Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

22 พฤศจิกายน 2558 (เกาะติดประมูล4G) (บทความ) ตกลงว่าราคาประมูลคลื่น 1800 แพงหรือถูกกันแน่ // ราคานี้มิได้ทำลายสถิติโลก เพราะหากนำข้อมูลการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ในประเทศต่างๆ มาเปรียบเทียบโดยปรับตัวเลขประชากร และปริมาณคลื่นความถี่ให้เข้ากับสถานการณ์การประมูลของเราแล้ว

ประเด็นหลัก



       ราคานี้มิได้ทำลายสถิติโลก เพราะหากนำข้อมูลการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ในประเทศต่างๆ มาเปรียบเทียบโดยปรับตัวเลขประชากร และปริมาณคลื่นความถี่ให้เข้ากับสถานการณ์การประมูลของเราแล้ว ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา มูลค่าคลื่นที่สูงสุดรวมสองใบอนุญาตจะอยู่ที่แสนล้านบาทเศษ และมูลค่าสูงสุดในกลุ่มประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก จะอยู่ที่แสนห้าหมื่นล้านบาทเศษ การประมูลในครั้งนี้จบลงที่แปดหมื่นล้านบาทเศษ จึงมิได้ทำลายสถิติใดๆ เลย
     
       ราคานี้มิได้เกินราคาคาดการณ์ขั้นสูงที่ กสทช. ได้คำนวณโดยใช้หลักวิชาการ ซึ่งพบว่า เพดานราคาสูงสุดที่ยังทำกำไรได้นั้นสูงกว่าราคาชนะประมูลครั้งนี้นับพันล้านบาท แต่เหตุที่การประมูลมิได้จบที่ราคานั้น เพราะผู้แข่งขันในการประมูลรายที่ 3 ยุติการเสนอราคาตามศักยภาพทางธุรกิจของตน กรณีจึงมิได้เกิดจากการสมยอมราคา
   



__________________




ตกลงว่าราคาประมูลคลื่น 1800 แพงหรือถูกกันแน่


 

     
       ภายหลังการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz สิ้นสุดลง ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นราคาชนะประมูลที่สูงเป็นสถิติโลกบ้าง หรือเป็นราคาที่แพงเกินไปบ้าง จนแม้แต่บริษัทจัดอันดับเครดิตบางสำนักก็แถลงว่า การประมูลจบด้วยราคาประมูลที่สูงกว่าที่คาด หากการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ยังเป็นลักษณะนี้ จะต้องปรับลดอันดับเครดิตของผู้ชนะการประมูลบางราย
     
       ในทางตรงข้าม มีผู้คำนวณว่า ราคานี้หากนำมาเฉลี่ยต่อจำนวนปีที่ได้รับอนุญาตแล้ว เอกชนจะเหลือต้นทุนค่าคลื่นความถี่เพียงปีละ 2 พันล้านบาทเศษ ทั้งที่แต่เดิมส่วนแบ่งรายได้ตามระบบสัมปทานที่เอกชนต้องนำส่งรัฐบนคลื่นความถี่ย่านดังกล่าวอยู่ในระดับปีละหมื่นล้านบาท ราคาที่ประมูลกันไปนั้นจึงเป็นราคาที่ถูกลงมาก
     
       ***การอธิบายทั้งสองด้านนี้เป็นไปตามมุมมองของแต่ละฝ่าย
     
       แต่ในตลาดโทรคมนาคมแล้ว เราต้องยอมรับว่าทิศทางของโลก คือ การเปลี่ยนผ่านจากการผูกขาดบริการโดยรัฐ เป็นการแข่งขันโดยเอกชนมีส่วนร่วม ตลอดจนเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาต เพราะอุตสาหกรรมโทรคมนาคมใช้เม็ดเงินลงทุนสูง มีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และรวดเร็ว จนลำพังรัฐเพียงฝ่ายเดียวไม่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ให้ทันการเปลี่ยนแปลงได้
     
       การชำระเงินประมูลคลื่นความถี่นั้น ประเทศส่วนใหญ่จะกำหนดให้ชำระในช่วงแรกของใบอนุญาต หากจะให้ผ่อนชำระก็จำกัดเพียงปีแรกๆ เท่านั้น เพื่อให้ต้นทุนค่าคลื่นความถี่มีลักษณะเป็นต้นทุนจม คล้ายกับค่าเซ้งอาคาร แม้ผู้ประกอบการจะเจ๊ง หรือเลิกกิจการ ก็ไม่สามารถทวงเงินส่วนนี้คืนไปได้ หรือแม้จะขาดทุนก็จ่ายล่วงหน้าเต็มจำนวนไปแล้ว ไม่สามารถลดหย่อนได้ ต่างจากเงินส่วนแบ่งรายได้สัมปทานที่นำส่งรัฐเป็นรายปี หากขาดทุนก็ไม่ต้องจ่าย หรือหากเลิกกิจการไปก่อนก็ยุติการคิดส่วนแบ่ง รัฐก็ขาดรายได้หลังจากนั้น ส่วนแบ่งรายได้แบบนี้จึงมีลักษณะเป็นค่าเช่ารายปี มิใช่ต้นทุนจม และถูกจัดเป็นต้นทุนดำเนินการ ซึ่งผู้ประกอบการมักจะผลักภาระมาให้ผู้บริโภคเป็นผู้แบกรับแทนได้ง่ายกว่าต้นทุนจม ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการฟันธงลงไปว่า เงินประมูลคลื่นความถี่เป็นต้นทุนจม และเป็นรายได้เข้ารัฐที่ไม่กระทบอัตราค่าบริการที่ผู้บริโภคใช้จริงแต่อย่างใด กล่าวคือ เป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับเองโดยแบ่งมาจากส่วนกำไรที่ตนจะได้รับ ไม่สามารถผลักภาระให้ผู้บริโภคได้
     
       หน้าที่สำคัญของการประมูลคลื่นความถี่ก็คือ การคัดเลือกผู้ที่มีศักยภาพในการนำคลื่นความถี่นั้นไปใช้ให้เกิดมูลค่าทางธุรกิจสูงสุด ผู้ที่สามารถทำรายได้จากบริการมากย่อมจะยอมจ่ายค่าคลื่นสูงกว่าผู้ที่มีความสามารถต่ำกว่า ราคาประมูลจึงยุติลงเมื่อผู้แข่งขันรายอื่นไม่สามารถเสนอราคาได้สูงกว่าข้อจำกัดทางธุรกิจของตนเอง เพราะหากเสนอราคาสูงกว่าความสามารถในการหารายได้ก็จะขาดทุนนั่นเอง ราคาชนะประมูลจึงเป็นราคาที่เป็นไปตามสภาพแวดล้อมของประเทศที่จัดประมูลในครั้งนั้นๆ หากมีความต้องการคลื่นความถี่น้อยก็จะจบลงที่ราคาต่ำ หากมีความต้องการคลื่นความถี่มากราคาก็จะสูง จึงมีหลักการว่า ในการประมูลที่แข่งขันราคากันอย่างเต็มที่ ราคาสุดท้ายคือ ราคาที่เหมาะสม
     
       สำหรับการประมูลในครั้งนี้ ผู้ชนะการประมูลยืนยันว่า ต้นทุนค่าคลื่นความถี่ระดับนี้ยังอยู่ในระดับที่ทำกำไรจากบริการได้ มิใช่ประมูลมาเพื่อขาดทุน และจากข้อมูลการประเมินมูลค่าคลื่นความถี่ที่ กสทช. ได้จัดทำสำหรับการประมูลครั้งนี้ยืนยันได้ว่า
     
       ราคานี้มิได้ทำลายสถิติโลก เพราะหากนำข้อมูลการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ในประเทศต่างๆ มาเปรียบเทียบโดยปรับตัวเลขประชากร และปริมาณคลื่นความถี่ให้เข้ากับสถานการณ์การประมูลของเราแล้ว ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา มูลค่าคลื่นที่สูงสุดรวมสองใบอนุญาตจะอยู่ที่แสนล้านบาทเศษ และมูลค่าสูงสุดในกลุ่มประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก จะอยู่ที่แสนห้าหมื่นล้านบาทเศษ การประมูลในครั้งนี้จบลงที่แปดหมื่นล้านบาทเศษ จึงมิได้ทำลายสถิติใดๆ เลย
     
       ราคานี้มิได้เกินราคาคาดการณ์ขั้นสูงที่ กสทช. ได้คำนวณโดยใช้หลักวิชาการ ซึ่งพบว่า เพดานราคาสูงสุดที่ยังทำกำไรได้นั้นสูงกว่าราคาชนะประมูลครั้งนี้นับพันล้านบาท แต่เหตุที่การประมูลมิได้จบที่ราคานั้น เพราะผู้แข่งขันในการประมูลรายที่ 3 ยุติการเสนอราคาตามศักยภาพทางธุรกิจของตน กรณีจึงมิได้เกิดจากการสมยอมราคา
     
       เมื่อพิจารณาจากข้อมูลต่างๆ ข้างต้นแล้ว จึงไม่อาจสรุปว่า ราคาชนะประมูลครั้งนี้เป็นราคาที่แพงเกินไป ขณะเดียวกัน ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบโดยตรงกับส่วนแบ่งรายได้จากระบบสัมปทานเพราะมีฐานคิด และผลกระทบต่อผู้บริโภคแตกต่างกัน แต่ราคาชนะประมูลครั้งนี้สะท้อนความต้องการคลื่นความถี่ในตลาดโทรคมนาคมไทย และเป็นผลลัพธ์จากความต้องการแทรกตัวเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งหากทั้ง 2 องค์ประกอบนี้ยังดำรงอยู่ในช่วงการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz เราก็คงจะเห็นการประมูลที่เข้มข้นไม่ต่างจากการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz เพียงแต่ปริมาณคลื่นความถี่ 900 MHz ที่นำมาประมูลมีจำนวนน้อยกว่า ระยะเวลาอนุญาตสั้นกว่า และข้อกำหนดภาระในการขยายโครงข่ายสูงกว่าคลื่นความถี่ 1800 MHz ดังนั้น แม้ในสถานการณ์ที่การแข่งขันประมูลเข้มข้น แต่คาดการณ์ได้ว่า จำนวนเงินสุดท้ายที่รัฐจะได้รับก็ไม่น่าจะแตะระดับแปดหมื่นล้านอย่างคลื่นความถี่ 1800 MHz เพราะจะเป็นระดับราคาที่ทำกำไรได้ค่อนข้างยาก ภายใต้เงื่อนไขใบอนุญาตดังกล่าว
     
       อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วผู้ที่กำหนดราคาชนะประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz ว่าจะสูงมากน้อยเพียงใด คือ ผู้เข้าร่วมประมูลทุกรายนั่นเอง

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000128620&utm_source=MadMimi&utm_medium=email&utm_content=MGR+Morning+Brief+20-11-58&utm_campaign=20151119_m128332676_MGR+Morning+Brief+20-11-58&utm_term=_E0_B8_95_E0_B8_81_E0_B8_A5_E0_B8_87_E0_B8_A7_E0_B9_88_E0_B8_B2+_E0_B8_A3_E0_B8_B2_E0_B8_84_E0_B8_B2_E0_B8_9B_E0_B8_A3_E0_B8_B0_E0_B8_A1_E0_B8_B9_E0_B8_A5_E0_B8_84_E0_B8_A5_E0_B8_B7_E0_B9_88_E0_B8_99+1800+_E0_B9_81_E0_B8_9E_E0_B8_87_E0_B8_AB_E0_B8_A3_E0_B

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.