AIS และ TRUE ฉีกหน้า กสทช. และ คสช. ระบุ ขอแบ่งงวดชำระ 60,000 ลบ./ต่อราย แต่ไม่ข้อจ่ายดอกเบี้ย ส่งผล คสช. ตีกลับ ( ผิดกับที่ตกลงก่อนหน้า )
แก้ไข 15:07 29/3/2561
ล่าสุด หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 29 - 31 มีนาคม 2561 ได้นำเสนอรูปภาพเอกสารที่ปรากฏในข้อเสนอให้กับรัฐบาล ในวันที่27 มีนาคม 2561 ที่ผ่าน ระบุ จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น ผู้ได้รับใบอนุญาต 900 MHz จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์พิจารณาการผ่านผันการชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900MHz งวดที่ 4 ออกเป็น 7 งวด โดยงวดที่ 1-6 ชำระงวดละ 3040 ล้านบาท และงวดสุดท้ายชำระส่วนที่เหลือทั้งหมด พร้อมทั้งได้โปรดพิจารณายกเว้นการเรียกเก็บดอกเบี้ยจากการผ่อนชำระเงินดังกล่าวด้วย
ระบุลายเซ็น วีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจสัมพันธ์และองค์กร บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จํากัด
และ
ระบุลายเซ็น สฤษดิ์ จิณสิทธิ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
ซึ่งผิดจากที่ตกลงกันไว้ก่อน ประชุม คสช. ดำเนินเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องของการจ่ายดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย
ก่อนหน้า นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช ได้ให้สัมภาษณ์ในรายงานเจาะลึกทั่วไทย tonight ในวันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม 2561 ระบุ ท่านรองวิษณุ ได้มีการเรียกประชุมให้ทั้ง AIS TRUE เสนอแนวทาง ซึ่งเป็นในทิศทางเดียวกันทั้งหมดคือ ถ้าจะขยายงวดการชำระเงินก็จะขยายให้ แต่ต้องชำระดอกเบี้ยตามนโยบายดอกเบี้ยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งไม่ได้ทำให้รัฐเสียหาย
ถ้าอยากจะขยายทาง กสทช. จะทำเรื่องขยายให้ซึ่งทาง กสทช. จะต้องมาดูรายละเอียดว่าจะขยายไปอีกกี่ปี
ขอเรียนให้ทราบว่างวดที่จะต้องมีการชำระเงิน ตัวผู้ประกอบการทางด้านโทรคมนาคมอยากจะขอขยายให้เท่ากับใบอนุญาตของ AIS TRUE อายุใบอนุญาตคือ 15 ปี ขนาดนี้ชำระมาแล้ว 3 ปี จึงอยากให้ขยายเป็น 12 ปีในการชำระงวดโดยเอา 12 ปีหารด้วยจำนวนมูลค่าที่ยังไม่ได้ชำระให้แก่รัฐบาล นั่นคือจำนวน 60,000 ล้าน จะชำระต่อปีคือปีละ 5000 ล้านบาท
แต่ทางก็ กสทช. ได้มีมติร่วมกันแล้วถึงเงื่อนไขในใบอนุญาตที่ออกให้นั้นคือจำนวน 15 ปี แต่การขยายระยะเวลาให้ AIS TRUE นั้นเป็นจำนวนงวดชำระเงินซึ่งทั่วโลกทำกันคือ จะต้องชำระครึ่งหนึ่งหรือไม่เกินครึ่งหนึ่งของอายุใบอนุญาต คือ 7ปี หรือ 8ปี ดังนั้นแล้วจึงขอให้ขยายเพียงแค่ 5 งวดชำระเท่านั้น โดยเพิ่มเติมอีกจำนวน 3 ปีที่ได้มีการชำระมาแล้ว รวมเป็นทั้งหมด 8 ปี
ดังนั้น 5 ปีที่จะต้องจ่ายจะคำนวณโดยการเอาไปหารกับจำนวน 60,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องชำระอยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท บวก การชำระอัตราดอกเบี้ยตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย
นั่นหมายความว่าเริ่มปีที่ 1 ของ 5 งวดใหม่ เป็นปี 2562 จะต้องมีการชำระงวดที่ 4 จำนวน 12,000 ล้านบาท + ดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย
เริ่มปีที่ 2 ของ 5 งวดใหม่ ปี 2563 จะต้องมีการชำระงวดที่ 5 จำนวน 12,000 ล้านบาท + ดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย
นำข้อมูลเพียงบางส่วนของหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจและช่อง 19
ไม่มีความคิดเห็น: