18 กรกฎาคม 2558 I-Mobile ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ของกลุ่มสามารถราว 30% หรือ 1.2 หมื่นล้านบาท เพียงแต่ว่าด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไม่สามารถจำหน่ายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
ประเด็นหลัก
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทใช้เงิน 100 ล้านบาททำการรีแบรนด์ "ไอ-โมบาย" ซึ่งเป็นบริษัทลูกบริหารจัดการโดยบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) โดยการรีแบรนด์ในครั้งนี้เป็นการเพิ่มสีสัน เปลี่ยนแท็กไลน์เป็น "สนุกกับชีวิตสมาร์ท" ตามด้วยสัญลักษณ์ หู ตา จมูก ปาก เพื่อสื่อถึงการเข้าสู่ยุคดิจิตอล
ขณะที่ยอดขายของ ไอ-โมบาย ในช่วงครึ่งปีแรกสามารถจำหน่ายเครื่องไปแล้วจำนวน 1.5 ล้านเครื่อง แต่ถ้าเปรียบเทียบระหว่างไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ยังถือว่ามีการเติบโต หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาจะมียอดจำหน่ายเครื่องลดลง สำหรับในปีนี้รายได้ของกลุ่มสามารถจะถึงตามเป้าหมาย 3 หมื่นล้านบาทหรือไม่ จะขึ้นอยู่กับยอดขายของ ไอ-โมบาย ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ของกลุ่มสามารถราว 30% หรือ 1.2 หมื่นล้านบาท เพียงแต่ว่าด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไม่สามารถจำหน่ายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
_________________________________________
‘ไอ-โมบาย’ทุ่ม 100ล้านบาท
ปรับภาพลักษณ์ให้สนุกสนาน
"วัฒน์ชัย" ทุ่ม 100 ล้าน รีแบรนด์ "ไอ-โมบาย" เปลี่ยนภาพลักษณ์ให้มีความสนุกสนาน ครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ 1.5 ล้านเครื่อง ยอมรับเศรษฐกิจมีผลต่อกำลังซื้อ คาดภายในสิ้นปีพลาดเป้าหมายจาก 4 ล้านเครื่องอาจจะอยู่ที่ 3-3.5 ล้านเครื่อง
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทใช้เงิน 100 ล้านบาททำการรีแบรนด์ "ไอ-โมบาย" ซึ่งเป็นบริษัทลูกบริหารจัดการโดยบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) โดยการรีแบรนด์ในครั้งนี้เป็นการเพิ่มสีสัน เปลี่ยนแท็กไลน์เป็น "สนุกกับชีวิตสมาร์ท" ตามด้วยสัญลักษณ์ หู ตา จมูก ปาก เพื่อสื่อถึงการเข้าสู่ยุคดิจิตอล
ขณะที่ยอดขายของ ไอ-โมบาย ในช่วงครึ่งปีแรกสามารถจำหน่ายเครื่องไปแล้วจำนวน 1.5 ล้านเครื่อง แต่ถ้าเปรียบเทียบระหว่างไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ยังถือว่ามีการเติบโต หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาจะมียอดจำหน่ายเครื่องลดลง สำหรับในปีนี้รายได้ของกลุ่มสามารถจะถึงตามเป้าหมาย 3 หมื่นล้านบาทหรือไม่ จะขึ้นอยู่กับยอดขายของ ไอ-โมบาย ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ของกลุ่มสามารถราว 30% หรือ 1.2 หมื่นล้านบาท เพียงแต่ว่าด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไม่สามารถจำหน่ายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
อย่างไรก็ตามเป้าหมายเดิมของ ไอ-โมบาย ในปีนี้ คือ จำหน่ายสมาร์ทโฟนให้ได้ 4 ล้านเครื่อง แต่เมื่อครึ่งปีแรกผ่านไปปรากฏว่า ไอ-โมบาย จำหน่ายเครื่องไปเพียง 1.5 ล้านเครื่อง ส่งผลกระทบถึงยอดรวมตลาดทั้งปี ทำให้ยอดขายลดลงมาเหลือเพียง 3-3.5 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็นจำนวนเงิน คือ 1 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน ไอ-โมบาย มีแผนนำสมาร์ทโฟนไปจำหน่ายในต่างประเทศซึ่งจะเป็นรายได้อีกส่วนหนึ่ง ล่าสุดทางประเทศอิรัก อิยิปต์ และเคนย่า ได้มีการสั่งซื้อสินค้าอย่างเป็นทางการแล้ว
นายวัฒน์ชัยกล่าวต่อว่า นอกจากนี้แล้ว จะมีการเปลี่ยนช่องทางการสื่อสาร โดยใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กมากยิ่งขึ้น พร้อมไปกับการทำตลาดผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ รวมไปถึงการเข้าไปร่วมทำตลาดกับโอเปอเรเตอร์ทุกรายในการนำเสนอโปรโมชันพิเศษ การทำผลิตภัณฑ์พรีเมียมกับแบรนด์ท้องถิ่นอย่างทีมฟุตบอล และการผลิตสินค้าในส่วนของอุปกรณ์เสริมมากยิ่งขึ้น
สำหรับธุรกิจคอนเทนต์ ที่ดำเนินการภายใต้บริษัท ไอ สปอร์ต จำกัด ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI โดยเมื่อเข้าตลาดฯ แล้วก็จะเป็นการระดมเงินมาลงทุนในจำนวน 200 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานด้านบรอดแคสต์มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเป็นเงินสำหรับการเข้าร่วมประมูลไลเซนส์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา ที่จะมีขึ้นในอนาคต
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,069 วันที่ 12 - 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=285232:--100&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VaiZWWBAeuw
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทใช้เงิน 100 ล้านบาททำการรีแบรนด์ "ไอ-โมบาย" ซึ่งเป็นบริษัทลูกบริหารจัดการโดยบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) โดยการรีแบรนด์ในครั้งนี้เป็นการเพิ่มสีสัน เปลี่ยนแท็กไลน์เป็น "สนุกกับชีวิตสมาร์ท" ตามด้วยสัญลักษณ์ หู ตา จมูก ปาก เพื่อสื่อถึงการเข้าสู่ยุคดิจิตอล
ขณะที่ยอดขายของ ไอ-โมบาย ในช่วงครึ่งปีแรกสามารถจำหน่ายเครื่องไปแล้วจำนวน 1.5 ล้านเครื่อง แต่ถ้าเปรียบเทียบระหว่างไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ยังถือว่ามีการเติบโต หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาจะมียอดจำหน่ายเครื่องลดลง สำหรับในปีนี้รายได้ของกลุ่มสามารถจะถึงตามเป้าหมาย 3 หมื่นล้านบาทหรือไม่ จะขึ้นอยู่กับยอดขายของ ไอ-โมบาย ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ของกลุ่มสามารถราว 30% หรือ 1.2 หมื่นล้านบาท เพียงแต่ว่าด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไม่สามารถจำหน่ายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
_________________________________________
‘ไอ-โมบาย’ทุ่ม 100ล้านบาท
ปรับภาพลักษณ์ให้สนุกสนาน
"วัฒน์ชัย" ทุ่ม 100 ล้าน รีแบรนด์ "ไอ-โมบาย" เปลี่ยนภาพลักษณ์ให้มีความสนุกสนาน ครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ 1.5 ล้านเครื่อง ยอมรับเศรษฐกิจมีผลต่อกำลังซื้อ คาดภายในสิ้นปีพลาดเป้าหมายจาก 4 ล้านเครื่องอาจจะอยู่ที่ 3-3.5 ล้านเครื่อง
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทใช้เงิน 100 ล้านบาททำการรีแบรนด์ "ไอ-โมบาย" ซึ่งเป็นบริษัทลูกบริหารจัดการโดยบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) โดยการรีแบรนด์ในครั้งนี้เป็นการเพิ่มสีสัน เปลี่ยนแท็กไลน์เป็น "สนุกกับชีวิตสมาร์ท" ตามด้วยสัญลักษณ์ หู ตา จมูก ปาก เพื่อสื่อถึงการเข้าสู่ยุคดิจิตอล
ขณะที่ยอดขายของ ไอ-โมบาย ในช่วงครึ่งปีแรกสามารถจำหน่ายเครื่องไปแล้วจำนวน 1.5 ล้านเครื่อง แต่ถ้าเปรียบเทียบระหว่างไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ยังถือว่ามีการเติบโต หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาจะมียอดจำหน่ายเครื่องลดลง สำหรับในปีนี้รายได้ของกลุ่มสามารถจะถึงตามเป้าหมาย 3 หมื่นล้านบาทหรือไม่ จะขึ้นอยู่กับยอดขายของ ไอ-โมบาย ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ของกลุ่มสามารถราว 30% หรือ 1.2 หมื่นล้านบาท เพียงแต่ว่าด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไม่สามารถจำหน่ายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
อย่างไรก็ตามเป้าหมายเดิมของ ไอ-โมบาย ในปีนี้ คือ จำหน่ายสมาร์ทโฟนให้ได้ 4 ล้านเครื่อง แต่เมื่อครึ่งปีแรกผ่านไปปรากฏว่า ไอ-โมบาย จำหน่ายเครื่องไปเพียง 1.5 ล้านเครื่อง ส่งผลกระทบถึงยอดรวมตลาดทั้งปี ทำให้ยอดขายลดลงมาเหลือเพียง 3-3.5 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็นจำนวนเงิน คือ 1 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน ไอ-โมบาย มีแผนนำสมาร์ทโฟนไปจำหน่ายในต่างประเทศซึ่งจะเป็นรายได้อีกส่วนหนึ่ง ล่าสุดทางประเทศอิรัก อิยิปต์ และเคนย่า ได้มีการสั่งซื้อสินค้าอย่างเป็นทางการแล้ว
นายวัฒน์ชัยกล่าวต่อว่า นอกจากนี้แล้ว จะมีการเปลี่ยนช่องทางการสื่อสาร โดยใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กมากยิ่งขึ้น พร้อมไปกับการทำตลาดผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ รวมไปถึงการเข้าไปร่วมทำตลาดกับโอเปอเรเตอร์ทุกรายในการนำเสนอโปรโมชันพิเศษ การทำผลิตภัณฑ์พรีเมียมกับแบรนด์ท้องถิ่นอย่างทีมฟุตบอล และการผลิตสินค้าในส่วนของอุปกรณ์เสริมมากยิ่งขึ้น
สำหรับธุรกิจคอนเทนต์ ที่ดำเนินการภายใต้บริษัท ไอ สปอร์ต จำกัด ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI โดยเมื่อเข้าตลาดฯ แล้วก็จะเป็นการระดมเงินมาลงทุนในจำนวน 200 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานด้านบรอดแคสต์มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเป็นเงินสำหรับการเข้าร่วมประมูลไลเซนส์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา ที่จะมีขึ้นในอนาคต
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,069 วันที่ 12 - 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=285232:--100&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VaiZWWBAeuw
ไม่มีความคิดเห็น: