Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

11 ตุลาคม 2558 เป้าหมายของ ZTE ที่วางไว้คือการขึ้นเป็น 1 ใน 5 ผู้นำแบรนด์สมาร์ทโฟนภายในปี 2559 คาดการณ์ว่าจะมียอดขายจากการจำหน่ายสมาร์ทโฟนออกเป็น 2 ส่วน คือ กลุ่มที่เป็น B2B คือ ผลิตและจำหน่ายร่วมกับโอเปอเรเตอร์ประมาณ 1 ล้านเครื่อง และอีกกลุ่มคือ สมาร์ทโฟนที่แซตทีอีจำหน่ายผ่านช่องทางจำหน่ายต่างๆ ประมาณ 1.6 แสนเครื่อง

ประเด็นหลัก




   
       “เป้าหมายของแซตทีอีที่วางไว้คือการขึ้นเป็น 1 ใน 5 ผู้นำแบรนด์สมาร์ทโฟนภายในปี 2559 ด้วยการยกระดับแบรนด์ให้ขึ้นมาเป็นสินค้าพรีเมียมมากยิ่งขึ้น เพราะในตลาดโลกสินค้าของแซตทีอีกว่า 45% อยู่ในระดับกลาง-บนเป็นหลัก ขณะที่ในประเทศไทยคาดว่าตลาดกลาง-บนจะมีสัดส่วนราว 30%”
   
       ในปีหน้า แซตทีอี คาดการณ์ว่าจะมียอดขายจากการจำหน่ายสมาร์ทโฟนออกเป็น 2 ส่วน คือ กลุ่มที่เป็น B2B คือ ผลิตและจำหน่ายร่วมกับโอเปอเรเตอร์ประมาณ 1 ล้านเครื่อง และอีกกลุ่มคือ สมาร์ทโฟนที่แซตทีอีจำหน่ายผ่านช่องทางจำหน่ายต่างๆ ประมาณ 1.6 แสนเครื่อง ทำให้เมื่อรวมทั้ง 2 ส่วนแล้วแซตทีอีจะขึ้นเป็น 1 ใน 5 ผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนได้












_____________________________________________



“แซตทีอี” หวังขึ้น 1 ใน 5 ผู้นำสมาร์ทโฟนภายในปี 2559



        แซตทีอี เบนเข็มลุยตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม หวังยอดขายติด 1 ใน 5 ภายในปี 2559 พร้อมทุ่มงบการตลาดกว่า 435 ล้านบาท ลุยขยายหน้าร้าน และตัวแทนจำหน่ายให้ครบ 2,000 แห่ง ล่าสุด เปิดตัว Axon เป็นเรือธงจับตลาดในราคาเริ่มต้น 17,900 บาท
     
       เจเรมี จ้าว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท แซตทีอี คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยของแซตทีอีจะอยู่กับฝั่งของการเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ร่วมกับทางโอเปอเรเตอร์ในการจำหน่ายซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับกลาง ล่างเป็นหลัก
     
       “เป้าหมายของแซตทีอีที่วางไว้คือการขึ้นเป็น 1 ใน 5 ผู้นำแบรนด์สมาร์ทโฟนภายในปี 2559 ด้วยการยกระดับแบรนด์ให้ขึ้นมาเป็นสินค้าพรีเมียมมากยิ่งขึ้น เพราะในตลาดโลกสินค้าของแซตทีอีกว่า 45% อยู่ในระดับกลาง-บนเป็นหลัก ขณะที่ในประเทศไทยคาดว่าตลาดกลาง-บนจะมีสัดส่วนราว 30%”
     
       ในปีหน้า แซตทีอี คาดการณ์ว่าจะมียอดขายจากการจำหน่ายสมาร์ทโฟนออกเป็น 2 ส่วน คือ กลุ่มที่เป็น B2B คือ ผลิตและจำหน่ายร่วมกับโอเปอเรเตอร์ประมาณ 1 ล้านเครื่อง และอีกกลุ่มคือ สมาร์ทโฟนที่แซตทีอีจำหน่ายผ่านช่องทางจำหน่ายต่างๆ ประมาณ 1.6 แสนเครื่อง ทำให้เมื่อรวมทั้ง 2 ส่วนแล้วแซตทีอีจะขึ้นเป็น 1 ใน 5 ผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนได้
     
       ขณะที่ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา แซตทีอี มีส่วนแบ่งในตลาดแอนดรอยด์โฟนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยถ้าเทียบระหว่างช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 กับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามียอดขายสมาร์ทโฟนในไทยเติบโตกว่า 20 เท่า จากยอดขายในช่วงตั้งแต่กลางปี 2557 จนถึงปัจจุบันมากกว่า 2 ล้านเครื่อง
     
       “แน่นอนว่าการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมียมนั้นค่อนข้างรุนแรง เพราะมีเจ้าตลาดเดิมอยู่ เพียงแต่แซตทีอี จะมีจุดเด่นในแง่ของฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในระดับราคาที่จับต้องได้ จึงมั่นใจว่าจะสามารถแทรกเข้ามาในตลาดดังกล่าวได้”
     
       ทั้งนี้ แซตทีอี มีแผนที่จะเปิดร้านสมาร์ทโฟน แซตทีอี ในประเทศไทย 20 แห่ง ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ พร้อมกับขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มเป็น 2,000 แห่งทั่วประเทศในปี 2559 ภายใต้งบประมาณการตลาดกว่า 435 ล้านบาท (12 ล้านเหรียญ)
     
       ส่วนวิสัยทัศน์ของแซตทีอีในตลาดสมาร์ทโฟนคือ มองว่าปัจจุบันเข้าสู่ยุคของสมาร์ทพลัส หรือยุคที่ผู้บริโภคต้องการสินค้าที่มาตอบความต้องการใช้งานในทุกรูปแบบ ทำให้แซตทีอี โฟกัสไปที่การผลิตสินค้าที่จะมาตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานดังกล่าวเป็นหลัก
     
       ปัจจุบัน แซตทีอี มีสมาร์ทโฟนครอบคลุม 3 ซีรีส์ด้วยกัน คือ Blade ชูจุดเด่นเรื่องความบาง และความคุ้มค่าถือเป็นรุ่นที่อยู่ในระดับล่าง-กลาง Nubia จะเน้นไปที่การถ่ายภาพ อยู่ในกลุ่มระดับกลางบน และ Axon ที่เป็นรุ่นเรือธงในการทำตลาดพรีเมียมเน้นประสิทธิภาพกับฟีเจอร์ที่ใช้งานครบครัน
     
       “จนถึงสิ้นปี 2558 แซตทีอีคาดว่าจะมีสมาร์ทโฟนเข้ามาจำหน่ายทั้งหมดราว 10 รุ่น ครอบคลุมระดับราคาตั้งแต่ 2,900 บาท ไปจนถึง 17,900 บาท ทำให้เชื่อว่าจะสามารถเข้ามาแข่งขันในตลาดได้”
     
       ขณะที่เป้าหมายของแซตทีอี ในตลาดโลก คือ ที่ 3 ใน ปี 2020 และขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของจีนที่เข้าสู่ตลาดโลก จากปัจจุบันที่ 3 อันดับแรกในตลาดสมาร์ทโฟนคือ ซัมซุง แอปเปิล และเสียวหมี่
     
       สำหรับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงล่าสุดอย่าง Axon จะชูจุดเด่นที่ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD RAM 3 GB ROM 32 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.0 รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 3G และ 4G นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นอย่างการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยลายนิ้วมือ สแกนม่านตา และเสียง รวมกับหน้าจอพิเศษที่ช่วยลดแบคทีเรียบนหน้าจอ กับระบบเสียง Hi-Fi ทั้งการเล่นเพลง และอัดเสียง ในราคา 17,900 บาท เริ่มวางจำหน่ายภายในงานไทยแลนด์ โมบายเอ็กซ์โป ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1-4 ตุลาคม 2558 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

“แซตทีอี” หวังขึ้น 1 ใน 5 ผู้นำสมาร์ทโฟนภายในปี 2559

     

“แซตทีอี” หวังขึ้น 1 ใน 5 ผู้นำสมาร์ทโฟนภายในปี 2559

        Company Relate Link :

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000109253&utm_source=MadMimi&utm_medium=email&utm_content=Manager+Morning+Brief+29-9-58&utm_campaign=20150929_m127561985_Manager+Morning+Brief+29-9-58&utm_term=_27_E0_B9_81_E0_B8_8B_E0_B8_95_E0_B8_97_E0_B8_B5_E0_B8_AD_E0_B8_B5_27+_E0_B8_AB_E0_B8_A7_E0_B8_B1_E0_B8_87_E0_B8_82_E0_B8_B6_E0_B9_89_E0_B8_99+1+_E0_B9_83_E0_B8_99+5+_E0_B8_9C_E0_B8_B9_E0_B9_89_E0_B8_99_E0_B8_B3_E0_B8_AA_E0_B8_A1_E0_B8_B2_E0_B8_A3_E0_B9_8

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.