Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

24 มีนาคม 2558 Lenovo ชี้ลงทุนจัดเองในงาน Commart Thailand ไม่คุ้ม!!l ส่งดีลเลอร์ที่มางานแทน เทรนด์ผู้บริโภคที่ต้องการแค่ซื้อสินค้าราคาถูกจึงคิดว่าไม่ตอบโจทย์ และต้องการให้ผู้จัดทบทวนรูปแบบการจัดงานเพื่อให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของตลาดไอที

ประเด็นหลัก

นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลอโนโว ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ไม่ได้ไปร่วมงานเต็มตัวแต่ทำแคมเปญพิเศษร่วมกับดีลเลอร์ที่มางานแทน เพราะเมื่อคำนวณต้นทุน รวมถึงเทรนด์ผู้บริโภคที่ต้องการแค่ซื้อสินค้าราคาถูกจึงคิดว่าไม่ตอบโจทย์ และต้องการให้ผู้จัดทบทวนรูปแบบการจัดงานเพื่อให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของตลาดไอที และทำให้งานกลับมายิ่งใหญ่เหมือนในอดีต

"ในแง่กำลังซื้อเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ปีนี้ยอดขายตลาดรวมคอมพิวเตอร์จะอยู่ที่2.5 ล้านเครื่อง มากว่าปีที่แล้ว 5-10% น่าจะทำให้รายได้ของบริษัทในไทยกลับมาเติบโตอีกครั้ง"



_____________________________________________________













"คอมมาร์ต"เริ่มไม่ขลัง โปรไม่เร้าใจขาช็อปไอที


"คอมมาร์ต" เริ่มไม่ขลังแค่เน้นขายของไม่พอ โปรโมชั่น"ในงาน-นอกงาน" ไม่ต่าง "เออาร์ไอพี" ยอมรับ "โน้ตบุ๊ก-เดสก์ท็อป" ลด 1-4 พันบาท ยักษ์ไอทีมั่นใจกำลังซื้อฟื้น ลุ้นตลาดรวมโต 5-10%

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ระหว่างวันที่ 19-22 มี.ค.ที่ผ่านมามีการจัดงาน "คอมมาร์ต" ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งถือเป็นงานแรกของปี และมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบงานกะทันหัน หลัง "เอไอเอส" สปอนเซอร์หลักถอนตัว ด้วยว่าเงื่อนไขของการจัดงานเปลี่ยนไป จาก "เอไอเอส คอมมาร์ต ดิจิไลฟ์" จึงเปลี่ยนเป็น "คอมมาร์ต ซัมเมอร์เซล 2015"

นางเอื้อมพร ปัญญาใส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เออาร์ไอพี กล่าวว่าได้เริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานคอมมาร์ตมาตั้งแต่ครั้งที่จัดเมื่อเดือน พ.ย. 2557 ที่ผ่านมา โดยเน้นนิทรรศการมากขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 30% แต่ต้องยอมรับว่า เปลี่ยนเร็วเกินไป เพราะภาพจำในฐานะเทรดโชว์ไอทียังติดอยู่ในความคิดของผู้บริโภค แต่ถ้าไม่ปรับก็จะไม่ตรงเทรนด์ของตลาด ทำให้การจัดงานครั้งนี้ลดส่วนนิทรรศการเหลือ 10% เน้นจำหน่ายสินค้าแทน ประกอบกับสปอนเซอร์รายใหญ่ถอนตัวไปทำให้พื้นที่ "ดิจิทัล พาวิลเลียน" ที่เน้นนวัตกรรมลดลงไปโดยอัตโนมัติ

"เป็นความท้าทายของผู้จัดว่าจะเดินหน้าคอมมาร์ตที่จัดต่อเนื่องมา 15 ปีให้ไปต่อได้อย่างไร สิ่งที่ยืนยันได้คือจะยังคงใช้คอมมาร์ตต่อไป และจำนวนงานยังเป็น 3 ครั้ง/ปีเหมือนเดิม แต่ธีมงานแต่ละครั้งจะต่างกันไป ครั้งแรกนี้เน้นลดราคามากกว่า 50% เพื่อให้ผู้ค้าระบายสต๊อก คาดว่าจะมีผู้เข้าชม 8 แสนคน มีมูลค่าการซื้อขาย 2,700ล้านบาท ส่วนครั้งที่สองและสามอยู่ระหว่างพิจารณาปรับเปลี่ยนรูปแบบ"

จากการสำรวจภายในงานในวันแรก บรรยากาศไม่คักคักเท่าที่ควร หากพิจารณาจำนวนผู้ที่มาเดินชมงาน ซึ่งผู้จัดมองว่าเพราะเป็นเวลาทำงานในวันธรรมดา คาดว่าช่วงวันหยุดคนจะหนาแน่นขึ้น ส่วนแบรนด์ไอทีที่มาร่วมด้วย ได้แก่ อาซุส, เอเซอร์, เอ็มเอสไอ, เอปสัน และเอสวีโอเอ เป็นต้น ฟากค้าปลีกไอทีมีซีเอสซี, เจ.ไอ.บี. และแอดไวซ์ รวมถึงกรมการปกครองมาเปิดบูททำบัตรประชาชน และสถาบันการศึกษาจากประเทศอินเดียกว่า 10 แห่ง มาแนะนำการศึกษา เป็นต้น

สำหรับโปรโมชั่น ถ้าเป็นโน้ตบุ๊กจะลดโดยเฉลี่ย 2,000-4,000 บาท เช่น เอเซอร์รุ่น Switch 11 ไฮบริดโน้ตบุ๊ก ราคา 25,900 บาท จาก 29,900 บาท และอาซุส X453MA โน้ตบุ๊กจอ 14 นิ้ว ราคา 8,990 บาท จาก 10,990 บาท ส่วนเดสก์ทอปลดประมาณพันบาท เช่น เอชพี Pavilion 20 ออลอินวันพีซี ราคา 16,900 บาท จาก 17,900 บาท เป็นต้น ขณะที่อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ลดถึง 60-70% เช่น เคสสมาร์ทโฟน 5 ชิ้น 200 บาท เป็นต้น

นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงค์วุฒิ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การปรับรูปแบบงานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเน้นขายของไปตลอดคงไม่ได้ เช่น มีการเพิ่มด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ และเพิ่มเติมสินค้าอื่น ๆ มากกว่าคอมพิวเตอร์ เพื่อดึงดูดผู้เข้าร่วมงาน

สำหรับเอเซอร์เป็นผู้นำตลาด เมื่อมีการจัดงานมหกรรมไอทีก็จำเป็นต้องไป เพื่อรักษาภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำทั้งในแง่ยอดขายและในความคิดของผู้บริโภค แม้งานอาจชี้วัดกำลังซื้อของผู้บริโภคได้ไม่มาก เพราะโปรโมชั่นภายในงานกับข้างนอกไม่ต่างกัน

"เราสนับสนุนเครื่องบางรุ่นราคาพิเศษให้ดีลเลอร์เพื่อให้นำมาจัดโปรโมชั่น กระตุ้นผู้บริโภคเข้ามาซื้อในงาน ส่วนภาพรวมตลาดไอทีปีนี้คาดว่าจะกลับมาเติบโตเกือบ10% จากปีที่แล้ว เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคและหน่วยงานต่าง ๆ ทยอยเข้าสู่ภาวะปกติ"

นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลอโนโว ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ไม่ได้ไปร่วมงานเต็มตัวแต่ทำแคมเปญพิเศษร่วมกับดีลเลอร์ที่มางานแทน เพราะเมื่อคำนวณต้นทุน รวมถึงเทรนด์ผู้บริโภคที่ต้องการแค่ซื้อสินค้าราคาถูกจึงคิดว่าไม่ตอบโจทย์ และต้องการให้ผู้จัดทบทวนรูปแบบการจัดงานเพื่อให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของตลาดไอที และทำให้งานกลับมายิ่งใหญ่เหมือนในอดีต

"ในแง่กำลังซื้อเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ปีนี้ยอดขายตลาดรวมคอมพิวเตอร์จะอยู่ที่2.5 ล้านเครื่อง มากว่าปีที่แล้ว 5-10% น่าจะทำให้รายได้ของบริษัทในไทยกลับมาเติบโตอีกครั้ง"


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1427094700

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.