23 มีนาคม 2558 Huawei วางเป้าขายสมาร์ทโฟนในไทย 2,400 ล้านบาท โดยจะเน้นการนำผลิตภัณฑ์ในระดับกลาง-บนเข้าสู่ตลาดประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับที่ดี
ประเด็นหลัก
***วางเป้าขายสมาร์ทโฟนในไทย 2,400 ล้านบาท
เดวิด ชุน ให้ข้อมูลที่น่าสนใจในการเข้าทำตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยว่า ต้องการสร้างยอดขายในปีนี้ให้ได้ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2,400 ล้านบาท โดยจะเน้นการนำผลิตภัณฑ์ในระดับกลาง-บนเข้าสู่ตลาดประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับที่ดี
โดยข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของ โทมัส หลิว กรรมการผู้จัดการบริษัท หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ที่ตั้งเป้าว่าจะจำหน่ายสมาร์ทโฟนให้ได้ 4 แสนเครื่องในปีนี้ ด้วยการทุ่มงบการตลาดกว่า 400 ล้านบาท พร้อมไปกับการตั้งนายสรทัศน์ ศฤงคารบริบูรณ์ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำประเทศไทย เข้ามาดูแลการจำหน่ายสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ และการเปิดแบรนด์ชอปแห่งแรกในประเทศไทยที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน
อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของหัวเว่ย จะไม่ได้แบ่งตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ทำให้ตลาดในภูมิภาคนี้ของหัวเว่ย ประกอบไปด้วย 9 ประเทศ คือไทย เวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า อินเดีย เนปาล บังคลาเทศ และ ศรีลังกา ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศก็แตกต่างกัน ดังนั้นในบางประเทศ หัวเว่ย อาจจะนำสมาร์ทโฟนระดับกลาง-ล่าง เข้าไปทำตลาดมากกว่า
_____________________________________________________
ส่งไม้ต่อแม่ทัพใหม่หัวเว่ย 'เดวิด ชุน' ลุยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(Cyber Weekend)
ถือเป็นนโยบายในการปรับเปลี่ยนผู้บริหารที่จะสลับกันเข้ามาดูแลการทำตลาดในต่างประเทศของหัวเว่ย โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทางหัวเว่ยให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆของแผนการรุกตลาดนอกประเทศจีน
โดยก่อนหน้านี้หยาง ฉู่ อดีตประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นผู้ที่นำหัวเว่ย เข้ามาเปิดตลาดคอนซูเมอร์ ด้วยการนำสมาร์ทโฟนเข้ามาทำตลาดในไทย พร้อมไปกับการทุ่มทำตลาดด้วยงบประมาณหลายร้อยล้านบาทตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
การเข้ามารับไม้ต่อของ 'เดวิด ชุน' ประธานบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะสานต่อทั้งการทำตลาดองค์กร และคอนซูเมอร์ ของหัวเว่ยในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่คาดหวังว่าจะกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
หน้าที่หลักของเดวิด ชุน คือเข้ามาดูแลการดำเนินธุรกิจของบริษัททั้งหมด และรับผิดชอบด้านการพัฒนาทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม ที่ต้องเข้าไปสานสัมพันธ์อันดีกับทางผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ ในการนำเสนอเทคโนโลยี และโซลูชันเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ และธุรกิจคอนซูเมอร์ โดยเฉพาะในส่วนของตลาดสมาร์ทโฟน ที่หัวเว่ย ต้องการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศให้สูงมากขึ้น
ก่อนหน้าที่จะเข้ามา รับตำแหน่ง เดวิด ชุน เข้าร่วมงานกับหัวเว่ยตั้งแต่ปี 2541 มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกว่า 17 ปี ดูแลสำนักงานหัวเว่ยใน หางโจว กว่างโจว ก่อนจะขึ้นมาดูภาพรวมผลิตภัณฑ์และบริการในประเทศจีน และขยับขยายมาเป็นรองประธาน และหัวหน้ากลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนขึ้นมาเป็นประธานในปัจจุบัน
'ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดหลักของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และก็มั่นใจว่าประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านไอซีทีของภูมิภาคนี้ ดังนั้น หัวเว่ยจะให้การสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลของไทยอย่างเต็มกำลัง'
