24 มีนาคม 2558 "ศิวัตร เชาวรียวงษ์" นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) กล่าวว่า กลุ่มโทรคมนาคมยังมีการเพิ่มงบมากที่สุด 395 ล้านบาท ยานยนต์ 382 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 187 ล้านบาท ธนาคาร 154 ล้านบาท และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 137 ล้านบาท
ประเด็นหลัก
ขณะที่กลุ่มโทรคมนาคมยังมีการเพิ่มงบมากที่สุด 395 ล้านบาท ยานยนต์ 382 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 187 ล้านบาท ธนาคาร 154 ล้านบาท และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 137 ล้านบาท
_____________________________________________________
ชำแหละ! งบฯโฆษณาดิจิทัล ลุ้น 5 ปีทะลุหมื่นล้าน เอี่ยวแชร์ 20%
อยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างแท้จริงสำหรับตลาดโฆษณาดิจิทัล แม้จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 6-7% ของตลาดโฆษณาโดยรวม แต่โตต่อเนื่อง โดยสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) ร่วมกับบริษัทวิจัยทีเอ็นเอส เปิดเผยผลสำรวจข้อมูลเชิงลึกตลาดโฆษณาดิจิทัลปี 2557 พร้อมคาดการณ์ปี 2558
"ศิวัตร เชาวรียวงษ์" นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาโฆษณาดิจิทัลโตขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ช่วงต้นปีมาก ลูกค้าขยับงบฯมาที่โฆษณาดิจิทัลมากขึ้นทั้งในรูปแบบที่แยกมาจากงบฯสื่อเก่าและตั้งใหม่ ทั้งปี 2557 มีมูลค่ารวม 6,115 ล้านบาท โตจากปี 2556 ถึง 44%
เมื่อแยกมูลค่าตามอุตสาหกรรมพบว่าโทรคมนาคมสูงสุดที่ 884 ล้านบาท รองลงมาเป็นยานยนต์ 695 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 424 ล้านบาท การเงินและธนาคาร 259 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม 231 ล้านบาท
กลุ่มที่เพิ่มงบฯโฆษณาดิจิทัลมากสุด คือ อุตสาหกรรมยานยนต์ 502 ล้านบาท โทรคมนาคม 386 ล้านบาท น้ำมันและสารหล่อลื่น 147 ล้านบาท ธนาคาร 132 ล้านบาท และประกันภัย 114 ล้านบาท หากดูที่เปอร์เซ็นต์การเติบโต กลุ่มน้ำมัน เพิ่มขึ้นกว่า 7,205% อุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ 3,149% ผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก 1,925% รองเท้า 1,346%
โดย "ดิสเพลย์" หรือแบนเนอร์ ยังใช้ถึง 28.1% และยังลงงบฯเพิ่มขึ้น แม้มีสัดส่วนที่น้อยลงกว่าปีก่อน รองลงมาเป็น "เสิร์ช" มีกูเกิลเสิร์ชเป็นเจ้าตลาดที่ 21.2% เฟซบุ๊ก 16% โตขึ้นจากปี 2556 มากถึง 10% และวิดีโอ 14%
"ไฮไลต์ปี 2557 ที่น่าจับตาที่สุด คือ เฟซบุ๊กโตขึ้นกว่า 10% และวิดีโอที่โตขึ้น 2% เป็นการโตขึ้นจากการที่แบรนด์ต่าง ๆ หรือเอเยนซี่เห็นว่าช่องทางนี้เข้าถึงลูกค้าของเขาได้อย่างไรบ้าง ลูกค้าเองก็ชื่นชอบ เสพสื่อเฟซบุ๊กและวิดีโอมากขึ้น จะเห็นว่าทุกเว็บข่าว เว็บท่า มีคลิป มีวิดีโอให้ดูทั้งนั้น"
สำหรับปี 2558 คาดว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้น 33% อยู่ที่ 8,134 ล้านบาท โดยคาดว่า "โทรคมนาคม" จะลงงบโฆษณาออนไลน์กว่า 1,200 ล้านบาท รองลงมาเป็นยานยนต์ 1,001 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 573 ล้านบาท ธนาคาร 383 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่มโทรคมนาคมยังมีการเพิ่มงบมากที่สุด 395 ล้านบาท ยานยนต์ 382 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 187 ล้านบาท ธนาคาร 154 ล้านบาท และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 137 ล้านบาท
ส่วนที่จะเติบโตเป็นเปอร์เซ็นต์มากสุด คือกลุ่มผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง 389% สินค้าเบ็ดเตล็ด 300% ภาครัฐ 138% เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 159% และสื่อ 129% โดยเน้นช่องทางเฟซบุ๊กและวิดีโอ
"เอเยนซี่ต่าง ๆ 75% มีแผนลงทุนในโฆษณาดิจิทัลเพิ่มอย่างน้อย 30% บางส่วนเริ่มลงมากกว่าบนโทรทัศน์ 86% ให้เหตุผลว่า ต้องการสร้างความรับรู้ของแบรนด์ให้มากขึ้น 81% ต้องการเข้าถึงลูกค้า 62% ต้องการยอดขาย 38% ต้องการประชาสัมพันธ์ 33% ต้องการปิดการขายออนไลน์ และ 24% สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า"
"ศิวัตร" เสริมว่า แบรนด์สินค้าต้องปรับตัวหาโมเดลเข้ากับผู้บริโภคที่ไม่สร้างความ "รำคาญ" หรือโอกาสจะถูกบล็อกหรือปิดกั้นน้อยที่สุด เช่น ไลน์ แม้ลูกค้าบล็อกก็แฝงผลิตภัณฑ์เข้าไปให้ได้ เช่น สติ๊กเกอร์ที่มีรูปแบรนด์
"ต้องเลือกช่องทางที่เหมาะสม อย่างวิดีโอ ก็เริ่มมีผู้สูงอายุมารับชมมากขึ้น ต้องหาทางเข้าถึงให้ได้ อนาคตโฆษณาดิจิทัลอาจไม่โตแซงสื่อหลัก แต่สุดท้ายจะเป็นการหลอมรวมสื่อ เป็นคอนเทนต์ที่จะสื่อไปมากกว่า คาดว่าใน 5 ปีจะมีสัดส่วนถึง 20% ของตลาดโฆษณารวม จากพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่ง 4G ก็จะช่วยหนุน"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1427092225
ขณะที่กลุ่มโทรคมนาคมยังมีการเพิ่มงบมากที่สุด 395 ล้านบาท ยานยนต์ 382 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 187 ล้านบาท ธนาคาร 154 ล้านบาท และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 137 ล้านบาท
_____________________________________________________
ชำแหละ! งบฯโฆษณาดิจิทัล ลุ้น 5 ปีทะลุหมื่นล้าน เอี่ยวแชร์ 20%
อยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างแท้จริงสำหรับตลาดโฆษณาดิจิทัล แม้จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 6-7% ของตลาดโฆษณาโดยรวม แต่โตต่อเนื่อง โดยสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) ร่วมกับบริษัทวิจัยทีเอ็นเอส เปิดเผยผลสำรวจข้อมูลเชิงลึกตลาดโฆษณาดิจิทัลปี 2557 พร้อมคาดการณ์ปี 2558
"ศิวัตร เชาวรียวงษ์" นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาโฆษณาดิจิทัลโตขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ช่วงต้นปีมาก ลูกค้าขยับงบฯมาที่โฆษณาดิจิทัลมากขึ้นทั้งในรูปแบบที่แยกมาจากงบฯสื่อเก่าและตั้งใหม่ ทั้งปี 2557 มีมูลค่ารวม 6,115 ล้านบาท โตจากปี 2556 ถึง 44%
เมื่อแยกมูลค่าตามอุตสาหกรรมพบว่าโทรคมนาคมสูงสุดที่ 884 ล้านบาท รองลงมาเป็นยานยนต์ 695 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 424 ล้านบาท การเงินและธนาคาร 259 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม 231 ล้านบาท
