Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

14 กรกฎาคม 2558 มติ กสทช. 9 ต่อ 1 ให้คลังยืมเงิน 1.4 หมื่นล้าน พัฒนาระบบน้ำและขนส่งทางถนน "สุภิญญา" ค้านเสียงเดียว ชี้ผิดวัตถุประสงค์กองทุน กทปส.

ประเด็นหลัก






ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2558 เห็นชอบให้ยืมเงินจำนวนดังกล่าวจาก กทปส. ซึ่งเป็นการให้ยืมแบบไม่คิดดอกเบี้ย เพราะเป็นหน่วยงานรัฐยืมของหน่วยงานรัฐ โดยเบื้องต้นมีแนวคิดจะให้กระทรวงคลังแบ่งชำระเงินคืนภายใน 3 ปี อย่างไรต้องรอหนังสืออย่างเป็นทางการจากกระทรวงการคลังก่อน เพื่อหารือรายละเอียดในการชำระคืน สำหรับเงินกองทุน กทปส.ปัจจุบันมีประมาณ 19,000 ล้านบาท นำไปใช้ในโครงการแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม หรือโครงการยูโซแล้ว 500 ล้านบาท และหากให้คลังยืมไป จะมีเงินเหลืออยู่ที่ กทปส.ประมาณ 4,200 ล้านบาท

ขณะที่ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. กล่าวว่า ไม่เห็นชอบต่อกรณีดังกล่าว เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการนำเงินกองทุนไปใช้ในกิจการพัฒนาระบบน้ำและพัฒนาขนส่ง ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของกองทุน กทปส.ตามกฎหมาย พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 แม้สำนักงานจะอ้างถึงประกาศ คสช.ฉบับที่ 80/2557 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 52 ให้ส่งเสริมและสนับสนุนด้านงบประมาณคลังสามารถยืมเงินกองทุนเพื่อนำไปใช้ในกิจการของรัฐอันเป็นประโยชน์สาธารณะได้ แต่สำนักงานและกรรมการกองทุน กทปส. ไม่ได้แนบรายละเอียดโครงการ รวมทั้ง ครม.ควรจะหารือกับ กสทช. เพื่อทำความเข้าใจว่าอาจเกิดผลกระทบได้ หากนำเงินไปพัฒนาด้านอื่น







____________________________________




มติ‘กสทช.’9ต่อ1 คลังยืม1.4หมื่นล. เก๋ค้านเสียงเดียว



มติ กสทช. 9 ต่อ 1 ให้คลังยืมเงิน 1.4 หมื่นล้าน พัฒนาระบบน้ำและขนส่งทางถนน "สุภิญญา" ค้านเสียงเดียว ชี้ผิดวัตถุประสงค์กองทุน กทปส. ไม่เห็นรายละเอียดโครงการ "สมหมาย" โต้เป็นนโยบาย "บิ๊กตู่" สบน.เผยลงทุนรวม 8 หมื่นล้าน เบิกจ่ายก้อนแรกเดือนนี้ 3 พันล้าน
สุภิญญา กลางณรงค์

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมกรรมการ กสทช.ว่า ที่ประชุมมีมติ 9 ต่อ 1 เสียง เห็นชอบให้กระทรวงการคลังยืมเงินจำนวน 14,300 ล้านบาท จากเงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร กทปส. เพื่อนำไปใช้แทนเงินกู้บางส่วนสำหรับโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2558 เห็นชอบให้ยืมเงินจำนวนดังกล่าวจาก กทปส. ซึ่งเป็นการให้ยืมแบบไม่คิดดอกเบี้ย เพราะเป็นหน่วยงานรัฐยืมของหน่วยงานรัฐ โดยเบื้องต้นมีแนวคิดจะให้กระทรวงคลังแบ่งชำระเงินคืนภายใน 3 ปี อย่างไรต้องรอหนังสืออย่างเป็นทางการจากกระทรวงการคลังก่อน เพื่อหารือรายละเอียดในการชำระคืน สำหรับเงินกองทุน กทปส.ปัจจุบันมีประมาณ 19,000 ล้านบาท นำไปใช้ในโครงการแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม หรือโครงการยูโซแล้ว 500 ล้านบาท และหากให้คลังยืมไป จะมีเงินเหลืออยู่ที่ กทปส.ประมาณ 4,200 ล้านบาท

ขณะที่ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. กล่าวว่า ไม่เห็นชอบต่อกรณีดังกล่าว เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการนำเงินกองทุนไปใช้ในกิจการพัฒนาระบบน้ำและพัฒนาขนส่ง ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของกองทุน กทปส.ตามกฎหมาย พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 แม้สำนักงานจะอ้างถึงประกาศ คสช.ฉบับที่ 80/2557 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 52 ให้ส่งเสริมและสนับสนุนด้านงบประมาณคลังสามารถยืมเงินกองทุนเพื่อนำไปใช้ในกิจการของรัฐอันเป็นประโยชน์สาธารณะได้ แต่สำนักงานและกรรมการกองทุน กทปส. ไม่ได้แนบรายละเอียดโครงการ รวมทั้ง ครม.ควรจะหารือกับ กสทช. เพื่อทำความเข้าใจว่าอาจเกิดผลกระทบได้ หากนำเงินไปพัฒนาด้านอื่น

"มองว่ากระบวนการยังไม่ครบถ้วน รวมทั้งโครงการพัฒนาระบบน้ำ ควรมีการรับฟังความเห็นจากภาคประชาชนและองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่ ซึ่ง กสทช.เองก็ยังไม่เห็นรายละเอียดในโครงการดังกล่าว แม้จะเป็นความจำนงจากกระทรวงการคลัง แต่ยังต้องมีกระบวนการข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เพราะเป็นการชั่งน้ำหนักระหว่างการพัฒนาระบบน้ำขนส่ง กับการพัฒนาด้านโทรคมนาคมขั้นพื้นฐาน อะไรคือภารกิจสำคัญของ กสทช.ในการนำเงินไปใช้ตรงนี้ หรือว่ารัฐบาลควรนำไปใช้มากกว่ากัน” น.ส.สุภิญญาระบุ

ทางด้านนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การขอยืมเงินกองทุนดังกล่าวเป็นนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และถือเป็นกองทุนของรัฐ ซึ่งหากมีเงินเหลืออยู่มาก รัฐบาลสามารถยืมมาใช้ในโครงการจำเป็นด้านอื่นๆ ได้ ไม่มีปัญหา หากไม่ทำให้กระทบกระเทือนกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ซึ่งจากการตรวจสอบในระยะต่อไป จะมีเงินไหลเข้ามาในกองทุนเพิ่มขึ้นอีก แม้ว่าจะยืมเงินไปใช้ในการลงทุนน้ำกับขนส่งไปแล้วก็ตาม แต่หากยืมไม่ได้ต้องบอกความจำเป็นมาว่าจะกันเงินไว้ใช้ในโครงการอะไร ดังนั้นการที่ น.ส.สุภิญญาไม่เห็นด้วย เป็นเพียงความคิดเห็นของคนคนเดียวหรือไม่

นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า โครงการลงทุนซ่อมสร้างถนนและบริหารจัดการน้ำทั่วประเทศ วงเงินรวม 8 หมื่นล้านบาท มีการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันไปแล้ว 50% ที่เหลือจะทำสัญญาได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีงบประมาณ 2558 สำหรับการกู้เงินเพื่อใช้ในโครงการดังกล่าว ได้มีการกู้มาแล้ว 3,000 ล้านบาท และจะเริ่มมีการเบิกจ่ายภายในเดือนนี้เป็นต้นไป ซึ่ง สบน.จะประเมินการเบิกจ่ายเงินกู้ก้อนแรก และจะได้วางแผนกู้เงินก้อนที่สองจากสถาบันการเงินต่อไป

“ตามแผนที่ได้ทำไว้โครงการทั้งหมด 8 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการขนาดเล็กที่ดำเนินการเสร็จภายใน 1 ปี เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้รวดเร็ว ภายในปีงบประมาณ 2558 จะมีการเบิกเงินกู้ลงทุนทั้งหมดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ที่เหลือจะเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2559 อีก 5 หมื่นกว่าล้านบาท และในปีงบประมาณ 2560 อีก 7 พันล้านบาท” นายธีรัชย์กล่าว

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการให้ ครม.เศรษฐกิจติดตามแผนการลงทุนของกระทรวงคมนาคมว่าโครงการไหนทำได้-ไม่ได้ตามแผน ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเรื่องดังกล่าว ซึ่งในปีงบประมาณ 2558 มีโครงการลงทุนรถไฟรางคู่ของกระทรวงคมนาคมบรรจุไว้ในแผนการก่อหนี้ แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะยังไม่ผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และในบางส่วนของเส้นทางรถไฟรางคู่ยังออกแบบไม่เสร็จ โดยทาง สบน.ได้ทำเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมให้เร่งหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ดำเนินการโครงการลงทุนเป็นไปตามแผนที่วางไว้

นอกจากนี้ สบน.ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจกา) เพื่อลงทุนโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 3 ที่เหลือวงเงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาท จากที่ก่อนหน้านี้เพิ่งเซ็นสัญญาเงินกู้ระยะที่ 2 วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทางญี่ปุ่นสนใจปล่อยกู้ให้กับโครงการนี้จนสิ้นสุดโครงการ

สำหรับสถานะหนี้สาธารณะคงค้างวันที่ 30 เม.ย. 2558 อยู่ที่ 5.77 ล้านล้านบาท หรือ 43.6% ของจีดีพี หนี้สูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 4.2 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการกู้ของรัฐบาลเพื่อการขาดดุลงบประมาณ 2558 สบน. คาดว่าหนี้สาธารณะสิ้นปีงบประมาณจะอยู่ที่ 44-45% ของจีดีพี.

http://www.thaipost.net/?q=มติ‘กสทช’9ต่อ1-คลังยืม14หมื่นล-เก๋ค้านเสียงเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.