Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

01 พฤษภาคม 2558 (บทความ) ไอดีซีมองตลาดไอทีไทยปี 2558 // ปีนี้คาดว่า จะมีผู้ใช้เกือบ 40 ล้านเครื่อง และจะเพิ่มเป็น 50 ล้านเครื่อง ในปี ค.ศ. 2017 โดยราคาของสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายได้มากที่สุดยังอยู่ในราคาต่ำกว่า 3,000 บาท

ประเด็นหลัก

นายณัฐชนน ธ. บุญสอน นักวิเคราะห์ ไคลเอนต์ดีไวซ์ ประจำไอดีซีประเทศไทย เปิดเผยผลการสำรวจ ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยว่า ในปี ค.ศ. 2014 ประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนเกือบ 30 ล้านเครื่อง ปีนี้คาดว่า จะมีผู้ใช้เกือบ 40 ล้านเครื่อง และจะเพิ่มเป็น 50 ล้านเครื่อง ในปี ค.ศ. 2017 โดยราคาของสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายได้มากที่สุดยังอยู่ในราคาต่ำกว่า 3,000 บาท เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้งานที่เปลี่ยนจากโทรศัพท์แบบฟีเจอร์โฟนมาใช้งาน

สมาร์ทโฟนเครื่องแรกยังมีจำนวนมาก ส่วนเหตุผลในการตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนของผู้บริโภค 3 อันดับแรก คือ ยี่ห้อ ระบบปฏิบัติการ และคุณสมบัติของเครื่อง ซึ่งหน้าจอสมาร์ทโฟนขนาด 5.5 นิ้ว เริ่มมาแรงเพิ่มจากยอดจำหน่าย 2 ล้านเครื่องเป็น 5 ล้านเครื่อง

“ผลการสำรวจของไอดีซี พบว่า ผู้บริโภคพึงพอใจกับการใช้งานสมาร์ทโฟนในปัจจุบันแล้ว แต่ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่ภายใน 1 ปี สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนของไทยมีการเติบโตที่สูงเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รองจากอินโดนีเซีย ขณะที่ฟิลิปปินส์มีการเติบโตเป็นอันดับที่ 3” นายณัฐชนน กล่าว

นอกจากนี้ ผลสำรวจพบว่า ตลาดสมาร์ทโฟนของไทยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มีอัตราการเติบโตที่สูง จากปี ค.ศ. 2013 ที่มียอดจำหน่าย 7 ล้านเครื่อง เพิ่มเป็น 14.5 ล้านเครื่องในปี ค.ศ. 2014 และคาดว่าจะมียอดจำหน่ายเพิ่มเป็น 17 ล้านเครื่องในปี ค.ศ. 2015 เนื่องจากมีให้เลือกหลายรุ่น หลายยี่ห้อและหลายราคา ขณะที่สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการไอโอเอสมียอดจำหน่ายเท่าเดิมประมาณปีละ 1.5 ล้านเครื่อง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013-ปี ค.ศ. 2015



_____________________________________________________

















ไอดีซีมองตลาดไอทีไทยปี 2558
ภายใน 3 ปีจะเห็นการเติบโตของอุปกรณ์สวมใส่ในประเทศไทยที่ชัดเจน เพราะมีแรงกระตุ้นจากการที่ผู้ผลิตนำอุปกรณ์สวมใส่ที่หลากหลายเข้ามาจำหน่ายและผู้บริโภคเห็นประโยชน์ของการใช้งาน



ตลาดสินค้าไอทีของประเทศไทยจะก้าวไปในทิศทางใด ทั้งอุปกรณ์แบบสวมใส่ คอมพิวเตอร์พีซี สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต “ไอดีซี” มีคำตอบ

สินค้าไอทีแบบสวมใส่ในไทยรออีก 3 ปีเห็นผล

นายจาริตร์ สิทธุ นักวิเคราะห์อาวุโส สายงานศึกษาตลาดไคลเอนต์ดีไวซ์ ประจำไอดีซีประเทศไทย ระบุว่า อุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่ หรือ แวร์เอเบิล ดีไวซ์ (Wearable Device) เริ่มมีผู้ใช้งานในประเทศไทย โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอุปกรณ์สวมใส่แบบพื้นฐาน (Basic Wearable) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ต้องทำงานควบคู่กับอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ เช่น กำไลข้อมือดิจิตอลต้องทำงานคู่กับโทรศัพท์มือถือหรือซอฟต์แวร์ตัวอื่น ๆ และกลุ่มอุปกรณ์สวมใส่แบบอัจฉริยะ (Smart Wearable) เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลผลได้ทันทีโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ

นายจาริตร์ กล่าวว่า ในประเทศไทยกลุ่มคนที่ใช้งานอุปกรณ์แบบสวมใส่ส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก เนื่องจากอุปกรณ์แบบสวมใส่อัจฉริยะยังมีราคาแพงเฉลี่ยอยู่ที่ 6,000-40,000 บาท ขณะที่อุปกรณ์สวมใส่แบบพื้นฐานจะมีราคาถูกกว่าอยู่ที่ 3,000-9,000 บาท ในประเทศไทยยังไม่มีปริมาณการใช้งานที่แน่ชัด แต่ตัวเลขการใช้งานของอุปกรณ์สวมใส่ทั้งแบบพื้นฐานและอัจฉริยะในเอเชียแปซิฟิกคาดว่ามีอยู่ประมาณ 10 ล้านชิ้นในปี ค.ศ. 2015

“ภายใน 3 ปีจะเห็นการเติบโตของอุปกรณ์สวมใส่ในประเทศไทยที่ชัดเจน เพราะมีแรงกระตุ้นจากการที่ผู้ผลิตนำอุปกรณ์สวมใส่ที่หลากหลายเข้ามาจำหน่ายและผู้บริโภคเห็นประโยชน์ของการใช้งาน ส่วนปัจจัยที่เป็นข้อจำกัดทำให้อุปกรณ์สวมใส่ในไทยวันนี้ยังไม่โต คือ อุปกรณ์มีราคาแพง ไม่มีความหลากหลาย และผู้บริโภคยังไม่มีข้อมูลและไม่เห็นประโยชน์ อุปกรณ์แบบสวมใส่ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยมีอยู่ 2 แบบ คือ ในรูปแบบนาฬิกากับกำไลข้อมือ โดยอุตสาหกรรมที่จะนำอุปกรณ์สวมใส่มาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางคือ ธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ และบริษัทประกันภัย ซึ่งใช้ในการเก็บข้อมูลของลูกค้า” นายจาริตร์ กล่าว

ตลาดพีซีไทยอิ่มตัว

สำหรับตลาดพีซีในประเทศไทย นายจาริตร์ มองว่า ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เนื่องจากปัจจุบันมียอดการใช้งานคอมพิวเตอร์พีซีอยู่ 45% ของจำนวนประชากร เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วพบว่าจะมีการใช้งานคอมพิวเตอร์พีซีอยู่ที่ 50% ของจำนวนประชากร ขณะที่ยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์พีซีของไทยในปี ค.ศ. 2014 อยู่ที่ 2 ล้านเครื่องเป็นยอดจำหน่ายที่ต่ำสุดในรอบ 7 ปี ซึ่งปี ค.ศ. 2015 คาดว่าจะมียอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์พีซีประมาณ 2-2.5 ล้านเครื่อง เท่า ๆ ปีที่ผ่านมา จากการเปลี่ยนเครื่องใหม่ของภาครัฐและองค์กร

คนไทยพร้อมเปลี่ยนสมาร์ทโฟนใหม่ใน 1 ปี

นายณัฐชนน ธ. บุญสอน นักวิเคราะห์ ไคลเอนต์ดีไวซ์ ประจำไอดีซีประเทศไทย เปิดเผยผลการสำรวจ ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยว่า ในปี ค.ศ. 2014 ประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนเกือบ 30 ล้านเครื่อง ปีนี้คาดว่า จะมีผู้ใช้เกือบ 40 ล้านเครื่อง และจะเพิ่มเป็น 50 ล้านเครื่อง ในปี ค.ศ. 2017 โดยราคาของสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายได้มากที่สุดยังอยู่ในราคาต่ำกว่า 3,000 บาท เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้งานที่เปลี่ยนจากโทรศัพท์แบบฟีเจอร์โฟนมาใช้งาน

สมาร์ทโฟนเครื่องแรกยังมีจำนวนมาก ส่วนเหตุผลในการตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนของผู้บริโภค 3 อันดับแรก คือ ยี่ห้อ ระบบปฏิบัติการ และคุณสมบัติของเครื่อง ซึ่งหน้าจอสมาร์ทโฟนขนาด 5.5 นิ้ว เริ่มมาแรงเพิ่มจากยอดจำหน่าย 2 ล้านเครื่องเป็น 5 ล้านเครื่อง

“ผลการสำรวจของไอดีซี พบว่า ผู้บริโภคพึงพอใจกับการใช้งานสมาร์ทโฟนในปัจจุบันแล้ว แต่ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่ภายใน 1 ปี สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนของไทยมีการเติบโตที่สูงเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รองจากอินโดนีเซีย ขณะที่ฟิลิปปินส์มีการเติบโตเป็นอันดับที่ 3” นายณัฐชนน กล่าว

นอกจากนี้ ผลสำรวจพบว่า ตลาดสมาร์ทโฟนของไทยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มีอัตราการเติบโตที่สูง จากปี ค.ศ. 2013 ที่มียอดจำหน่าย 7 ล้านเครื่อง เพิ่มเป็น 14.5 ล้านเครื่องในปี ค.ศ. 2014 และคาดว่าจะมียอดจำหน่ายเพิ่มเป็น 17 ล้านเครื่องในปี ค.ศ. 2015 เนื่องจากมีให้เลือกหลายรุ่น หลายยี่ห้อและหลายราคา ขณะที่สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการไอโอเอสมียอดจำหน่ายเท่าเดิมประมาณปีละ 1.5 ล้านเครื่อง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013-ปี ค.ศ. 2015

ตลาดแท็บเล็ตก็ตกเพราะทดแทนพีซีไม่ได้

สำหรับตลาดแท็บเล็ตมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 แม้จะมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 3 ล้านเครื่องเท่ากับปี ค.ศ. 2013 เพราะยอดจำหน่ายที่ได้ในปี ค.ศ. 2014 เป็นยอดขายแท็บเล็ตตามโครงการแท็บเล็ตเพื่อการศึกษาของรัฐบาล ขณะที่ตลาดของผู้ใช้ทั่วไปไม่ถึง 2 ล้านเครื่อง และในปี ค.ศ. 2015 คาดว่า ตลาดแท็บเล็ตในประเทศไทยจะมียอดจำหน่ายไม่ถึง 3 ล้านเครื่อง ส่วนเหตุผลที่ทำให้ตลาดแท็บเล็ตไม่เติบโต เพราะการใช้งานส่วนใหญ่ใช้เพื่อเล่นเกม และความสามารถของแท็บเล็ตไม่สามารถทดแทนการใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีได้ ซึ่งมองว่าแท็บเล็ตที่ยังจำหน่ายได้ในตลาดมีเพียง 2 ขนาด คือ ขนาดหน้าจอ 7-8 นิ้ว ที่รองรับการใช้งานเป็นโทรศัพท์มือถือสามารถโทรฯ ได้ ซึ่งจะใช้งานแทนโทรศัพท์มือถือ และขนาดหน้าจอ 9-11 นิ้ว ที่ใช้ในการทำงาน

ทั้งหมดนี้คือภาพรวมของตลาดสินค้าไอทีในประเทศไทย อ่านถึงตรงนี้คงรู้แล้วว่าสินค้าไอทีประเภทไหนขายดี.

น้ำเพชร จันทา
Khamphun Phetchanplang​
http://www.dailynews.co.th/it/317074

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.