โดยทิศทางหลักที่หัวเว่ย จะมุ่งไปหลังจากนี้คือจะให้ความสำคัญกับทั้ง 3 ส่วนธุรกิจ โดยในกลุ่มโทรคมนาคม จะเน้นที่การรักษาอัตราการเติบโตให้ต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องของการประมูลคลื่นความถี่ 4G ในประเทศไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้หรือปีหน้าก็ตาม เพราะจะช่วยอุตสาหกรรมให้มีการขับเคลื่อน เกิดการสร้างงาน พร้อมไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของภาครัฐ
ขณะที่ในกลุ่มธุรกิจ เอนเตอร์ไพรส์ หัวเว่ย มองว่า ยังมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้าไปนำเสนอแก่องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจกว่า 100 แห่ง จาก 500 อันดับบริษัทที่มีการเติบโตสูงสุดจากนิตยสารฟอร์จูน ได้เลือกนำเทคโนโลยีของหัวเว่ยเข้าไปใช้บริการ
เช่นเดียวกันกับกลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์ ที่มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นเดียวกัน โดยนำความสำเร็จจากการขายผลิตภัณฑ์ในประเทศจีน ที่ช่วงหลังทางหัวเว่ย เน้นมาจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนมากขึ้น และเชื่อว่าตลาดประเทศไทยจะให้การตอบรับที่ดี
'โดยรวมแล้วหัวเว่ย คาดว่าในปีนี้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตมากกว่า 25% ไว้ได้ โดยปีที่ผ่านมาหัวเว่ยมีรายได้รวม 2.7 พันล้านเหรียญ กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตมากที่สุดคือดีไวซ์ ที่เติบโตกว่า 77%'
ขณะที่เป้าหมายการเติบโตแยกย่อยตามกลุ่มธุรกิจ คือกลุ่มเอนเตอร์ไพรส์ ที่หวังว่าจะเติบโตราว 60% ในขณะที่กลุ่มดีไวซ์ ต้องมีการเติบโตมากกว่า 77% ส่วนกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม เชื่อว่าจะเติบโตในระดับตัวเลข 2 หลัก
'จุดที่หัวเว่ยต้องมีการขยายอย่างต่อเนื่องคือการทำธุรกิจในกลุ่มเอนเตอร์ไพรส์ และคอนซูเมอร์ เพราะยังมีช่องว่างให้สามารถเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนงานให้เหมาะสม และยังยืนยันที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยต่อไป'
***วางเป้าขายสมาร์ทโฟนในไทย 2,400 ล้านบาท
เดวิด ชุน ให้ข้อมูลที่น่าสนใจในการเข้าทำตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยว่า ต้องการสร้างยอดขายในปีนี้ให้ได้ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2,400 ล้านบาท โดยจะเน้นการนำผลิตภัณฑ์ในระดับกลาง-บนเข้าสู่ตลาดประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับที่ดี
โดยข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของ โทมัส หลิว กรรมการผู้จัดการบริษัท หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ที่ตั้งเป้าว่าจะจำหน่ายสมาร์ทโฟนให้ได้ 4 แสนเครื่องในปีนี้ ด้วยการทุ่มงบการตลาดกว่า 400 ล้านบาท พร้อมไปกับการตั้งนายสรทัศน์ ศฤงคารบริบูรณ์ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำประเทศไทย เข้ามาดูแลการจำหน่ายสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ และการเปิดแบรนด์ชอปแห่งแรกในประเทศไทยที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน
อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของหัวเว่ย จะไม่ได้แบ่งตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ทำให้ตลาดในภูมิภาคนี้ของหัวเว่ย ประกอบไปด้วย 9 ประเทศ คือไทย เวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า อินเดีย เนปาล บังคลาเทศ และ ศรีลังกา ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศก็แตกต่างกัน ดังนั้นในบางประเทศ หัวเว่ย อาจจะนำสมาร์ทโฟนระดับกลาง-ล่าง เข้าไปทำตลาดมากกว่า
***ร่วมผลักดันนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล
ก่อนหน้านี้ ทางผู้บริหารหัวเว่ย เคยได้เข้าพบกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความพร้อมที่จะเข้าร่วมเป็นคณะที่ปรึกษาในการทำงานเกี่ยวกับนโยบาย เศรษฐกิจ ดิจิตอล โดยเฉพาะในมุมของการกำกับดูแล และกำหนดนโยบายทางอุตสาหกรรมไอซีทีโดยทางรัฐบาล และหัวเว่ย ต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ต้องการให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และไอทีในภูมิภาคนี้ จึงต้องมีการร่วมมือกันทั้งทางภาครัฐ และเอกชน ในการผลักดันประเทศไทยต่อไป
http://manager.co.th/Cyberbiz/viewNews.aspx?NewsID=9580000032383
***วางเป้าขายสมาร์ทโฟนในไทย 2,400 ล้านบาท
เดวิด ชุน ให้ข้อมูลที่น่าสนใจในการเข้าทำตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยว่า ต้องการสร้างยอดขายในปีนี้ให้ได้ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2,400 ล้านบาท โดยจะเน้นการนำผลิตภัณฑ์ในระดับกลาง-บนเข้าสู่ตลาดประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับที่ดี
โดยข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของ โทมัส หลิว กรรมการผู้จัดการบริษัท หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ที่ตั้งเป้าว่าจะจำหน่ายสมาร์ทโฟนให้ได้ 4 แสนเครื่องในปีนี้ ด้วยการทุ่มงบการตลาดกว่า 400 ล้านบาท พร้อมไปกับการตั้งนายสรทัศน์ ศฤงคารบริบูรณ์ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำประเทศไทย เข้ามาดูแลการจำหน่ายสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ และการเปิดแบรนด์ชอปแห่งแรกในประเทศไทยที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน
อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของหัวเว่ย จะไม่ได้แบ่งตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ทำให้ตลาดในภูมิภาคนี้ของหัวเว่ย ประกอบไปด้วย 9 ประเทศ คือไทย เวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า อินเดีย เนปาล บังคลาเทศ และ ศรีลังกา ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศก็แตกต่างกัน ดังนั้นในบางประเทศ หัวเว่ย อาจจะนำสมาร์ทโฟนระดับกลาง-ล่าง เข้าไปทำตลาดมากกว่า
_____________________________________________________
ส่งไม้ต่อแม่ทัพใหม่หัวเว่ย 'เดวิด ชุน' ลุยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(Cyber Weekend)
ถือเป็นนโยบายในการปรับเปลี่ยนผู้บริหารที่จะสลับกันเข้ามาดูแลการทำตลาดในต่างประเทศของหัวเว่ย โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทางหัวเว่ยให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆของแผนการรุกตลาดนอกประเทศจีน
โดยก่อนหน้านี้หยาง ฉู่ อดีตประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นผู้ที่นำหัวเว่ย เข้ามาเปิดตลาดคอนซูเมอร์ ด้วยการนำสมาร์ทโฟนเข้ามาทำตลาดในไทย พร้อมไปกับการทุ่มทำตลาดด้วยงบประมาณหลายร้อยล้านบาทตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
การเข้ามารับไม้ต่อของ 'เดวิด ชุน' ประธานบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะสานต่อทั้งการทำตลาดองค์กร และคอนซูเมอร์ ของหัวเว่ยในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่คาดหวังว่าจะกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
หน้าที่หลักของเดวิด ชุน คือเข้ามาดูแลการดำเนินธุรกิจของบริษัททั้งหมด และรับผิดชอบด้านการพัฒนาทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม ที่ต้องเข้าไปสานสัมพันธ์อันดีกับทางผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ ในการนำเสนอเทคโนโลยี และโซลูชันเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ และธุรกิจคอนซูเมอร์ โดยเฉพาะในส่วนของตลาดสมาร์ทโฟน ที่หัวเว่ย ต้องการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศให้สูงมากขึ้น
ก่อนหน้าที่จะเข้ามา รับตำแหน่ง เดวิด ชุน เข้าร่วมงานกับหัวเว่ยตั้งแต่ปี 2541 มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกว่า 17 ปี ดูแลสำนักงานหัวเว่ยใน หางโจว กว่างโจว ก่อนจะขึ้นมาดูภาพรวมผลิตภัณฑ์และบริการในประเทศจีน และขยับขยายมาเป็นรองประธาน และหัวหน้ากลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนขึ้นมาเป็นประธานในปัจจุบัน
'ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดหลักของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และก็มั่นใจว่าประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านไอซีทีของภูมิภาคนี้ ดังนั้น หัวเว่ยจะให้การสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลของไทยอย่างเต็มกำลัง'
โดยทิศทางหลักที่หัวเว่ย จะมุ่งไปหลังจากนี้คือจะให้ความสำคัญกับทั้ง 3 ส่วนธุรกิจ โดยในกลุ่มโทรคมนาคม จะเน้นที่การรักษาอัตราการเติบโตให้ต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องของการประมูลคลื่นความถี่ 4G ในประเทศไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้หรือปีหน้าก็ตาม เพราะจะช่วยอุตสาหกรรมให้มีการขับเคลื่อน เกิดการสร้างงาน พร้อมไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของภาครัฐ
ขณะที่ในกลุ่มธุรกิจ เอนเตอร์ไพรส์ หัวเว่ย มองว่า ยังมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้าไปนำเสนอแก่องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจกว่า 100 แห่ง จาก 500 อันดับบริษัทที่มีการเติบโตสูงสุดจากนิตยสารฟอร์จูน ได้เลือกนำเทคโนโลยีของหัวเว่ยเข้าไปใช้บริการ
เช่นเดียวกันกับกลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์ ที่มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นเดียวกัน โดยนำความสำเร็จจากการขายผลิตภัณฑ์ในประเทศจีน ที่ช่วงหลังทางหัวเว่ย เน้นมาจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนมากขึ้น และเชื่อว่าตลาดประเทศไทยจะให้การตอบรับที่ดี
'โดยรวมแล้วหัวเว่ย คาดว่าในปีนี้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตมากกว่า 25% ไว้ได้ โดยปีที่ผ่านมาหัวเว่ยมีรายได้รวม 2.7 พันล้านเหรียญ กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตมากที่สุดคือดีไวซ์ ที่เติบโตกว่า 77%'
ขณะที่เป้าหมายการเติบโตแยกย่อยตามกลุ่มธุรกิจ คือกลุ่มเอนเตอร์ไพรส์ ที่หวังว่าจะเติบโตราว 60% ในขณะที่กลุ่มดีไวซ์ ต้องมีการเติบโตมากกว่า 77% ส่วนกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม เชื่อว่าจะเติบโตในระดับตัวเลข 2 หลัก
'จุดที่หัวเว่ยต้องมีการขยายอย่างต่อเนื่องคือการทำธุรกิจในกลุ่มเอนเตอร์ไพรส์ และคอนซูเมอร์ เพราะยังมีช่องว่างให้สามารถเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนงานให้เหมาะสม และยังยืนยันที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยต่อไป'
***วางเป้าขายสมาร์ทโฟนในไทย 2,400 ล้านบาท
เดวิด ชุน ให้ข้อมูลที่น่าสนใจในการเข้าทำตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยว่า ต้องการสร้างยอดขายในปีนี้ให้ได้ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2,400 ล้านบาท โดยจะเน้นการนำผลิตภัณฑ์ในระดับกลาง-บนเข้าสู่ตลาดประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับที่ดี
โดยข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของ โทมัส หลิว กรรมการผู้จัดการบริษัท หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ที่ตั้งเป้าว่าจะจำหน่ายสมาร์ทโฟนให้ได้ 4 แสนเครื่องในปีนี้ ด้วยการทุ่มงบการตลาดกว่า 400 ล้านบาท พร้อมไปกับการตั้งนายสรทัศน์ ศฤงคารบริบูรณ์ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำประเทศไทย เข้ามาดูแลการจำหน่ายสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ และการเปิดแบรนด์ชอปแห่งแรกในประเทศไทยที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน
อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของหัวเว่ย จะไม่ได้แบ่งตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ทำให้ตลาดในภูมิภาคนี้ของหัวเว่ย ประกอบไปด้วย 9 ประเทศ คือไทย เวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า อินเดีย เนปาล บังคลาเทศ และ ศรีลังกา ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศก็แตกต่างกัน ดังนั้นในบางประเทศ หัวเว่ย อาจจะนำสมาร์ทโฟนระดับกลาง-ล่าง เข้าไปทำตลาดมากกว่า
***ร่วมผลักดันนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล
ก่อนหน้านี้ ทางผู้บริหารหัวเว่ย เคยได้เข้าพบกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความพร้อมที่จะเข้าร่วมเป็นคณะที่ปรึกษาในการทำงานเกี่ยวกับนโยบาย เศรษฐกิจ ดิจิตอล โดยเฉพาะในมุมของการกำกับดูแล และกำหนดนโยบายทางอุตสาหกรรมไอซีทีโดยทางรัฐบาล และหัวเว่ย ต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ต้องการให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และไอทีในภูมิภาคนี้ จึงต้องมีการร่วมมือกันทั้งทางภาครัฐ และเอกชน ในการผลักดันประเทศไทยต่อไป
http://manager.co.th/Cyberbiz/viewNews.aspx?NewsID=9580000032383
ไม่มีความคิดเห็น: