13 ธันวาคม 2558 (บทความ) AIS ดัน 'SocialGiver' ถึงฝั่งฝัน คว้าที่ 1 Regional Mobile App Challenge // ประเทศอินโดนีเซีย เป็นการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดดิจิตอล โซลูชันและแอปพลิเคชั่นแห่งภูมิภาค จัดโดยกลุ่มสิงเทลและซัมซุง
ประเด็นหลัก
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จได้บนเวทีธุรกิจจริง นอกเหนือไปจากการมีแนวคิดที่ดีและมีความเป็นไปได้ในการสร้างรายได้แล้ว การสนับสนุนทางด้านการตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจหน้าใหม่เหล่านี้เติบโตและต่อยอดต่อไปได้ ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าบรรดาผู้จัดการแข่งขันสตาร์ทอัพเหล่านี้ต่างก็มีออปชันเสริมในส่วนนี้ให้กับผู้ชนะ นอกเหนือไปจากเงินและรางวัลอื่นๆ
ธุรกิจเพื่อสังคมอย่าง SocialGiver คว้ารางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน 'Singtel Group - Samsung Regional Mobile App Challenge' ที่ ประเทศอินโดนีเซีย เป็นการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดดิจิตอล โซลูชันและแอปพลิเคชั่นแห่งภูมิภาค จัดโดยกลุ่มสิงเทลและซัมซุง ส่วนเจ้าภาพที่พาไปนำเสนอผลงานในครั้งนี้คือเอไอเอส ซึ่งเป็นหนึ่งใน Singtel Group และเป็นเจ้าของโครงการ AIS The StartUp 2015
สุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานบริหารผลิตภัณฑ์ เอไอเอส กล่าวว่า การแข่งขัน 'Singtel Group - Samsung Regional Mobile App Challenge' ที่ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียในครั้งนี้ เป็นการนำทีมสตาร์ทอัพจาก 7 โอเปอเรเตอร์จาก 7 ประเทศสมาชิกในกลุ่มสิงเทลรวม 14 ทีม ประกอบไปด้วย สิงเทล ประเทศสิงคโปร์, ออพตัส ประเทศออสเตรเลีย, เอไอเอส ประเทศไทย, แอร์เทล ประเทศอินเดียและแอฟริกา, โกลบ เทเลคอม ประเทศฟิลิปปินส์ และ เทลคอมเซล ประเทศอินโดนีเซีย มาร่วมประชันกัน
____________________________________________________________
AIS ดัน 'SocialGiver' ถึงฝั่งฝัน คว้าที่ 1 Regional Mobile App Challenge(Cyber Weekend)
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จได้บนเวทีธุรกิจจริง นอกเหนือไปจากการมีแนวคิดที่ดีและมีความเป็นไปได้ในการสร้างรายได้แล้ว การสนับสนุนทางด้านการตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจหน้าใหม่เหล่านี้เติบโตและต่อยอดต่อไปได้ ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าบรรดาผู้จัดการแข่งขันสตาร์ทอัพเหล่านี้ต่างก็มีออปชันเสริมในส่วนนี้ให้กับผู้ชนะ นอกเหนือไปจากเงินและรางวัลอื่นๆ
ธุรกิจเพื่อสังคมอย่าง SocialGiver คว้ารางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน 'Singtel Group - Samsung Regional Mobile App Challenge' ที่ ประเทศอินโดนีเซีย เป็นการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดดิจิตอล โซลูชันและแอปพลิเคชั่นแห่งภูมิภาค จัดโดยกลุ่มสิงเทลและซัมซุง ส่วนเจ้าภาพที่พาไปนำเสนอผลงานในครั้งนี้คือเอไอเอส ซึ่งเป็นหนึ่งใน Singtel Group และเป็นเจ้าของโครงการ AIS The StartUp 2015
สุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานบริหารผลิตภัณฑ์ เอไอเอส กล่าวว่า การแข่งขัน 'Singtel Group - Samsung Regional Mobile App Challenge' ที่ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียในครั้งนี้ เป็นการนำทีมสตาร์ทอัพจาก 7 โอเปอเรเตอร์จาก 7 ประเทศสมาชิกในกลุ่มสิงเทลรวม 14 ทีม ประกอบไปด้วย สิงเทล ประเทศสิงคโปร์, ออพตัส ประเทศออสเตรเลีย, เอไอเอส ประเทศไทย, แอร์เทล ประเทศอินเดียและแอฟริกา, โกลบ เทเลคอม ประเทศฟิลิปปินส์ และ เทลคอมเซล ประเทศอินโดนีเซีย มาร่วมประชันกัน
'การแข่งขันครั้งนี้เป็นสนามจริงที่มีฐานลูกค้าคือผู้ใช้บริการมือถือของโอเปอเรเตอร์ในกลุ่มสมาชิกสิงเทล รวมกว่า 575 ล้านรายทั่วภูมิภาค ซึ่งทีมชนะการแข่งขันจะสามารถต่อยอดการให้บริการและทำงานร่วมกับโอเปอเรเตอร์ต่างๆได้ทันที เป็นการมอบโอกาสให้กับเหล่าสตาร์ทอัพในการขยายตลาดสู่ภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม'
AIS ดัน 'SocialGiver' ถึงฝั่งฝัน คว้าที่ 1 Regional Mobile App Challenge(Cyber Weekend)
***AIS และ SocialGiver การชนะแบบวินวิน
SocialGiver เป็นผู้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศโครงการ AIS The StartUp 2015 ประเทศไทย ที่เพิ่งประกาศผลไปเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา การแข่งขันครั้งนี้เอไอเอสพาควงแขนมากับผู้ชนะในโครงการนั้นอย่าง FlowAccount ซึ่งเป็นโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย โดยถือเป็นหนึ่งในการช่วยทำตลาดของเอไอเอส เป็นการช่วยโปรโมตผ่านมาร์เก็ตติงอาร์ม เพื่อสร้างโอกาสให้ทั้ง 2 สตาร์ทอัพได้มีโอกาสทำตลาดที่กว้างไกลมากขึ้น
ทั้งนี้ยังถือเป็นการต่อยอดจากการพาเข้าร่วมงาน Regional operator Workshop ที่สิงคโปร์ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อเรียนรู้และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดภูมิภาค ตามเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุน Tech StartUp ของเอไอเอส นอกจากจะส่งเสริมให้ธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดเมืองไทยแล้วยังตั้งใจผลักดันสู่ตลาดสากลอย่างต่อเนื่อง
สุวิทย์ กล่าวว่า ก่อนที่จะพา 2 ทีมนี้มาแข่งขันกับรายการระดับภูมิภาคนั้น เอไอเอสได้เตรียมออกแพ็กเกจให้บริการกับลูกค้า AIS SME กับ FlowAccount ในเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับ SocialGiver ธุรกิจรูปแบบใหม่ของการแบ่งปัน ที่กำลังพัฒนาระบบ Payment เชื่อมต่อกับ mPAY รวมถึงจะมีแคมเปญการกุศลร่วมกัน เพื่อให้ลูกค้า 'ชอป' และ 'ช่วย' สังคมไปได้พร้อมๆกัน ภายในไตรมาสแรกปีหน้า
'การได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขัน Singtel Group - Samsung Regional Mobile App Challenge ของSocialGiver ในครั้งนี้มาจากการเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างธุรกิจและสังคมแบบวินวิน ซึ่งยูสเซอร์ก็จะได้บริการในอัตราพิเศษ ในขณะที่ก็สามารถช่วยเหลือสังคมไปในตัว ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายใหม่ที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสตาร์ทอัพไทยที่เด่นกว่าใครในเวทีระดับโลก'
เอไอเอสมองว่าตลาดของสตาร์ทอัพจะมีการเติบโตมากขึ้น เพราะการจัดการแข่งขันในแต่ละครั้งโอเปอเรเตอร์ทุกรายต่างพร้อมสนับสนุนธุรกิจกลุ่มนี้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนแบบวินวิน ในการหาสินค้าและบริการใหม่ๆ มานำเสนอให้กับลูกค้า ประกอบกับในปีนี้พบว่าสตาร์ทอัพของไทยมีการนำเสนอที่มีความแตกต่างจากปีก่อนๆ มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทำให้โอกาสที่จะก้าวไปสู่เวทีระดับโลกนั้นทำได้ไม่ยาก เพราะที่ผ่านมาแม้เราจะมีเทคโนโลยีที่ดีและมีผลิตภัณฑ์ที่ดีแต่การนำเสนอไม่ดีก็ไม่มีประโยชน์
AIS ดัน 'SocialGiver' ถึงฝั่งฝัน คว้าที่ 1 Regional Mobile App Challenge(Cyber Weekend)
***พร้อมผลักดันธุรกิจแบบ Regional Community
สุวิทย์ กล่าวว่า การจัดการแข่งขันในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ในการใช้งานโมบายดาต้าที่มากขึ้น นำเสนอศักยภาพและจุดแข็งจากประสบการณ์และความชำนาญในการให้บริการของประเทศสมาชิกในด้านต่างๆ มาผนึกกำลังเพื่อสร้างบริการใหม่ๆ ร่วมกัน รวมทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศสมาชิก ก่อให้เกิด Ecosystem ของการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้กลุ่ม Tech Startup ที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับการส่งเสริมและผลักดันธุรกิจ ด้วยบิสิเนสโมเดลที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตแบบ Fast Track ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ รวมถึงผสมผสานผลงานทั่วภูมิภาค ยกระดับเป็น Regional Community ซึ่งถือเป็นการสร้าง Networking ที่เข้มแข็ง อันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของสตาร์ทอัพต่อไป
ทั้งนี้ ทีมที่ชนะการแข่งขัน Regional Mobile App Challenge จะได้รับเงินรางวัล 10,000 เหรียญสิงคโปร์ และสมาร์ทโฟน ซัมซุง กาแล็กซี่ โน้ต 5 จำนวน 1 เครื่อง และ ซัมซุง เอส 6 เอจด์พลัส จำนวน 1 เครื่อง พร้อมสิทธิประโยชน์ในการทำงานต่างประเทศ เช่น การพัฒนาธุรกิจแบบข้ามพรมแดน การสนับสนุน Co-Working Space ในต่างประเทศ
นอกเหนือจากรางวัลชนะเลิศแล้ว ยังมีรางวัลพิเศษ Samsung Innovation Award จากซัมซุง มอบให้กับทีมที่มีนวัตกรรมที่สามารถร่วมส่งเสริมการทำธุรกิจให้กับซัมซุง รางวัล Samsung Innovation Award ได้แก่ทีม OTTO จากประเทศออสเตรเลีย
AIS ดัน 'SocialGiver' ถึงฝั่งฝัน คว้าที่ 1 Regional Mobile App Challenge(Cyber Weekend)
*** SocialGiver ชัยชนะคือการต่อยอดธุรกิจ
อาชว์ วงศ์จินดาเวศย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SocialGiver กล่าวว่า SocialGiver วางตำแหน่งเป็นเว็บไซต์ชอปปิ้งที่ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าที่ต้องการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคม สามารถเลือกได้ว่าเงินที่จ่ายไปจะให้มูลนิธิอะไร มีราคาที่ดีกว่าตลาด โดย 70% ของรายได้นำไปให้กับโครงการต่างๆ ส่วนอีก 30% เป็นการพัฒนาระบบ บริหารจัดการและการดำเนินงานระบบได้ดีขึ้น ปัจจุบันมีหน่วยงานอาสาสมัคร มูลนิธิ และหน่วยงานเพื่อสังคมอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 18 โครงการ
ขณะนี้มีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้น 6,000 ราย เป็นลูกค้าที่เคยใช้บริการ 300 ราย และมีพาร์ทเนอร์ทั้งสิ้น 90ราย ส่วนใหญ่จะเน้นร้านอาหาร เน้นท่องเที่ยว ที่เป็นธุรกิจการให้บริการเป็นหลัก ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายได้จากการทำธุรกิจ แต่จะเป็นการหาสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนมากกว่า ส่วนเงินที่ได้จากการชนะการแข่งขันในครั้งนี้จะนำไปต่อยอดในการพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือ เน้นที่การใช้งานง่าย ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ในเดือนพฤษภาคมปี 2016