กลุ่มที่เพิ่มงบฯโฆษณาดิจิทัลมากสุด คือ อุตสาหกรรมยานยนต์ 502 ล้านบาท โทรคมนาคม 386 ล้านบาท น้ำมันและสารหล่อลื่น 147 ล้านบาท ธนาคาร 132 ล้านบาท และประกันภัย 114 ล้านบาท หากดูที่เปอร์เซ็นต์การเติบโต กลุ่มน้ำมัน เพิ่มขึ้นกว่า 7,205% อุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ 3,149% ผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก 1,925% รองเท้า 1,346%
โดย "ดิสเพลย์" หรือแบนเนอร์ ยังใช้ถึง 28.1% และยังลงงบฯเพิ่มขึ้น แม้มีสัดส่วนที่น้อยลงกว่าปีก่อน รองลงมาเป็น "เสิร์ช" มีกูเกิลเสิร์ชเป็นเจ้าตลาดที่ 21.2% เฟซบุ๊ก 16% โตขึ้นจากปี 2556 มากถึง 10% และวิดีโอ 14%
"ไฮไลต์ปี 2557 ที่น่าจับตาที่สุด คือ เฟซบุ๊กโตขึ้นกว่า 10% และวิดีโอที่โตขึ้น 2% เป็นการโตขึ้นจากการที่แบรนด์ต่าง ๆ หรือเอเยนซี่เห็นว่าช่องทางนี้เข้าถึงลูกค้าของเขาได้อย่างไรบ้าง ลูกค้าเองก็ชื่นชอบ เสพสื่อเฟซบุ๊กและวิดีโอมากขึ้น จะเห็นว่าทุกเว็บข่าว เว็บท่า มีคลิป มีวิดีโอให้ดูทั้งนั้น"
สำหรับปี 2558 คาดว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้น 33% อยู่ที่ 8,134 ล้านบาท โดยคาดว่า "โทรคมนาคม" จะลงงบโฆษณาออนไลน์กว่า 1,200 ล้านบาท รองลงมาเป็นยานยนต์ 1,001 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 573 ล้านบาท ธนาคาร 383 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่มโทรคมนาคมยังมีการเพิ่มงบมากที่สุด 395 ล้านบาท ยานยนต์ 382 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 187 ล้านบาท ธนาคาร 154 ล้านบาท และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 137 ล้านบาท
ส่วนที่จะเติบโตเป็นเปอร์เซ็นต์มากสุด คือกลุ่มผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง 389% สินค้าเบ็ดเตล็ด 300% ภาครัฐ 138% เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 159% และสื่อ 129% โดยเน้นช่องทางเฟซบุ๊กและวิดีโอ
"เอเยนซี่ต่าง ๆ 75% มีแผนลงทุนในโฆษณาดิจิทัลเพิ่มอย่างน้อย 30% บางส่วนเริ่มลงมากกว่าบนโทรทัศน์ 86% ให้เหตุผลว่า ต้องการสร้างความรับรู้ของแบรนด์ให้มากขึ้น 81% ต้องการเข้าถึงลูกค้า 62% ต้องการยอดขาย 38% ต้องการประชาสัมพันธ์ 33% ต้องการปิดการขายออนไลน์ และ 24% สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า"
"ศิวัตร" เสริมว่า แบรนด์สินค้าต้องปรับตัวหาโมเดลเข้ากับผู้บริโภคที่ไม่สร้างความ "รำคาญ" หรือโอกาสจะถูกบล็อกหรือปิดกั้นน้อยที่สุด เช่น ไลน์ แม้ลูกค้าบล็อกก็แฝงผลิตภัณฑ์เข้าไปให้ได้ เช่น สติ๊กเกอร์ที่มีรูปแบรนด์
"ต้องเลือกช่องทางที่เหมาะสม อย่างวิดีโอ ก็เริ่มมีผู้สูงอายุมารับชมมากขึ้น ต้องหาทางเข้าถึงให้ได้ อนาคตโฆษณาดิจิทัลอาจไม่โตแซงสื่อหลัก แต่สุดท้ายจะเป็นการหลอมรวมสื่อ เป็นคอนเทนต์ที่จะสื่อไปมากกว่า คาดว่าใน 5 ปีจะมีสัดส่วนถึง 20% ของตลาดโฆษณารวม จากพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่ง 4G ก็จะช่วยหนุน"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1427092225
ไม่มีความคิดเห็น: