04 เมษายน 2558 PwC.ศิระ ระบุ ผลสำรวจพบว่าซีอีโอ 60% เผชิญกับความเสี่ยงหรือภัยที่คุกคามการเติบโตของรายได้ โดย 3 ปัจจัยแรกที่ซีอีโอทั่วโลกกังวลมากที่สุด ได้แก่ กฎระเบียบที่เข้มงวดมากเกินไปจากภาครัฐ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่อยู่เหนือการควบคุม การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ฯลฯ
ประเด็นหลัก
ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่าซีอีโอ 60% ระบุว่า ณ วันนี้ธุรกิจ ของพวกเขา กำลังเผชิญกับความเสี่ยงหรือภัยที่คุกคามการเติบโตของรายได้ ทั้งจากการแข่งขันและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป โดย 3 ปัจจัยแรกที่ซีอีโอทั่วโลกกังวลมากที่สุด ได้แก่ กฎระเบียบที่เข้มงวดมากเกินไปจากภาครัฐ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่อยู่เหนือการควบคุม การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ฯลฯ และเห็นตรงกันว่า หากยังทำธุรกิจในรูปแบบเดิมๆ หรือมองข้ามการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่สำคัญๆ จะทำให้ธุรกิจไม่สามารถเดินหน้าได้ หรือเสียเปรียบคู่แข่ง
_____________________________________________________
ซีอีโอโลกตอบรับ "เมกะเทรนด์" ลุยลงทุนเทคโนโลยีดิจิตอลเพิ่ม กุญแจไปสู่ความสำเร็จองค์กร
นายศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร และหุ้นส่วนบริษัทไพรซ์วอร์เตอร์เฮ้าส์ (PwC) ประเทศไทย เปิดเผยถึงรายงานผลสำรวจ Global CEO Survey ครั้งที่ 18 ที่สำรวจซีอีโอบริษัทเอกชน 700 บริษัททั่วโลกว่า ซีอีโอบริษัทเอกชน เริ่มตระหนักว่าเมกะเทรนด์ ที่เป็น “กระแสร่วม” ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งประเทศ เศรษฐกิจ และสังคม ประกอบด้วย 5 แนวโน้มหลัก ได้แก่ 1.ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 2.การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรศาสตร์ 3.การเปลี่ยนขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก 4.การขยายตัวของชุมชนเมือง 5.การขาดแคลนทรัพยากรและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ โดย 5 เมกะเทรนด์ ถือเป็นปัจจัยที่ท้าทายของธุรกิจในอนาคต
“ทุกวันนี้ธุรกิจอยู่บนโลกที่ไร้พรมแดน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่ง ส่งผลกระทบไปยังหลายประเทศทั่วทุกมุมโลกอย่างรวดเร็ว และเมกะเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก จะกลายเป็นแรงผลักดันให้การดำเนินธุรกิจในอนาคตเปลี่ยนแปลงไป
จากอดีตที่ถือเป็นทั้งความเสี่ยง และโอกาสสำหรับผู้นำที่มองต่างจากคนอื่น”
ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่าซีอีโอ 60% ระบุว่า ณ วันนี้ธุรกิจ ของพวกเขา กำลังเผชิญกับความเสี่ยงหรือภัยที่คุกคามการเติบโตของรายได้ ทั้งจากการแข่งขันและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป โดย 3 ปัจจัยแรกที่ซีอีโอทั่วโลกกังวลมากที่สุด ได้แก่ กฎระเบียบที่เข้มงวดมากเกินไปจากภาครัฐ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่อยู่เหนือการควบคุม การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ฯลฯ และเห็นตรงกันว่า หากยังทำธุรกิจในรูปแบบเดิมๆ หรือมองข้ามการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่สำคัญๆ จะทำให้ธุรกิจไม่สามารถเดินหน้าได้ หรือเสียเปรียบคู่แข่ง
นายศิระ กล่าวว่า ในปีนี้ซีอีโอบริษัทเอกชนเริ่มตื่นตัวสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และปรับโครงสร้างการทำงาน ให้เข้ากับเทคโนโลยีดิจิตอล ที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเชื่อว่าการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิตอล (Digital Technology) จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรได้ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ส่วนประเภทของเทคโนโลยีที่ผู้บริหาร จะนำมาปรับใช้มากที่สุด ได้แก่ เทคโนโลยีบนมือถือ การทำงานบนอุปกรณ์ไร้สาย เทคโนโลยีในการค้นหา และวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัย ของข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ นอกจากการลงทุนด้านดิจิตอลแล้ว การมองหาบุคลากรที่มีความสามารถ ด้านเทคโนโลยี ยังถือเป็นกุญแจสำคัญของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในอนาคต.
