23 สิงหาคม 2558 ICT ระบุ คนไทยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อมากที่สุด และใช้เพื่อเข้าโซเชียลเน็ตเวิร์กเช่น เฟซบุ๊ก และไลน์สูงถึง 82% สูงกว่าการสืบค้นข้อมูล และอ่านข่าวสาร
ประเด็นหลัก
นางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า คนไทยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อมากที่สุด และใช้เพื่อเข้าโซเชียลเน็ตเวิร์กเช่น เฟซบุ๊ก และไลน์สูงถึง 82% สูงกว่าการสืบค้นข้อมูล และอ่านข่าวสาร
ดังนั้นจากพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้คนไทยมีความเสี่ยงในเรื่องภัยทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ผ่านการมีผู้ไม่ประสงค์ดีแอบแฝงเข้ามาหลอกลวง หรือคุกคามถึงโลกออฟไลน์ เช่นการเช็คอินผ่านเฟซบุ๊ก ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีรู้ว่าผู้ใช้คนนั้นอยู่ที่ใดเป็นต้น รวมถึงการเปิดเผยรูปส่วนตัวแบบสาธารณะ ก็ส่งผลในเรื่องข้างต้นเช่นกัน
"การใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กต้องระวังมากขึ้น เพราะเมื่อมีผู้ใช้งานเยอะ ผู้ไม่ประสงค์ดีย่อมเยอะตาม ซึ่งเราทำได้เพียงเตือน แต่ทางผู้บริโภคต้องใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างระมัดระวังด้วย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ประโยชน์ของโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ยังมีอยู่ เช่นการใช้เพื่อทำอีคอมเมิร์ซ"
_____________________________________________________
"กระทรวงไอซีที" ชี้คนไทยเสี่ยงภัยโซเชียล ควรใช้อย่างระมัดระวัง
นางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า คนไทยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อมากที่สุด และใช้เพื่อเข้าโซเชียลเน็ตเวิร์กเช่น เฟซบุ๊ก และไลน์สูงถึง 82% สูงกว่าการสืบค้นข้อมูล และอ่านข่าวสาร
ดังนั้นจากพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้คนไทยมีความเสี่ยงในเรื่องภัยทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ผ่านการมีผู้ไม่ประสงค์ดีแอบแฝงเข้ามาหลอกลวง หรือคุกคามถึงโลกออฟไลน์ เช่นการเช็คอินผ่านเฟซบุ๊ก ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีรู้ว่าผู้ใช้คนนั้นอยู่ที่ใดเป็นต้น รวมถึงการเปิดเผยรูปส่วนตัวแบบสาธารณะ ก็ส่งผลในเรื่องข้างต้นเช่นกัน
"การใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กต้องระวังมากขึ้น เพราะเมื่อมีผู้ใช้งานเยอะ ผู้ไม่ประสงค์ดีย่อมเยอะตาม ซึ่งเราทำได้เพียงเตือน แต่ทางผู้บริโภคต้องใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างระมัดระวังด้วย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ประโยชน์ของโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ยังมีอยู่ เช่นการใช้เพื่อทำอีคอมเมิร์ซ"
นอกจากนี้ ในโซเชียลเน็ตเวิร์กยังมีไวรัสเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการแพร่กระจายรูปภาพลักษณะลามกอนาจาร และมีการเชื่อมโยงรูปภาพดังกล่าวไปยังการลงแอปพลิเคชันบนเฟซบุ๊ก ทำให้ผู้คลิกลิงค์ดังกล่าวกระจายภาพไม่เหมาะสม โดยตนเองไม่ได้แชร์ภาพเหล่านั้นและแชร์เองอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง
โดยวิธีการป้องกันคือ ไม่ควรคลิกลิงค์จากแหล่งไม่รู้จัก ส่วนผู้ที่ติดไวรัสไปแล้วให้แก้ไขโดย 1. เข้าไปที่การตั้งค่า 2. ไปที่แถบแอปพลิเคชัน 3. เลือกแอปพลิชันที่สงสัยทั้งหมด แล้วคลิกที่รูปกากบาทเพื่อลบแอปพลิเคชันออก และ 4. เปลี่ยนรหัสผ่าน จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1439465762
นางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า คนไทยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อมากที่สุด และใช้เพื่อเข้าโซเชียลเน็ตเวิร์กเช่น เฟซบุ๊ก และไลน์สูงถึง 82% สูงกว่าการสืบค้นข้อมูล และอ่านข่าวสาร
ดังนั้นจากพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้คนไทยมีความเสี่ยงในเรื่องภัยทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ผ่านการมีผู้ไม่ประสงค์ดีแอบแฝงเข้ามาหลอกลวง หรือคุกคามถึงโลกออฟไลน์ เช่นการเช็คอินผ่านเฟซบุ๊ก ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีรู้ว่าผู้ใช้คนนั้นอยู่ที่ใดเป็นต้น รวมถึงการเปิดเผยรูปส่วนตัวแบบสาธารณะ ก็ส่งผลในเรื่องข้างต้นเช่นกัน
"การใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กต้องระวังมากขึ้น เพราะเมื่อมีผู้ใช้งานเยอะ ผู้ไม่ประสงค์ดีย่อมเยอะตาม ซึ่งเราทำได้เพียงเตือน แต่ทางผู้บริโภคต้องใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างระมัดระวังด้วย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ประโยชน์ของโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ยังมีอยู่ เช่นการใช้เพื่อทำอีคอมเมิร์ซ"
_____________________________________________________
"กระทรวงไอซีที" ชี้คนไทยเสี่ยงภัยโซเชียล ควรใช้อย่างระมัดระวัง
นางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า คนไทยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อมากที่สุด และใช้เพื่อเข้าโซเชียลเน็ตเวิร์กเช่น เฟซบุ๊ก และไลน์สูงถึง 82% สูงกว่าการสืบค้นข้อมูล และอ่านข่าวสาร
ดังนั้นจากพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้คนไทยมีความเสี่ยงในเรื่องภัยทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ผ่านการมีผู้ไม่ประสงค์ดีแอบแฝงเข้ามาหลอกลวง หรือคุกคามถึงโลกออฟไลน์ เช่นการเช็คอินผ่านเฟซบุ๊ก ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีรู้ว่าผู้ใช้คนนั้นอยู่ที่ใดเป็นต้น รวมถึงการเปิดเผยรูปส่วนตัวแบบสาธารณะ ก็ส่งผลในเรื่องข้างต้นเช่นกัน
"การใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กต้องระวังมากขึ้น เพราะเมื่อมีผู้ใช้งานเยอะ ผู้ไม่ประสงค์ดีย่อมเยอะตาม ซึ่งเราทำได้เพียงเตือน แต่ทางผู้บริโภคต้องใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างระมัดระวังด้วย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ประโยชน์ของโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ยังมีอยู่ เช่นการใช้เพื่อทำอีคอมเมิร์ซ"
นอกจากนี้ ในโซเชียลเน็ตเวิร์กยังมีไวรัสเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการแพร่กระจายรูปภาพลักษณะลามกอนาจาร และมีการเชื่อมโยงรูปภาพดังกล่าวไปยังการลงแอปพลิเคชันบนเฟซบุ๊ก ทำให้ผู้คลิกลิงค์ดังกล่าวกระจายภาพไม่เหมาะสม โดยตนเองไม่ได้แชร์ภาพเหล่านั้นและแชร์เองอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง
โดยวิธีการป้องกันคือ ไม่ควรคลิกลิงค์จากแหล่งไม่รู้จัก ส่วนผู้ที่ติดไวรัสไปแล้วให้แก้ไขโดย 1. เข้าไปที่การตั้งค่า 2. ไปที่แถบแอปพลิเคชัน 3. เลือกแอปพลิชันที่สงสัยทั้งหมด แล้วคลิกที่รูปกากบาทเพื่อลบแอปพลิเคชันออก และ 4. เปลี่ยนรหัสผ่าน จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1439465762
ไม่มีความคิดเห็น: