Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

08 กุมภาพันธ์ 2559 โมบายล์เพย์เมนท์ ในประเทศไทยอยู่ภายในกรอบการดูแลของ ธปท. ภายใต้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 ซึ่งอยู่ในส่วนของบริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใด

ประเด็นหลัก

นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลระบบการชำระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ โมบายล์เพย์เมนท์ (Mobile Payment) เนื่องจากปัจจุบันการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าหน่วยงานใดจะเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลและคุ้มครองผู้บริโภคหากเกิดความเสียหายจากการใช้เงินที่อยู่ในซิมและชำระค่าสินค้าและบริการผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่

ปัจจุบัน โมบายล์เพย์เมนท์ ในประเทศไทยอยู่ภายในกรอบการดูแลของ ธปท. ภายใต้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 ซึ่งอยู่ในส่วนของบริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใด โดยจะเน้นเรื่องธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเงินของธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก แต่ปัจจุบันนวัตกรรมทางการเงินและการใช้ช่องทางของโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการให้บริการมีรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น มีการเติมเงินในซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ รวมทั้งเปลี่ยนจากเงินในซิมเป็นแต้มเพื่อแลกซื้อสินค้า ซึ่งในแต่ละวันจะมีประชาชนเติมเงินในซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนมาก

ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินกว่า 80 ล้านเบอร์ หากมีการเติมเงินซิมละ 50 บาท เท่ากับจะมีเงินที่เข้าไปอยู่ในซิมรวมทั้งสิ้นวันละ 400 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคต จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปกับการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ธปท. และสำนักงาน กสทช. จึงหารือร่วมกันมาโดยตลอด เพื่อเตรียมความพร้อมของการออกกฎเกณฑ์กำกับดูแลร่วมกันของทั้งสองฝ่ายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นได้ในเร็ว ๆ นี้





________________________________


กสทช. ผนึกแบงก์ชาติ คุ้มครองเงินในซิม ปชช.


สำนักงาน กสทช. จับมือแบงก์ชาติ ดูแลเงินในซิมประชาชน เผย เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค จากการใช้เงินที่อยู่ในซิม ทั้งชำระค่าสินค้าและบริการผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลระบบการชำระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ โมบายล์เพย์เมนท์ (Mobile Payment) เนื่องจากปัจจุบันการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าหน่วยงานใดจะเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลและคุ้มครองผู้บริโภคหากเกิดความเสียหายจากการใช้เงินที่อยู่ในซิมและชำระค่าสินค้าและบริการผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่

ปัจจุบัน โมบายล์เพย์เมนท์ ในประเทศไทยอยู่ภายในกรอบการดูแลของ ธปท. ภายใต้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 ซึ่งอยู่ในส่วนของบริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใด โดยจะเน้นเรื่องธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเงินของธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก แต่ปัจจุบันนวัตกรรมทางการเงินและการใช้ช่องทางของโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการให้บริการมีรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น มีการเติมเงินในซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ รวมทั้งเปลี่ยนจากเงินในซิมเป็นแต้มเพื่อแลกซื้อสินค้า ซึ่งในแต่ละวันจะมีประชาชนเติมเงินในซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนมาก

ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินกว่า 80 ล้านเบอร์ หากมีการเติมเงินซิมละ 50 บาท เท่ากับจะมีเงินที่เข้าไปอยู่ในซิมรวมทั้งสิ้นวันละ 400 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคต จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปกับการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ธปท. และสำนักงาน กสทช. จึงหารือร่วมกันมาโดยตลอด เพื่อเตรียมความพร้อมของการออกกฎเกณฑ์กำกับดูแลร่วมกันของทั้งสองฝ่ายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นได้ในเร็ว ๆ นี้

“ในอนาคตก็มีความเป็นได้ที่จะเห็นธนาคารพาณิชย์ และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แข่งขันให้บริการ Mobile Payment เพราะปัจจุบันคนไม่ได้เติมเงินในโทรศัพท์มือถือเพื่อใช้โทรศัพท์อย่างเดียวอีกต่อไป การเติมเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจำนวนและความถี่ในการเติมเงินจะมีนัยสำคัญที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันเข้ามาดูแลเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค นี่คือความปลอดภัยของผู้บริโภคที่สำนักงาน กสทช. กำลังสร้างขึ้น โดยเป็นการต่อยอดจากงานลงทะเบียนซิมซึ่งปัจจุบันสามารถระบุตัวตนของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้แล้ว และส่งผลให้สำนักงาน กสทช. สามารถยกระดับการดำเนินงานในเรื่องการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในเรื่องเงินในซิม และการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ได้อย่างดี และถือเป็นรากฐานในการพัฒนาไปสู่ยุคดิจิทัล อีโคโนมี อย่างแท้จริง” นายก่อกิจ กล่าว

http://www.thairath.co.th/content/566496

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.