http://www.thairath.co.th/content/490135
ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่าซีอีโอ 60% ระบุว่า ณ วันนี้ธุรกิจ ของพวกเขา กำลังเผชิญกับความเสี่ยงหรือภัยที่คุกคามการเติบโตของรายได้ ทั้งจากการแข่งขันและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป โดย 3 ปัจจัยแรกที่ซีอีโอทั่วโลกกังวลมากที่สุด ได้แก่ กฎระเบียบที่เข้มงวดมากเกินไปจากภาครัฐ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่อยู่เหนือการควบคุม การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ฯลฯ และเห็นตรงกันว่า หากยังทำธุรกิจในรูปแบบเดิมๆ หรือมองข้ามการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่สำคัญๆ จะทำให้ธุรกิจไม่สามารถเดินหน้าได้ หรือเสียเปรียบคู่แข่ง
ซีอีโอโลกตอบรับ "เมกะเทรนด์" ลุยลงทุนเทคโนโลยีดิจิตอลเพิ่ม กุญแจไปสู่ความสำเร็จองค์กร
นายศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร และหุ้นส่วนบริษัทไพรซ์วอร์เตอร์เฮ้าส์ (PwC) ประเทศไทย เปิดเผยถึงรายงานผลสำรวจ Global CEO Survey ครั้งที่ 18 ที่สำรวจซีอีโอบริษัทเอกชน 700 บริษัททั่วโลกว่า ซีอีโอบริษัทเอกชน เริ่มตระหนักว่าเมกะเทรนด์ ที่เป็น “กระแสร่วม” ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งประเทศ เศรษฐกิจ และสังคม ประกอบด้วย 5 แนวโน้มหลัก ได้แก่ 1.ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 2.การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรศาสตร์ 3.การเปลี่ยนขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก 4.การขยายตัวของชุมชนเมือง 5.การขาดแคลนทรัพยากรและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ โดย 5 เมกะเทรนด์ ถือเป็นปัจจัยที่ท้าทายของธุรกิจในอนาคต
“ทุกวันนี้ธุรกิจอยู่บนโลกที่ไร้พรมแดน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่ง ส่งผลกระทบไปยังหลายประเทศทั่วทุกมุมโลกอย่างรวดเร็ว และเมกะเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก จะกลายเป็นแรงผลักดันให้การดำเนินธุรกิจในอนาคตเปลี่ยนแปลงไป
จากอดีตที่ถือเป็นทั้งความเสี่ยง และโอกาสสำหรับผู้นำที่มองต่างจากคนอื่น”
ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่าซีอีโอ 60% ระบุว่า ณ วันนี้ธุรกิจ ของพวกเขา กำลังเผชิญกับความเสี่ยงหรือภัยที่คุกคามการเติบโตของรายได้ ทั้งจากการแข่งขันและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป โดย 3 ปัจจัยแรกที่ซีอีโอทั่วโลกกังวลมากที่สุด ได้แก่ กฎระเบียบที่เข้มงวดมากเกินไปจากภาครัฐ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่อยู่เหนือการควบคุม การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ฯลฯ และเห็นตรงกันว่า หากยังทำธุรกิจในรูปแบบเดิมๆ หรือมองข้ามการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่สำคัญๆ จะทำให้ธุรกิจไม่สามารถเดินหน้าได้ หรือเสียเปรียบคู่แข่ง
นายศิระ กล่าวว่า ในปีนี้ซีอีโอบริษัทเอกชนเริ่มตื่นตัวสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และปรับโครงสร้างการทำงาน ให้เข้ากับเทคโนโลยีดิจิตอล ที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเชื่อว่าการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิตอล (Digital Technology) จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรได้ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ส่วนประเภทของเทคโนโลยีที่ผู้บริหาร จะนำมาปรับใช้มากที่สุด ได้แก่ เทคโนโลยีบนมือถือ การทำงานบนอุปกรณ์ไร้สาย เทคโนโลยีในการค้นหา และวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัย ของข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ นอกจากการลงทุนด้านดิจิตอลแล้ว การมองหาบุคลากรที่มีความสามารถ ด้านเทคโนโลยี ยังถือเป็นกุญแจสำคัญของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในอนาคต.
http://www.thairath.co.th/content/490135
ไม่มีความคิดเห็น: