Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

21 กันยายน 2559 JAS แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติรับทราบการทำคำเสนอซื้อ(เทนเดอร์ออฟเฟอร์) หลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทโดยนายพิชญ์ โพธารามิก (ผู้ทำคำเสนอซื้อ) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยถือหุ้น 25.84% โดยกำหนดราคาเสนอซื้ออยู่ที่ 7.25 บาทต่อหุ้นและ 3.68 บาท ต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ JAS-W3

ประเด็นหลัก


น.ส.สายใจ คีตสิน รองกรรมการผู้จัดการและเลขานุการคณะกรรมการ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติรับทราบการทำคำเสนอซื้อ(เทนเดอร์ออฟเฟอร์) หลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทโดยนายพิชญ์ โพธารามิก (ผู้ทำคำเสนอซื้อ) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยถือหุ้น 25.84% และเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นผู้จัดเตรียมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินสำหรับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทภายในวงเงินไม่เกิน 42,500 ล้านบาท




โดยกำหนดราคาเสนอซื้ออยู่ที่ 7.25 บาทต่อหุ้นและ 3.68 บาท ต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ JAS-W3 โดยคาดว่าจะสามารถยื่นคำเสนอซื้ออย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 28 กันยายน 2559 ทั้งนี้ นายพิชญ์ผู้ทำคำเสนอซื้อมีหุ้นอยู่จำนวน 1,844,046,870 หุ้นและบริษัทมีหุ้นซื้อคืนอยู่จำนวน 1,200,000,000 หุ้นโดยเหลือจำนวนหุ้นที่จะเสนอซื้อ 4,091,732,612 หุ้น ขณะที่ JAS-W3 ผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้นถืออยู่จำนวน 553,944,543 หุ้น หน่วยโดยเหลือจำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิ JAS-W3 ที่จะเสนอซื้อจำนวน 2,733,604,634 หน่วย รวมมูลค่าที่เสนอซื้อทั้งหมด 39,724,726,490 บาท




________________________________________







“พิชญ์ โพธารามิก” ประกาศทุ่มเงินกว่า 4.25 หมื่นล้านบาท เสนอซื้อหุ้นจัสมินทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 7.25 บาท และ JAS-W3 ราคา 3.68 บาทดีเดย์ 28 กันยายนนี้ โดยใช้เงินกู้จากแบงก์ไทยพาณิชย์ เจ้าตัวแจงต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร ยืนยันไม่ถอนหุ้นออกจากตลาด

น.ส.สายใจ คีตสิน รองกรรมการผู้จัดการและเลขานุการคณะกรรมการ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติรับทราบการทำคำเสนอซื้อ(เทนเดอร์ออฟเฟอร์) หลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทโดยนายพิชญ์ โพธารามิก (ผู้ทำคำเสนอซื้อ) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยถือหุ้น 25.84% และเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นผู้จัดเตรียมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินสำหรับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทภายในวงเงินไม่เกิน 42,500 ล้านบาท

โดยกำหนดราคาเสนอซื้ออยู่ที่ 7.25 บาทต่อหุ้นและ 3.68 บาท ต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ JAS-W3 โดยคาดว่าจะสามารถยื่นคำเสนอซื้ออย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 28 กันยายน 2559 ทั้งนี้ นายพิชญ์ผู้ทำคำเสนอซื้อมีหุ้นอยู่จำนวน 1,844,046,870 หุ้นและบริษัทมีหุ้นซื้อคืนอยู่จำนวน 1,200,000,000 หุ้นโดยเหลือจำนวนหุ้นที่จะเสนอซื้อ 4,091,732,612 หุ้น ขณะที่ JAS-W3 ผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้นถืออยู่จำนวน 553,944,543 หุ้น หน่วยโดยเหลือจำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิ JAS-W3 ที่จะเสนอซื้อจำนวน 2,733,604,634 หน่วย รวมมูลค่าที่เสนอซื้อทั้งหมด 39,724,726,490 บาท

โดยนายพิชญ์ชี้แจงว่าการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในครั้งนี้เพื่อที่จะสามารถบริหารงานได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ไม่มีเจตนาที่จะออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด

ด้านนายสุทธิพัฒน์ เสรีรัตน์ รองผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดเตรียมคำเสนอซื้อชี้แจงว่าแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการทำคำเสนอซื้อจะมาจากวงเงินกู้จากธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งธนาคารพิจารณาแล้วเห็นว่าวงเงินที่ผู้ประกาศเจตนาในการทำคำเสนอซื้อมีความเพียงพอที่จะทำคำเสนอซื้อในครั้งนี้

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำการขึ้นเครื่องหมาย H หยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ในการซื้อขายรอบเช้าวันที่ 19 กันยายน 2559 เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตามที่บริษัทร้องขอ อีกทั้งบริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลสำคัญได้ครบถ้วนโดยเฉพาะประเด็นจะคงสถานะบริษัทจดทะเบียน(บจ.) หรือไม่ หลังนายพิชญ์ โพธารามิก ประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม หลังจากนายพิชญ์มีหนังสือชี้แจงไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยระบุว่าจะยังคงสถานะเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงได้ทำการปลดเครื่องหมาย H และเปิดให้ทำการซื้อขายปกติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังตลาดหลักทรัพย์ฯปลดป้ายพักการซื้อขายหุ้นชั่วคราวราคาหุ้น JAS ก็วิ่งขึ้นไปแตะที่ราคา 7.25 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ผู้ซื้อประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 60 สตางค์ หรือ 9.02% ก่อนที่จะปิดตลาดที่ 7.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท หรือเพิ่มขึ้น 8.27% ส่วน JAS-W3 ก็วิ่งขึ้นเช่นเดียวกันโดยขึ้นไปที่ 3.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 15.62% ก่อนจะปิดตลาดที่
3.68 เพิ่มขึ้น 0.48 บาท หรือ 15.00%

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ภาพของตลาดหุ้นจะแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ วันจันทร์ดัชนีฯอาจลดลงจากที่ปิดตัวขึ้นไปมากเมื่อวันศุกร์ วันอังคารเป็นต้นไปตลาดจะเหมือนกับตลาดประเทศอื่นๆ คือชะลอเพื่อดูผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) และสหรัฐ (FOMC) ทิศทางตลาดจะเคลื่อนไหวในลักษณะออกด้านข้าง (sideway) แต่ด้วยโมเมนตัมหรือแรงซื้อที่ยังมีต่อจะทำให้ดัชนีฯสูงขึ้นได้ และช่วงสุดท้ายคือหลังทราบผลการประชุม BOJ และ FOMCแล้วนั้น ตลาดสองวันสุดท้ายของสัปดาห์นี้ อาจเป็นได้ทั้งบวกและลบ แต่ บล.KTBST ประเมินว่าจะไปในทางบวกมากกว่าหากถ้า FOMC ไม่ขึ้นดอกเบี้ย

ทั้งนี้ตัวแปรสำคัญๆ ของตลาดหุ้นทั่วโลกจะคล้ายๆ กัน คือชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการประชุมของ 2 ธนาคารกลางในวันที่ 20-21 กันยายน แต่แรงขายหุ้นในตลาดต่างๆ จะน้อยลง เพราะโอกาสที่สหรัฐจะปรับขึ้นดอกเบี้ยมีน้อยลง อีกทั้ง BOJ นั้นอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาและปรับเพิ่ม QE จากเดิม 80 ล้านล้านเยนต่อปี ซึ่งผลการประชุมของธนาคารกลางทั้งสองแห่งแม้เราประเมินว่าน่าจะไปในทางบวกมากกว่า แต่คณะกรรมการของทั้งสองธนาคารอาจไม่ทำตามกระแสคาดการณ์ของนักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ก็ได้

หุ้นที่แนะนำในสัปดาห์นี้ได้แก่ หุ้นที่คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลดี สม่ำเสมอ และได้ประโยชน์หาก Fed ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปคือ DIF, JASIF, EGCO หุ้นกลุ่มส่งออกหรือมีรายได้อ้างอิงกับดอลลาร์ได้แก่ KCE, TOG, BANPU หุ้นที่ระดับราคาปรับลงมาจนน่าสนใจ ได้แก่ TSE, PIMO, WICE, BCH,FSMART และหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศขายมากในปีนี้อย่าง DELTA, INTUCH, MAJOR กรอบดัชนีในสัปดาห์ มองแนวรับอยู่ที่ 1,464-1,451 จุด ส่วนแนวต้านจะเป็น 1,500-1,521 จุด และมีจุด cut loss สำหรับคนเล่นสั้นอยู่ที่ 1,464 จุด



http://www.naewna.com/business/236129

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.