Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

21 กันยายน 2559 กสทช. ชี้ กรณีโอเปอเรเตอร์เปิดเผยข้อมูลลูกค้า จะเข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 74 ภายใต้ พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 โดยมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 แสนบาท ส่วนความผิดด้านการนำคลื่นความถี่นำไปใช้งานมีโทษถึงขั้นยึดใบอนุญาตประกอบกิจการ และมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ตามมาตรา 66

ประเด็นหลัก




โดยสำนักงาน กสทช.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยแต่งตั้งให้ นายก่อกิจด่านชัยวิจิตร เป็นประธานคณะกรรมการสอบฯ ซึ่งประเด็นที่จะมีการสอบนั้นแยกออกเป็น 2 ส่วนในการสอบ ได้แก่ 1.สอบข้อเท็จจริงว่าผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง กรณีโอเปอเรเตอร์เปิดเผยข้อมูลลูกค้า จะเข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 74 ภายใต้ พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 โดยมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 แสนบาท ส่วนความผิดด้านการนำคลื่นความถี่นำไปใช้งานมีโทษถึงขั้นยึดใบอนุญาตประกอบกิจการ และมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ตามมาตรา 66


________________________________________






นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด กสทช. เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2559 มีการประชุมวาระพิเศษ กรณีที่ผู้ใช้เว็บไซต์พันทิป(pantip.com)รายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า มีพนักงาน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส นำข้อมูลการใช้โทรศัพท์ลูกค้าไปให้บุคคลภายนอก

โดยสำนักงาน กสทช.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยแต่งตั้งให้ นายก่อกิจด่านชัยวิจิตร เป็นประธานคณะกรรมการสอบฯ ซึ่งประเด็นที่จะมีการสอบนั้นแยกออกเป็น 2 ส่วนในการสอบ ได้แก่ 1.สอบข้อเท็จจริงว่าผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง กรณีโอเปอเรเตอร์เปิดเผยข้อมูลลูกค้า จะเข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 74 ภายใต้ พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 โดยมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 แสนบาท ส่วนความผิดด้านการนำคลื่นความถี่นำไปใช้งานมีโทษถึงขั้นยึดใบอนุญาตประกอบกิจการ และมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ตามมาตรา 66
พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคมพ.ศ.2544

ประเด็นที่ 2. จะต้องนำเรื่องดังกล่าวพิจารณาว่า การกระทำความผิดตามกฎหมายของ กสทช.ตามพ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 หรือไม่โดยจะมีการสอบเท็จจริงนัดแรกในวันที่ 19 ก.ย. 2559 ขณะเดียวกันยังให้สำนักงาน กสทช.ส่งหนังสือกำชับไปยังโอเปอเรเตอร์ทุกราย หากเปิดเผยข้อมูลลูกค้าจะมีความผิดตามมาตรา 74 แห่งพ.ร.บ.ประกอบกิจการ 2544

“การเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้บริการถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบกิจการฯ ยกเว้นกรณีที่มีหมายศาลจึงสามารถเปิดเผยข้อมูลได้” เลขาธิการ กสทช. กล่าว

ก่อนหน้านี้ นางวิไล เคียงประดู่ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโสส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท เอไอเอส ชี้แจงว่า เอไอเอสมีมาตรการที่เข้มงวด และให้ความสำคัญกับกฎข้อบังคับในเรื่องนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า อย่างสูงสุดมาโดยตลอด สำหรับกรณีดังกล่าวบริษัทได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่าพนักงานมีเจตนากระทำความผิดจริง โดยอาศัยอำนาจหน้าที่ กระทำผิดกฎข้อบังคับ โดยบริษัทได้พิจารณาให้พนักงานคนดังกล่าวพ้นสภาพทันที และได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว

http://www.naewna.com/business/235364

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.