Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

13 กันยายน 2558 (ค่ายมือถือจียระบุ) สำหรับการซื้อสินค้าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย บริษัทจะมีการคำนวณจากเงินสกุล "หยวน" เป็น "ดอลลาร์สหรัฐ" เพื่อได้ราคากลาง จากนั้นจะคำนวณจากดอลลาร์เป็น "บาท" ปัจจุบันค่าเงินหยวนอ่อนตัวน้อยกว่าค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ต้นทุนสินค้ายังสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

ประเด็นหลัก


สำหรับการซื้อสินค้าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย บริษัทจะมีการคำนวณจากเงินสกุล "หยวน" เป็น "ดอลลาร์สหรัฐ" เพื่อได้ราคากลาง จากนั้นจะคำนวณจากดอลลาร์เป็น "บาท" ปัจจุบันค่าเงินหยวนอ่อนตัวน้อยกว่าค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ต้นทุนสินค้ายังสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย หากเงินหยวนอ่อนตัวมากกว่า หรือระดับเดียวกับเงินบาทอ่อนตัว จะทำให้ต้นทุนสินค้าของบริษัทกลับมาสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงจำหน่ายสินค้าในราคาปกติเพื่อช่วยเหลือคู่ค้า ทำให้ยอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล รวมถึงอุปกรณ์ไอทีในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ยังเติบโต โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไว้ที่ 30% เทียบปีที่แล้วด้วยการรุกทำตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมรีแบรนด์ให้ทันสมัยขึ้น โดยปีนี้จะขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าในฝั่งผู้บริโภคอีก 200 แห่ง จากที่มีอยู่ 500 แห่ง พร้อมขยายกลุ่มลูกค้าองค์กร เพื่อผลักดันส่วนแบ่งในตลาดไอทีสูงที่สุดภายในปี 2560





______________________________________________





"หยวน"อ่อนไม่กระทบไอที-มือถือจีน กัดฟันตรึงราคาอัดแคมเปญปลุกกำลังซื้อโค้งท้าย


ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ค่ายไอที-มือถือแดนมังกรไม่ระคายผิวลดค่าเงินหยวน พร้อมตรึง "ราคา" สินค้าพยุงยอดขายครึ่งปีหลัง ยักษ์ "เลอโนโว" เผยมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินผันผวน ทั้งสั่งสินค้าเป็นเงินสกุลดอลลาร์ ระบุ "บาท" อ่อนต่อเนื่องกระทบกว่า ด้าน "วีโว่" กัดฟันขายราคาเดิมต้านกำลังซื้อทรุด ฟาก "เจมาร์ท" เตรียมเข็นแคมเปญผ่อน 0% 18 เดือน กระตุ้นยอดขายสมาร์ทโฟนเรือธง หวัง Q4 ตลาดจะฟื้นเหมือนทุกปี


นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แม้บริษัทจะเป็นผู้ผลิตสินค้าไอทีจากประเทศจีน แต่ปัญหาค่าเงินหยวนอ่อนตัวอย่างต่อเนื่องไม่ได้กระทบภาพรวมการทำธุรกิจในประเทศไทยมากนัก เพราะการนำเข้าสินค้าจากบริษัทแม่มาประเทศไทยใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐทั้งหมด ดังนั้นการอ่อนตัวของค่าเงินบาทมีผลกระทบมากกว่า แต่จากมาตรการป้องกันความเสี่ยงกรณีค่าเงินผันผวนทำให้ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

"การซื้อขายระหว่างประเทศใช้เงินสกุลหลักแค่3สกุล คือ ดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร และเยน เรื่องค่าเงินหยวนอ่อนตัวจึงมีผลกับการบริโภคภายในประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะโดนกับไทยจริง ๆ น่าจะเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และเอสเอ็มอีรายเล็ก ๆ ที่ซื้อขายกับบริษัทที่จีนเป็นเงินหยวน แต่องค์กรขนาดใหญ่จะใช้ 3 สกุลเงินข้างต้นเกือบทั้งหมด กรณีเงินหยวนอ่อนตัวกระทบต้นทุนทางอ้อม ในแง่ที่ว่าสินค้าต้นทางผลิตจากจีน ซึ่งค่าแรงเป็นเงินหยวน"

สำหรับการซื้อสินค้าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย บริษัทจะมีการคำนวณจากเงินสกุล "หยวน" เป็น "ดอลลาร์สหรัฐ" เพื่อได้ราคากลาง จากนั้นจะคำนวณจากดอลลาร์เป็น "บาท" ปัจจุบันค่าเงินหยวนอ่อนตัวน้อยกว่าค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ต้นทุนสินค้ายังสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย หากเงินหยวนอ่อนตัวมากกว่า หรือระดับเดียวกับเงินบาทอ่อนตัว จะทำให้ต้นทุนสินค้าของบริษัทกลับมาสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงจำหน่ายสินค้าในราคาปกติเพื่อช่วยเหลือคู่ค้า ทำให้ยอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล รวมถึงอุปกรณ์ไอทีในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ยังเติบโต โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไว้ที่ 30% เทียบปีที่แล้วด้วยการรุกทำตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมรีแบรนด์ให้ทันสมัยขึ้น โดยปีนี้จะขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าในฝั่งผู้บริโภคอีก 200 แห่ง จากที่มีอยู่ 500 แห่ง พร้อมขยายกลุ่มลูกค้าองค์กร เพื่อผลักดันส่วนแบ่งในตลาดไอทีสูงที่สุดภายในปี 2560

ด้านนายณฐกร จรูญโรจน์ ผู้อำนวยการแบรนด์ บริษัท วีโว่ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ใช้สกุลเงินดอลลาร์ในการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย จึงทำให้ปัญหาเรื่องค่าเงินหยวนอ่อนไม่มีผลต่อบริษัท แต่หากค่าเงินบาทยังอ่อนตัวต่อเนื่องจะกระทบต่อต้นทุนสินค้าโดยตรง แต่จะไม่มีการปรับราคาขายในประเทศไทย เนื่องจากต้องการเร่งขยายตลาด และช่วยให้ตลาดโทรศัพท์มือถือกลับมาเติบโต หลังจากครึ่งปีแรกอยู่ในสภาวะหดตัวจากกำลังซื้อที่ไม่ปกติ



ขณะที่นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ค่าเงินหยวนที่กระทบกับเศรษฐกิจโลกนั้น ทางเจมาร์ทไม่ได้รับผลกระทบ แม้จะนำเข้าสินค้ามาจากประเทศจีน ทั้งอุปกรณ์เสริมและสมาร์ทโฟน เนื่องจากเป็นการนำเข้าผ่านดิสทริบิวเตอร์ที่มีการกำหนดราคาค่อนข้างแน่นอนไว้อยู่แล้ว

ทั้งในช่วงนี้ไม่ได้มีการนำเข้าสมาร์ทโฟนลอตใหม่มากเท่ากับช่วงต้นปี จึงทำให้แทบไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนสินค้าแบรนด์จีนที่มาวางขายในเจมาร์ทก็มีการทำสัญญาตกลงเรื่องส่วนแบ่งรายได้กันไว้ก่อนแล้ว จึงไม่ส่งผลกระทบเช่นกัน

ส่วนที่จะมีผลกระทบกับบริษัทน่าจะอยู่ที่กำลังซื้อของผู้บริโภคมากกว่า โดยภาพรวมการดำเนินงานของเจมาร์ทในครึ่งปีแรกมียอดขายลดลงประมาณ 15% จากปัจจัยทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่หดตัว ในครึ่งปีหลังจึงจะร่วมกับบริษัทในเครือกระตุ้นตลาดโดยออกแคมเปญผ่อน 0% นานถึง 18 เดือน สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของหลาย ๆ แบรนด์

"ผู้บริโภคตอนนี้ยังไม่ค่อยอยากควักเงินในกระเป๋า กว่าจะตัดสินใจซื้อก็ใช้เวลานานขึ้น และมักจะซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นที่ราคาถูกลงมากกว่าจะซื้อรุ่นเรือธงของแต่ละแบรนด์ ทำให้ภาพรวมตลาดลดลง ตอนนี้ราคาเฉลี่ยสมาร์ทโฟนที่ขายได้อยู่ที่ราว 6,000 บาทเท่านั้นถือว่ายังต่ำอยู่ จึงต้องออกแคมเปญมากระตุ้นตลาด"

สำหรับเป้าหมายรายได้สิ้นปีของเจมาร์ทจากฝั่งสมาร์ทโฟนน่าจะอยู่ที่ราว7,000ล้านบาท ถ้ารวมรายได้จากกลุ่มอุปกรณ์เสริม ทั้งปีเจมาร์ทก็จะมีรายได้ราว 8,333 ล้านบาท

"แม้ว่าครึ่งปีแรกภาพรวมตลาดจะลด แต่เชื่อว่าเจมาร์ทจะยังรักษารายได้ไว้ได้เท่าเดิม เพราะปกติตลาดสมาร์ทโฟนจะเติบโตสูงทุกปีในช่วงไตรมาส 4 เนื่องจากแบรนด์ใหญ่จะเปิดตัวรุ่นเรือธงใหม่ ๆ รวมทั้งมีงานThailand Mobile Expo ช่วยกระตุ้นตลาดมากขึ้น"




http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1440047303

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.