สำหรับแผนการทำธุรกิจในปีหน้านั้นนอกจากจะทำการเปิดตัวแอปพลิเคชันแล้ว จะเริ่มแผนการพัฒนาแฟรนไชส์ ซึ่งจะเริ่มสร้างรายได้จากการเปิดให้เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ในปี 2017 ส่วนในอีก 3-4 ปีข้างหน้าเมื่อมีฐานลูกค้าประมาณ 5 แสนราย จะหารายได้จากการเปิดให้มีพื้นที่โฆษณาในเว็บไซต์ รวมไปถึงการเป็นที่ปรึกษาการทำซีเอสเอาร์ ทำอีเวนต์พิเศษร่วมกัน โดยปีหน้าจะทำการระดมทุน 12 ล้านบาทสำหรับการบริจาค ซึ่งปีนี้ระดมได้ประมาณ 1.7 ล้านบาท ส่วนลูกค้าที่เข้ามาซื้อบริการนั้นน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าของปีนี้ โดยจะมีการหาพาร์ทเนอร์ในการช่วยหาลูกค้าเพิ่มมากขึ้น คาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 250 ราย SocialGiver จะชูบทบาทการเป็นตัวช่วยให้สร้างกิจกรรมเพื่อสังให้กับองค์กร ในลักษณะของการสร้างมูลค่าร่วมทั้งธุรกิจและสังคม หรือ CSV ที่จะช่วยให้ธุรกิจและสังคมเติบโตไปพร้อมกัน
'การสร้างมาร์เก็ตติงแคมเปญร่วมกับเอไอเอส ก็จะทำให้เราสามารถหาพาร์ทเนอร์ได้ง่ายขึ้น และจะดึงให้ให้ธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในระบบนี้มากขึ้น เราไม่ได้เน้นเป็นบริจาคเงิน แต่เน้นการเป็นเว็บชอปปิ้งที่ลูกค้าสามารถซื้อบริการผ่านเรา แล้วเราจะนำเงินรายได้ไปแบ่งให้กับการกุศล เราไม่ต้องการย้ายเงินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เหมือนการบริจาคผ่านช่องทาง อื่นๆ ทั่วไป แต่เราต้องการเปลี่ยนอิมแพค ในการสร้างเงินบริจาคเงินโดยภาพรวม ให้เป็นการสร้างเงินบริจาครูปแบบใหม่ที่จะดึงให้คนเข้ามาบริจาคให้กับสังคมมากขึ้น'
http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000135784
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จได้บนเวทีธุรกิจจริง นอกเหนือไปจากการมีแนวคิดที่ดีและมีความเป็นไปได้ในการสร้างรายได้แล้ว การสนับสนุนทางด้านการตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจหน้าใหม่เหล่านี้เติบโตและต่อยอดต่อไปได้ ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าบรรดาผู้จัดการแข่งขันสตาร์ทอัพเหล่านี้ต่างก็มีออปชันเสริมในส่วนนี้ให้กับผู้ชนะ นอกเหนือไปจากเงินและรางวัลอื่นๆ
ธุรกิจเพื่อสังคมอย่าง SocialGiver คว้ารางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน 'Singtel Group - Samsung Regional Mobile App Challenge' ที่ ประเทศอินโดนีเซีย เป็นการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดดิจิตอล โซลูชันและแอปพลิเคชั่นแห่งภูมิภาค จัดโดยกลุ่มสิงเทลและซัมซุง ส่วนเจ้าภาพที่พาไปนำเสนอผลงานในครั้งนี้คือเอไอเอส ซึ่งเป็นหนึ่งใน Singtel Group และเป็นเจ้าของโครงการ AIS The StartUp 2015
สุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานบริหารผลิตภัณฑ์ เอไอเอส กล่าวว่า การแข่งขัน 'Singtel Group - Samsung Regional Mobile App Challenge' ที่ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียในครั้งนี้ เป็นการนำทีมสตาร์ทอัพจาก 7 โอเปอเรเตอร์จาก 7 ประเทศสมาชิกในกลุ่มสิงเทลรวม 14 ทีม ประกอบไปด้วย สิงเทล ประเทศสิงคโปร์, ออพตัส ประเทศออสเตรเลีย, เอไอเอส ประเทศไทย, แอร์เทล ประเทศอินเดียและแอฟริกา, โกลบ เทเลคอม ประเทศฟิลิปปินส์ และ เทลคอมเซล ประเทศอินโดนีเซีย มาร่วมประชันกัน
____________________________________________________________
AIS ดัน 'SocialGiver' ถึงฝั่งฝัน คว้าที่ 1 Regional Mobile App Challenge(Cyber Weekend)
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จได้บนเวทีธุรกิจจริง นอกเหนือไปจากการมีแนวคิดที่ดีและมีความเป็นไปได้ในการสร้างรายได้แล้ว การสนับสนุนทางด้านการตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจหน้าใหม่เหล่านี้เติบโตและต่อยอดต่อไปได้ ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าบรรดาผู้จัดการแข่งขันสตาร์ทอัพเหล่านี้ต่างก็มีออปชันเสริมในส่วนนี้ให้กับผู้ชนะ นอกเหนือไปจากเงินและรางวัลอื่นๆ
ธุรกิจเพื่อสังคมอย่าง SocialGiver คว้ารางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน 'Singtel Group - Samsung Regional Mobile App Challenge' ที่ ประเทศอินโดนีเซีย เป็นการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดดิจิตอล โซลูชันและแอปพลิเคชั่นแห่งภูมิภาค จัดโดยกลุ่มสิงเทลและซัมซุง ส่วนเจ้าภาพที่พาไปนำเสนอผลงานในครั้งนี้คือเอไอเอส ซึ่งเป็นหนึ่งใน Singtel Group และเป็นเจ้าของโครงการ AIS The StartUp 2015
สุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานบริหารผลิตภัณฑ์ เอไอเอส กล่าวว่า การแข่งขัน 'Singtel Group - Samsung Regional Mobile App Challenge' ที่ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียในครั้งนี้ เป็นการนำทีมสตาร์ทอัพจาก 7 โอเปอเรเตอร์จาก 7 ประเทศสมาชิกในกลุ่มสิงเทลรวม 14 ทีม ประกอบไปด้วย สิงเทล ประเทศสิงคโปร์, ออพตัส ประเทศออสเตรเลีย, เอไอเอส ประเทศไทย, แอร์เทล ประเทศอินเดียและแอฟริกา, โกลบ เทเลคอม ประเทศฟิลิปปินส์ และ เทลคอมเซล ประเทศอินโดนีเซีย มาร่วมประชันกัน
'การแข่งขันครั้งนี้เป็นสนามจริงที่มีฐานลูกค้าคือผู้ใช้บริการมือถือของโอเปอเรเตอร์ในกลุ่มสมาชิกสิงเทล รวมกว่า 575 ล้านรายทั่วภูมิภาค ซึ่งทีมชนะการแข่งขันจะสามารถต่อยอดการให้บริการและทำงานร่วมกับโอเปอเรเตอร์ต่างๆได้ทันที เป็นการมอบโอกาสให้กับเหล่าสตาร์ทอัพในการขยายตลาดสู่ภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม'
AIS ดัน 'SocialGiver' ถึงฝั่งฝัน คว้าที่ 1 Regional Mobile App Challenge(Cyber Weekend)
***AIS และ SocialGiver การชนะแบบวินวิน
SocialGiver เป็นผู้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศโครงการ AIS The StartUp 2015 ประเทศไทย ที่เพิ่งประกาศผลไปเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา การแข่งขันครั้งนี้เอไอเอสพาควงแขนมากับผู้ชนะในโครงการนั้นอย่าง FlowAccount ซึ่งเป็นโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย โดยถือเป็นหนึ่งในการช่วยทำตลาดของเอไอเอส เป็นการช่วยโปรโมตผ่านมาร์เก็ตติงอาร์ม เพื่อสร้างโอกาสให้ทั้ง 2 สตาร์ทอัพได้มีโอกาสทำตลาดที่กว้างไกลมากขึ้น
ทั้งนี้ยังถือเป็นการต่อยอดจากการพาเข้าร่วมงาน Regional operator Workshop ที่สิงคโปร์ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อเรียนรู้และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดภูมิภาค ตามเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุน Tech StartUp ของเอไอเอส นอกจากจะส่งเสริมให้ธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดเมืองไทยแล้วยังตั้งใจผลักดันสู่ตลาดสากลอย่างต่อเนื่อง
สุวิทย์ กล่าวว่า ก่อนที่จะพา 2 ทีมนี้มาแข่งขันกับรายการระดับภูมิภาคนั้น เอไอเอสได้เตรียมออกแพ็กเกจให้บริการกับลูกค้า AIS SME กับ FlowAccount ในเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับ SocialGiver ธุรกิจรูปแบบใหม่ของการแบ่งปัน ที่กำลังพัฒนาระบบ Payment เชื่อมต่อกับ mPAY รวมถึงจะมีแคมเปญการกุศลร่วมกัน เพื่อให้ลูกค้า 'ชอป' และ 'ช่วย' สังคมไปได้พร้อมๆกัน ภายในไตรมาสแรกปีหน้า
'การได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขัน Singtel Group - Samsung Regional Mobile App Challenge ของSocialGiver ในครั้งนี้มาจากการเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างธุรกิจและสังคมแบบวินวิน ซึ่งยูสเซอร์ก็จะได้บริการในอัตราพิเศษ ในขณะที่ก็สามารถช่วยเหลือสังคมไปในตัว ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายใหม่ที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสตาร์ทอัพไทยที่เด่นกว่าใครในเวทีระดับโลก'
เอไอเอสมองว่าตลาดของสตาร์ทอัพจะมีการเติบโตมากขึ้น เพราะการจัดการแข่งขันในแต่ละครั้งโอเปอเรเตอร์ทุกรายต่างพร้อมสนับสนุนธุรกิจกลุ่มนี้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนแบบวินวิน ในการหาสินค้าและบริการใหม่ๆ มานำเสนอให้กับลูกค้า ประกอบกับในปีนี้พบว่าสตาร์ทอัพของไทยมีการนำเสนอที่มีความแตกต่างจากปีก่อนๆ มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทำให้โอกาสที่จะก้าวไปสู่เวทีระดับโลกนั้นทำได้ไม่ยาก เพราะที่ผ่านมาแม้เราจะมีเทคโนโลยีที่ดีและมีผลิตภัณฑ์ที่ดีแต่การนำเสนอไม่ดีก็ไม่มีประโยชน์
AIS ดัน 'SocialGiver' ถึงฝั่งฝัน คว้าที่ 1 Regional Mobile App Challenge(Cyber Weekend)
***พร้อมผลักดันธุรกิจแบบ Regional Community
สุวิทย์ กล่าวว่า การจัดการแข่งขันในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ในการใช้งานโมบายดาต้าที่มากขึ้น นำเสนอศักยภาพและจุดแข็งจากประสบการณ์และความชำนาญในการให้บริการของประเทศสมาชิกในด้านต่างๆ มาผนึกกำลังเพื่อสร้างบริการใหม่ๆ ร่วมกัน รวมทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศสมาชิก ก่อให้เกิด Ecosystem ของการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้กลุ่ม Tech Startup ที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับการส่งเสริมและผลักดันธุรกิจ ด้วยบิสิเนสโมเดลที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตแบบ Fast Track ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ รวมถึงผสมผสานผลงานทั่วภูมิภาค ยกระดับเป็น Regional Community ซึ่งถือเป็นการสร้าง Networking ที่เข้มแข็ง อันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของสตาร์ทอัพต่อไป
ทั้งนี้ ทีมที่ชนะการแข่งขัน Regional Mobile App Challenge จะได้รับเงินรางวัล 10,000 เหรียญสิงคโปร์ และสมาร์ทโฟน ซัมซุง กาแล็กซี่ โน้ต 5 จำนวน 1 เครื่อง และ ซัมซุง เอส 6 เอจด์พลัส จำนวน 1 เครื่อง พร้อมสิทธิประโยชน์ในการทำงานต่างประเทศ เช่น การพัฒนาธุรกิจแบบข้ามพรมแดน การสนับสนุน Co-Working Space ในต่างประเทศ
นอกเหนือจากรางวัลชนะเลิศแล้ว ยังมีรางวัลพิเศษ Samsung Innovation Award จากซัมซุง มอบให้กับทีมที่มีนวัตกรรมที่สามารถร่วมส่งเสริมการทำธุรกิจให้กับซัมซุง รางวัล Samsung Innovation Award ได้แก่ทีม OTTO จากประเทศออสเตรเลีย
AIS ดัน 'SocialGiver' ถึงฝั่งฝัน คว้าที่ 1 Regional Mobile App Challenge(Cyber Weekend)
*** SocialGiver ชัยชนะคือการต่อยอดธุรกิจ
อาชว์ วงศ์จินดาเวศย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SocialGiver กล่าวว่า SocialGiver วางตำแหน่งเป็นเว็บไซต์ชอปปิ้งที่ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าที่ต้องการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคม สามารถเลือกได้ว่าเงินที่จ่ายไปจะให้มูลนิธิอะไร มีราคาที่ดีกว่าตลาด โดย 70% ของรายได้นำไปให้กับโครงการต่างๆ ส่วนอีก 30% เป็นการพัฒนาระบบ บริหารจัดการและการดำเนินงานระบบได้ดีขึ้น ปัจจุบันมีหน่วยงานอาสาสมัคร มูลนิธิ และหน่วยงานเพื่อสังคมอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 18 โครงการ
ขณะนี้มีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้น 6,000 ราย เป็นลูกค้าที่เคยใช้บริการ 300 ราย และมีพาร์ทเนอร์ทั้งสิ้น 90ราย ส่วนใหญ่จะเน้นร้านอาหาร เน้นท่องเที่ยว ที่เป็นธุรกิจการให้บริการเป็นหลัก ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายได้จากการทำธุรกิจ แต่จะเป็นการหาสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนมากกว่า ส่วนเงินที่ได้จากการชนะการแข่งขันในครั้งนี้จะนำไปต่อยอดในการพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือ เน้นที่การใช้งานง่าย ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ในเดือนพฤษภาคมปี 2016
สำหรับแผนการทำธุรกิจในปีหน้านั้นนอกจากจะทำการเปิดตัวแอปพลิเคชันแล้ว จะเริ่มแผนการพัฒนาแฟรนไชส์ ซึ่งจะเริ่มสร้างรายได้จากการเปิดให้เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ในปี 2017 ส่วนในอีก 3-4 ปีข้างหน้าเมื่อมีฐานลูกค้าประมาณ 5 แสนราย จะหารายได้จากการเปิดให้มีพื้นที่โฆษณาในเว็บไซต์ รวมไปถึงการเป็นที่ปรึกษาการทำซีเอสเอาร์ ทำอีเวนต์พิเศษร่วมกัน โดยปีหน้าจะทำการระดมทุน 12 ล้านบาทสำหรับการบริจาค ซึ่งปีนี้ระดมได้ประมาณ 1.7 ล้านบาท ส่วนลูกค้าที่เข้ามาซื้อบริการนั้นน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าของปีนี้ โดยจะมีการหาพาร์ทเนอร์ในการช่วยหาลูกค้าเพิ่มมากขึ้น คาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 250 ราย SocialGiver จะชูบทบาทการเป็นตัวช่วยให้สร้างกิจกรรมเพื่อสังให้กับองค์กร ในลักษณะของการสร้างมูลค่าร่วมทั้งธุรกิจและสังคม หรือ CSV ที่จะช่วยให้ธุรกิจและสังคมเติบโตไปพร้อมกัน
'การสร้างมาร์เก็ตติงแคมเปญร่วมกับเอไอเอส ก็จะทำให้เราสามารถหาพาร์ทเนอร์ได้ง่ายขึ้น และจะดึงให้ให้ธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในระบบนี้มากขึ้น เราไม่ได้เน้นเป็นบริจาคเงิน แต่เน้นการเป็นเว็บชอปปิ้งที่ลูกค้าสามารถซื้อบริการผ่านเรา แล้วเราจะนำเงินรายได้ไปแบ่งให้กับการกุศล เราไม่ต้องการย้ายเงินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เหมือนการบริจาคผ่านช่องทาง อื่นๆ ทั่วไป แต่เราต้องการเปลี่ยนอิมแพค ในการสร้างเงินบริจาคเงินโดยภาพรวม ให้เป็นการสร้างเงินบริจาครูปแบบใหม่ที่จะดึงให้คนเข้ามาบริจาคให้กับสังคมมากขึ้น'
http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000135784
ไม่มีความคิดเห็น: