดทัพรุก บิ๊กดาต้า-คลาวด์ หวังสร้างรายได้กว่า 220 ล้านบาท
“2 ธุรกิจหลักที่จีเอเบิลจะเน้นในปีนี้จะอยู่ในส่วนของ บิ๊กดาต้า ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ราว 100 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจคลาวด์ กับบริการที่เกี่ยวเนื่อง จะสร้างรายได้ราว 120 ล้านบาท โดยจะเป็นผลมาจากการลงทุนทางด้านบุคลากร และระบบในปีที่ผ่านมารวมๆ กันกว่า 30 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมของจีเอเบิลคาดว่าจะเติบโตราว 10% เป็น 5,500 ล้านบาทในปีนี้”
_____________________________________________________
จีเอเบิล จัดทัพรุก บิ๊กดาต้า-คลาวด์ หวังสร้างรายได้กว่า 220 ล้านบาท
“จีเอเบิล” ปรับแนวทางรุกตลาดบิ๊กดาต้า กับคลาวด์ เป็นหลักหลังเห็นแนวโน้มการเติบโตสูง คาดสร้างรายได้ให้แก่บริษัทรวมกันกว่า 220 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% เป็น 5,500 ล้านบาท
นายนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท จีเอเบิล กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ทางจีเอเบิลมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจ หันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีโอกาสโตเร็วขึ้น กับธุรกิจที่มีมูลค่าตลาดสูง เนื่องจากต้นทุนของบุคลากรสูง ไม่สามารถเข้าไปเล่นในกลุ่มตลาดที่มีมูลค่าต่ำได้ อย่างการวิเคราะห์ข้อมูลบนบิ๊กดาต้า ก็จะมีองค์กรขนาดใหญ่ไม่กี่องค์กรที่พร้อมจะนำไปใช้งาน แต่ถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง
“ภาพรวมการลงทุนไอทีในปีนี้เชื่อว่าจะขึ้นอยู่กับองค์กรขนาดกลางและใหญ่ว่าพร้อมที่จะเสี่ยงลงทุนทางด้านไอที เพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขัน และเหนือกว่าคู่แข่งอื่นในตลาดหรือไม่ แต่เชื่อว่ายังมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องอย่างการเงิน ธนาคาร โทรคมนาคม พลังงาน และอุตสาหกรรมการผลิต ที่กลุ่มธุรกิจเหล่านี้สร้างรายได้ให้แก่กลุ่มจีเอเบิลกว่า 70%”
โดยทางจีเอเบิลได้มีการประเมินทิศทางของเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปีนี้คือ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Science Analytics) คือการนำข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์ให้ผลิตภัณฑ์ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด และถือเป็นการตอบรับ บิ๊กดาต้า, การประมวลผลทุกที่ทุกเวลา (Computing Everywhere), การนำซอฟต์แวร์มาควบคุม (Software Defined Everything), ระบบความปลอดภัย (Security) และการนำอุปกรณ์อัจฉริยะมาเป็นกลไกสำคัญในการเติบโต (Smart Machine & Smart Devices)
“การมาของเทรนด์เหล่านี้ ถ้าองค์กรมีการลงทุนเพิ่ม ก็จะช่วยให้องค์กรเหล่านี้สามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยเฉพาะการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะทำให้มีผู้เล่นรายใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาในตลาดด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายของเศรษฐกิจดิจิตอลก็จะยิ่งส่งเสริมการนำไอทีมาช่วยสร้างรายได้แก่ลูกค้าด้วย”
สำหรับการให้บริการแก่องค์กรของจีเอเบิลจะอยู่ในรูปแบบ End-to-End Solution Provider หรือการให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ ภายใต้แนวคิด “The Empowerment of Lifestyle” แบ่งรูปแบบการให้บริการออกเป็น 6 กลุ่ม คือ 1. End-to-End Solution 2. Enterprise Application Solutions 3. Infrastructure Solutions 4. IT Service Management Solutions 5. Security Solutions และ 6. Outsourcing Services
จีเอเบิล จัดทัพรุก บิ๊กดาต้า-คลาวด์ หวังสร้างรายได้กว่า 220 ล้านบาท
“2 ธุรกิจหลักที่จีเอเบิลจะเน้นในปีนี้จะอยู่ในส่วนของ บิ๊กดาต้า ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ราว 100 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจคลาวด์ กับบริการที่เกี่ยวเนื่อง จะสร้างรายได้ราว 120 ล้านบาท โดยจะเป็นผลมาจากการลงทุนทางด้านบุคลากร และระบบในปีที่ผ่านมารวมๆ กันกว่า 30 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมของจีเอเบิลคาดว่าจะเติบโตราว 10% เป็น 5,500 ล้านบาทในปีนี้”
นางสาวปาจรีย์ แสงคำ รองประธานส่วนงานโซลูชัน บริษัท จีบิสซิเนส จำกัด กล่าวถึงบริการในกลุ่มของบิ๊กดาต้าว่า บริษัทมีบริการล่าสุดภายใต้ชื่อ Ask DOM ที่เป็นบริการรวบรวม จัดเก็บ วิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย และนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์กับข้อมูลภายในองค์กรที่หลายองค์กรให้ความสนใจ
“หลายๆ องค์กรเริ่มให้ความสำคัญกับข้อมูลจำนวนมากที่อยู่ภายนอกองค์กร เพื่อนำมาวิเคราะห์ในเชิงลึก อย่างการวิเคราะห์พฤติกรรม หาจุดตัดสินใจซื้อ การประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าที่อาจส่งผลกระทบต่อองค์กร เพื่อให้มีโอกาสในการตอบสนอง และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันที”
ทั้งนี้ การบริหารจัดการข้อมูลของจีเอเบิล จะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1. การออกแบบ ในการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรวมศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ไปจนถึงการเตรียมข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์ 2. บริการให้คำแนะนำ ในการจัดทำกลยุทธ์วิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงเพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจ และ 3. การวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย จากโปรแกรมสำเร็จรูปพร้อมใช้งานได้ทันที
โดยจุดแข็งในการรุกตลาดคือ บุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกใช้หลากหลาย และมีความโดดเด่นเฉพาะด้าน เป็นแบรนด์เดียวที่มีบริการสำเร็จรูปทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลภายในองค์กร และโซเชียลมีเดียที่รองรับภาษาไทย พร้อมกับการจัดตั้ง บิ๊ก ดาต้า เอ็กซ์พีเรียนซ์ เพื่อให้คำปรึกษา และแบ่งปันองค์ความรู้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และพันธมิตรทางธุรกิจ
นายอนุกูล ปิยะธนานุกูล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็มเวิร์จ จำกัด หนึ่งในกลุ่มบริษัทจีเอเบิลกล่าวเพิมเติมว่า ตอนนี้ถือว่าคลาวด์เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจ เพราะช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัว เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมไปกับการเชื่อมโยงระบบเข้าหากันในการทำงานรวมถึงช่วยลดต้นทุน
“เชื่อว่าท้ายที่สุดองค์กรส่วนใหญ่จะลงทุนคลาวด์ในระบบไฮบริดเป็นหลัก เพราะยังมีข้อมูลบางส่วนที่ต้องการความปลอดภัยของข้อมูล แต่ก็จะมีบางส่วนที่ต้องการความรวดเร็วในการใช้งานบนพลับบลิกคลาวด์”
โดยกลุ่มบริษัทจีเอเบิลได้นำเสนอบริการในทุกมิติของคลาวด์แก่ธุรกิจทุกประเภท เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยในส่วนของ Enterprise Cloud (คลาวด์สำหรับองค์กรธุรกิจ) จีเอเบิลจะเน้นให้คำปรึกษาในการสร้างระบบ คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ และ Ready-to-Use Cloud Solution (โซลูชันคลาวด์แบบพร้อมใช้งาน) โซลูชันสำหรับทดสอบแอปพลิเคชันใน ระบบเสมือน ระบบศูนย์คอมพิวเตอร์สำรองขององค์กรบนคลาวด์ และโซลูชันสำหรับบริหารจัดการป้ายดิจิตอล (Digital Signage)
จุดแข็งที่สำคัญในการให้บริการคลาวด์ของจีเอเบิลคือ มีความเชี่ยวชาญในการเลือกผลิตภัณฑ์ และโซลูชัน จากพาร์ตเนอร์ที่เหมาะสม มีความพร้อมด้านบุคลากรในการให้บริการแบบครบวงจร ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก โดยปัจจุบัน จีเอเบิลมีลูกค้าที่ให้บริการคลาวด์แล้วราว 20 องค์กร และตั้งเป้าจะเพิ่มฐานลูกค้าปีนี้ให้ได้กว่า 50%
http://manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9580000031262
นายนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท จีเอเบิล กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ทางจีเอเบิลมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจ หันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีโอกาสโตเร็วขึ้น กับธุรกิจที่มีมูลค่าตลาดสูง เนื่องจากต้นทุนของบุคลากรสูง ไม่สามารถเข้าไปเล่นในกลุ่มตลาดที่มีมูลค่าต่ำได้ อย่างการวิเคราะห์ข้อมูลบนบิ๊กดาต้า ก็จะมีองค์กรขนาดใหญ่ไม่กี่องค์กรที่พร้อมจะนำไปใช้งาน แต่ถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง
“ภาพรวมการลงทุนไอทีในปีนี้เชื่อว่าจะขึ้นอยู่กับองค์กรขนาดกลางและใหญ่ว่าพร้อมที่จะเสี่ยงลงทุนทางด้านไอที เพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขัน และเหนือกว่าคู่แข่งอื่นในตลาดหรือไม่ แต่เชื่อว่ายังมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องอย่างการเงิน ธนาคาร โทรคมนาคม พลังงาน และอุตสาหกรรมการผลิต ที่กลุ่มธุรกิจเหล่านี้สร้างรายได้ให้แก่กลุ่มจีเอเบิลกว่า 70%”
โดยทางจีเอเบิลได้มีการประเมินทิศทางของเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปีนี้คือ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Science Analytics) คือการนำข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์ให้ผลิตภัณฑ์ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด และถือเป็นการตอบรับ บิ๊กดาต้า, การประมวลผลทุกที่ทุกเวลา (Computing Everywhere), การนำซอฟต์แวร์มาควบคุม (Software Defined Everything), ระบบความปลอดภัย (Security) และการนำอุปกรณ์อัจฉริยะมาเป็นกลไกสำคัญในการเติบโต (Smart Machine & Smart Devices)
“การมาของเทรนด์เหล่านี้ ถ้าองค์กรมีการลงทุนเพิ่ม ก็จะช่วยให้องค์กรเหล่านี้สามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยเฉพาะการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะทำให้มีผู้เล่นรายใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาในตลาดด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายของเศรษฐกิจดิจิตอลก็จะยิ่งส่งเสริมการนำไอทีมาช่วยสร้างรายได้แก่ลูกค้าด้วย”
สำหรับการให้บริการแก่องค์กรของจีเอเบิลจะอยู่ในรูปแบบ End-to-End Solution Provider หรือการให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ ภายใต้แนวคิด “The Empowerment of Lifestyle” แบ่งรูปแบบการให้บริการออกเป็น 6 กลุ่ม คือ 1. End-to-End Solution 2. Enterprise Application Solutions 3. Infrastructure Solutions 4. IT Service Management Solutions 5. Security Solutions และ 6. Outsourcing Services
จีเอเบิล จัดทัพรุก บิ๊กดาต้า-คลาวด์ หวังสร้างรายได้กว่า 220 ล้านบาท
“2 ธุรกิจหลักที่จีเอเบิลจะเน้นในปีนี้จะอยู่ในส่วนของ บิ๊กดาต้า ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ราว 100 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจคลาวด์ กับบริการที่เกี่ยวเนื่อง จะสร้างรายได้ราว 120 ล้านบาท โดยจะเป็นผลมาจากการลงทุนทางด้านบุคลากร และระบบในปีที่ผ่านมารวมๆ กันกว่า 30 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมของจีเอเบิลคาดว่าจะเติบโตราว 10% เป็น 5,500 ล้านบาทในปีนี้”
_____________________________________________________
จีเอเบิล จัดทัพรุก บิ๊กดาต้า-คลาวด์ หวังสร้างรายได้กว่า 220 ล้านบาท
“จีเอเบิล” ปรับแนวทางรุกตลาดบิ๊กดาต้า กับคลาวด์ เป็นหลักหลังเห็นแนวโน้มการเติบโตสูง คาดสร้างรายได้ให้แก่บริษัทรวมกันกว่า 220 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% เป็น 5,500 ล้านบาท
นายนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท จีเอเบิล กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ทางจีเอเบิลมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจ หันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีโอกาสโตเร็วขึ้น กับธุรกิจที่มีมูลค่าตลาดสูง เนื่องจากต้นทุนของบุคลากรสูง ไม่สามารถเข้าไปเล่นในกลุ่มตลาดที่มีมูลค่าต่ำได้ อย่างการวิเคราะห์ข้อมูลบนบิ๊กดาต้า ก็จะมีองค์กรขนาดใหญ่ไม่กี่องค์กรที่พร้อมจะนำไปใช้งาน แต่ถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง
“ภาพรวมการลงทุนไอทีในปีนี้เชื่อว่าจะขึ้นอยู่กับองค์กรขนาดกลางและใหญ่ว่าพร้อมที่จะเสี่ยงลงทุนทางด้านไอที เพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขัน และเหนือกว่าคู่แข่งอื่นในตลาดหรือไม่ แต่เชื่อว่ายังมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องอย่างการเงิน ธนาคาร โทรคมนาคม พลังงาน และอุตสาหกรรมการผลิต ที่กลุ่มธุรกิจเหล่านี้สร้างรายได้ให้แก่กลุ่มจีเอเบิลกว่า 70%”
โดยทางจีเอเบิลได้มีการประเมินทิศทางของเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปีนี้คือ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Science Analytics) คือการนำข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์ให้ผลิตภัณฑ์ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด และถือเป็นการตอบรับ บิ๊กดาต้า, การประมวลผลทุกที่ทุกเวลา (Computing Everywhere), การนำซอฟต์แวร์มาควบคุม (Software Defined Everything), ระบบความปลอดภัย (Security) และการนำอุปกรณ์อัจฉริยะมาเป็นกลไกสำคัญในการเติบโต (Smart Machine & Smart Devices)
“การมาของเทรนด์เหล่านี้ ถ้าองค์กรมีการลงทุนเพิ่ม ก็จะช่วยให้องค์กรเหล่านี้สามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยเฉพาะการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะทำให้มีผู้เล่นรายใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาในตลาดด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายของเศรษฐกิจดิจิตอลก็จะยิ่งส่งเสริมการนำไอทีมาช่วยสร้างรายได้แก่ลูกค้าด้วย”
สำหรับการให้บริการแก่องค์กรของจีเอเบิลจะอยู่ในรูปแบบ End-to-End Solution Provider หรือการให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ ภายใต้แนวคิด “The Empowerment of Lifestyle” แบ่งรูปแบบการให้บริการออกเป็น 6 กลุ่ม คือ 1. End-to-End Solution 2. Enterprise Application Solutions 3. Infrastructure Solutions 4. IT Service Management Solutions 5. Security Solutions และ 6. Outsourcing Services
จีเอเบิล จัดทัพรุก บิ๊กดาต้า-คลาวด์ หวังสร้างรายได้กว่า 220 ล้านบาท
“2 ธุรกิจหลักที่จีเอเบิลจะเน้นในปีนี้จะอยู่ในส่วนของ บิ๊กดาต้า ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ราว 100 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจคลาวด์ กับบริการที่เกี่ยวเนื่อง จะสร้างรายได้ราว 120 ล้านบาท โดยจะเป็นผลมาจากการลงทุนทางด้านบุคลากร และระบบในปีที่ผ่านมารวมๆ กันกว่า 30 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมของจีเอเบิลคาดว่าจะเติบโตราว 10% เป็น 5,500 ล้านบาทในปีนี้”
นางสาวปาจรีย์ แสงคำ รองประธานส่วนงานโซลูชัน บริษัท จีบิสซิเนส จำกัด กล่าวถึงบริการในกลุ่มของบิ๊กดาต้าว่า บริษัทมีบริการล่าสุดภายใต้ชื่อ Ask DOM ที่เป็นบริการรวบรวม จัดเก็บ วิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย และนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์กับข้อมูลภายในองค์กรที่หลายองค์กรให้ความสนใจ
“หลายๆ องค์กรเริ่มให้ความสำคัญกับข้อมูลจำนวนมากที่อยู่ภายนอกองค์กร เพื่อนำมาวิเคราะห์ในเชิงลึก อย่างการวิเคราะห์พฤติกรรม หาจุดตัดสินใจซื้อ การประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าที่อาจส่งผลกระทบต่อองค์กร เพื่อให้มีโอกาสในการตอบสนอง และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันที”
ทั้งนี้ การบริหารจัดการข้อมูลของจีเอเบิล จะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1. การออกแบบ ในการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรวมศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ไปจนถึงการเตรียมข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์ 2. บริการให้คำแนะนำ ในการจัดทำกลยุทธ์วิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงเพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจ และ 3. การวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย จากโปรแกรมสำเร็จรูปพร้อมใช้งานได้ทันที
โดยจุดแข็งในการรุกตลาดคือ บุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกใช้หลากหลาย และมีความโดดเด่นเฉพาะด้าน เป็นแบรนด์เดียวที่มีบริการสำเร็จรูปทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลภายในองค์กร และโซเชียลมีเดียที่รองรับภาษาไทย พร้อมกับการจัดตั้ง บิ๊ก ดาต้า เอ็กซ์พีเรียนซ์ เพื่อให้คำปรึกษา และแบ่งปันองค์ความรู้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และพันธมิตรทางธุรกิจ
นายอนุกูล ปิยะธนานุกูล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็มเวิร์จ จำกัด หนึ่งในกลุ่มบริษัทจีเอเบิลกล่าวเพิมเติมว่า ตอนนี้ถือว่าคลาวด์เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจ เพราะช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัว เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมไปกับการเชื่อมโยงระบบเข้าหากันในการทำงานรวมถึงช่วยลดต้นทุน
“เชื่อว่าท้ายที่สุดองค์กรส่วนใหญ่จะลงทุนคลาวด์ในระบบไฮบริดเป็นหลัก เพราะยังมีข้อมูลบางส่วนที่ต้องการความปลอดภัยของข้อมูล แต่ก็จะมีบางส่วนที่ต้องการความรวดเร็วในการใช้งานบนพลับบลิกคลาวด์”
โดยกลุ่มบริษัทจีเอเบิลได้นำเสนอบริการในทุกมิติของคลาวด์แก่ธุรกิจทุกประเภท เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยในส่วนของ Enterprise Cloud (คลาวด์สำหรับองค์กรธุรกิจ) จีเอเบิลจะเน้นให้คำปรึกษาในการสร้างระบบ คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ และ Ready-to-Use Cloud Solution (โซลูชันคลาวด์แบบพร้อมใช้งาน) โซลูชันสำหรับทดสอบแอปพลิเคชันใน ระบบเสมือน ระบบศูนย์คอมพิวเตอร์สำรองขององค์กรบนคลาวด์ และโซลูชันสำหรับบริหารจัดการป้ายดิจิตอล (Digital Signage)
จุดแข็งที่สำคัญในการให้บริการคลาวด์ของจีเอเบิลคือ มีความเชี่ยวชาญในการเลือกผลิตภัณฑ์ และโซลูชัน จากพาร์ตเนอร์ที่เหมาะสม มีความพร้อมด้านบุคลากรในการให้บริการแบบครบวงจร ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก โดยปัจจุบัน จีเอเบิลมีลูกค้าที่ให้บริการคลาวด์แล้วราว 20 องค์กร และตั้งเป้าจะเพิ่มฐานลูกค้าปีนี้ให้ได้กว่า 50%
http://manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9580000031262
ไม่มีความคิดเห็น: