Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

07 สิงหาคม 2554 ทำความรู้จัก ‘เอ็นโซโก้’ (( (www.ensogo.com)) คลื่นลูกใหม่วงการอี-คอมเมิร์ซ

ทำความรู้จัก ‘เอ็นโซโก้’ (( (www.ensogo.com)) คลื่นลูกใหม่วงการอี-คอมเมิร์ซ

ทำความรู้จัก ‘เอ็นโซโก้’ (( (www.ensogo.com)) คลื่นลูกใหม่วงการอี-คอมเมิร์ซ
ประเด็นหลัก

IT Digest : ก้าวต่อไปของเอ็นโซโก้จะเป็นอย่างไร
ทอม : นอกจากการเพิ่มจำนวนสมาชิก เครื่องมือใหม่ๆ ก็เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า เราอาจเปิดตัวแอพพลิเคชั่นเพื่อให้พาทเนอร์ได้อัพเดทข้อมูลถึงมือลูกค้าผ่าน โทรศัพท์เคลื่อนที่หรือแท็บเล็ต อีกสิ่งสำคัญคือธุรกิจของเราไม่เคยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากหน่วยงานหรือ องค์กรในประเทศ ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานใดๆ สนับสนุนการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น เราจึงตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือให้คำแนะนำกับผู้ที่ต้องการดำเนินธุรกิจ อย่างจริงจังแต่ขาดการสนับสนุน โดยไม่จำกัดเฉพาะธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเท่านั้นแต่หากสามารถเสริมศักยภาพธุรกิจ ของเราได้ก็ยินดี เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศของเรา

นอกจากนี้ ทุกคนที่ซื้อดีลจากเอ็นโซโก้ยังได้ทำการกุศลเพื่อสังคม โดยเราจะหักรายได้ 3% จากยอดขายทุกวัน เพื่อรวบรวมไปช่วยเหลือองค์กรเพื่อสังคมหรือมูลนิธิต่างๆ โดยเฉพาะการช่วยเหลือการศึกษาหรือเยาวชน ซึ่งพาทเนอร์ทุกรายของเราก็ให้การตอบรับโครงการดังกล่าว และเราได้บริจาคไปแล้วกว่า 6 ล้านบาทในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งความต้องการที่เราอยากให้ลูกค้าทุกคนมีความสุขที่ได้สินค้า บริการราคาพิเศษพร้อมช่วยเหลือสังคม ซึ่งเราหวังให้เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรมีแนวคิดนี้เช่นเดียวกัน.

_________________________________________________________

ทำความรู้จัก ‘เอ็นโซโก้’ คลื่นลูกใหม่วงการอี-คอมเมิร์ซ

ตาม “ทีมข่าวไอทีออนไลน์” ไปทำความรู้จักกับธุรกิจฮอตแห่งยุค กับ “ทอม ศรีวรกุล” ซีอีโอเว็บไซต์เอ็นโซโก้ กับนิยามของคำว่าโซเชียลคอมเมิร์ซ ภายใต้หลังคาธุรกิจที่ปฏิญาณตัวว่าจะไม่ทิ้งสังคม รายได้ 3% ต้องใช้พัฒนาการศึกษา-เยาวชน...

เปิดตัวมาได้เพียง 1 ปีเศษ แต่ต้องยอมรับว่า “เอ็นโซโก้” (www.ensogo.com) กำลังกลายเป็นคำฮิตที่หลายคนพูดถึง แม้จะไม่ใช่เว็บไซต์ขายดีลรายแรกในประเทศไทย แต่ด้วยกลยุทธ์และช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภคแบบตรงกลุ่มเป้าหมาย ทำให้จำนวนสมาชิกของเอ็นโซโก้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากอยากรู้ว่าแม่ทัพใหญ่อย่าง “ทอม ศรีวรกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์เอ็นโซโก้ มีแนวคิดอย่างไร ธุรกิจภายใต้การบริหารของคนรุ่นใหม่ไฟแรงเป็นอย่างไร ความแตกต่างระหว่างอี-คอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซคืออะไร อนาคตของเอ็นโซโก้ภายหลังลีฟวิ่งโซเชียล อี-คอมเมิร์ซชื่อดังเข้าซื้อกิจการ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แนะนำว่าไม่ควรพลาดตั้งแต่บรรทัดถัดไป...






IT Digest : ก่อตั้งเมื่อไหร่ ดำเนินธุรกิจประเภทใด
ทอม : เราเริ่มต้นเอ็นโซโก้มาประมาณ 1 ปีเศษ จากจุดเริ่มต้นที่เห็นตัวอย่างเว็บไซต์ชั้นนำอย่าง คูปอง (www.coupons.com) และลีฟวิ่งโซเชียล (www.livingsocial.com) จึงนำแนวคิดดังกล่าวมาประยุกต์ให้เข้ากับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคชาวไทย โดยเราได้ทำแบบสำรวจความเห็นจากผู้บริโภคกว่า 4,000 คน เพื่อประเมินความพึงพอใจก่อนนำเสนอดีลบริการและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้นำความเห็นดังกล่าวมาปรับปรุงและตอบสนองตามความต้องการของผู้ซื้อ

ช่วง แรกเรามีพนักงาน 5 คน มีสาขาแห่งเดียวในประเทศไทย ปัจจุบัน เรามีสาขาทั้งหมด 3 ประเทศ มีพนักงาน 430 คน เราพึงพอใจด้านการเติบโตเพราะถือว่าค่อนข้างเร็ว ภายหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้เราทราบว่าธุรกิจของเรามีโอกาส และความเป็นไปได้อย่างมากในประเทศไทย ทั้งนี้ เราจึงเริ่มต้นลงทุนในอีก 2 ประเทศ คือ ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียทันที ซึ่งเป็นตลาดที่มีโครงสร้างและพฤติกรรมผู้บริโภคคล้ายกัน

แนวคิดของ เราคืออยากให้ลูกค้าตื่นเช้ามาพบความพิเศษทุกวัน ด้วยรูปแบบความสุขของการกิน เที่ยว ช้อป ทั้งใกล้ที่ทำงานและใกล้บ้านแบบใหม่ทุกวัน ขณะเดียวกันยังเป็นการช่วยเหลือพาทเนอร์ ไม่ใช่การขายบัตรกำนัลแต่เป็นการทำตลาดอย่างหนึ่ง เราคิดหาโปรโมชันที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าให้ธุรกิจทั้งที่เปิดใหม่และเปิดมานานแล้วแต่ยังไม่เป็น ที่รู้จัก

IT Digest : มีดีลมากเท่าไหร่ที่ได้นำเสนอผ่านผู้บริโภคไปแล้ว
ทอม : เฉพาะในเดือนก.ค. ผู้บริโภคชาวไทยจะได้พบดีลสินค้าและบริการกว่า 275 รายการ และคาดว่าจะมีถึง 435 รายการภายในเดือนธ.ค. พร้อมกันนี้เรายังตั้งเป้ามีสมาชิกผ่านเว็บไซต์เอ็นโซโก้ให้ได้ 1 ล้านราย พร้อมพาทเนอร์ 2,500 ราย จากปัจจุบันพาทเนอร์ 1,000 ราย และสมาชิกประมาณ 400,000 ราย

IT Digest : ใช้งบประมาณทำตลาดในประเทศไทยเท่าไหร่
ทอม : บริษัทฯ เตรียมงบประมาณกว่า 100 ล้านบาทสำหรับทำตลาดในประเทศไทย โดยใช้กับสื่อออนไลน์กว่า 80% อาทิ เฟซบุ๊ก กูเกิล และสื่อออฟไลน์อีก 20% ทำให้เราเปลี่ยนตัวเองมาอยู่ในส่วนของโซเชียลคอมเมิร์ซไม่ใช่เพียงอี-คอม เมิร์ซ เพราะความแตกต่างที่เราใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นเครื่องมือค่อนข้างมาก

IT Digest : ความแตกต่างในการทำตลาดประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
ทอม : เราทำตลาดเต็มรูปแบบในประเทศไทย แต่ในอินโดนีเซียถือเป็นตลาดที่มีความท้าทายมาก โดยทั้ง 3 ประเทศที่เราเลือกทำตลาดนั้น มีประชากรรวมกว่า 400 ล้านคน

IT Digest : ผลตอบรับตลาดในประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง
ทอม : เรามียอดสมัครสมาชิกผ่านเว็บไซต์เอ็นโซโก้กว่า 400,000 ราย สมาชิกบนเฟซบุ๊กมากกว่า 250,000 ราย ถือเป็นเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของประเทศ เราเน้นการทำกิจกรรมผ่านแฟนเพจบนเฟซบุ๊กให้สมาชิกได้ติดตามรายละเอียดและ ข่าวสาร ซึ่งหลายรายเป็นสมาชิกทั้งเว็บเอ็นโซโก้และเฟซบุ๊ก โดยปัจจุบันเอ็นโซโก้มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% ต่อเดือน ซึ่งคาดว่ายอดจำหน่ายก็จะเติบโต 20% ต่อเดือนเช่นเดียวกัน






IT Digest : ภาวะการแข่งขันทางธุรกิจมีมากน้อยเพียงใด
ทอม : ในประเทศไทย เรามีคู่แข่งกว่า 30 ราย แต่เอ็นโซโก้มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 84% ขณะที่ในจีนมีผู้ประกอบธุรกิจประเภทนี้เกือบ 4,000 ราย แต่ผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 60% การที่เป็นผู้ริเริ่มในตลาดอาจส่งผลให้เป็นผู้นำได้ง่าย แต่อย่างในสหรัฐอเมริกาไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเว็บไซต์แรกที่เปิดตัวไม่ได้มีส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นอันดับหนึ่ง แสดงถึงความสำคัญของการใช้กลยุทธ์เพื่อรักษาและขยายฐานลูกค้า ควบคู่การนำเสนอบริการใหม่ตามความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ

IT Digest : อะไรคือความแตกต่างระหว่างเอ็นโซโก้กับคู่แข่งรายอื่น
ทอม : เรามีเงินทุนซึ่งค่อนข้างได้เปรียบ จำนวนสมาชิกแต่ละรายจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย หากสมาชิกหนึ่งรายมีค่าใช้จ่าย 100 บาท เราตั้งเป้าสมาชิก 1,000,000 ราย หมายถึงเรามีค่าใช้จ่ายมหาศาล แต่เรามองเห็นโอกาสกับธุรกิจนี้ว่าจะสามารถเติบโตได้อีก 5-10 ปี ทุกอย่างจึงเริ่มต้นตามขั้นตอนซึ่งเราวางแผนไว้อย่างจริงจัง ถ้าพรุ่งนี้คนไทยเลิกใช้เฟซบุ๊ก เครื่องมือต่อไปคืออะไรเราต้องตามให้ทัน หรือเมื่อมี 3จี เราก็ต้องพร้อมนำเสนอได้ทันที นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีพนักงานขายกว่า 182 คน เพื่อทำหน้าที่ที่ปรึกษาการตลาดให้พาทเนอร์ เพื่อช่วยเหลือในการสร้างโปรโมชันหรือดีลต่างๆ ที่มีคุณภาพแก่ผู้บริโภค

IT Digest : ปัจจัยใดที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกใช้เอ็นโซโก้
ทอม : คุณภาพของดีลที่ลูกค้าจะได้รับถือเป็นเรื่องสำคัญ เอ็นโซโก้เป็นรายแรกๆ ที่มีดีลกับแบรนด์ชั้นนำ ทั้งยังถือเป็นธุรกิจที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจ ทำให้สามารถมีไลฟ์สไตล์ในแบบที่ต้องการได้ในราคาที่ถูกกว่าหรืออาจทำให้ สามารถกิน เที่ยว ช้อปได้บ่อยครั้งขึ้น ซึ่งตรงใจลูกค้าหลักที่อยู่ในกลุ่มวัยทำงาน โดยลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมีสัดส่วนประมาณ 80% และอีก 20% อยู่ในกลุ่มนักศึกษา ซึ่งเรามีดีลหลากหลายแบบและราคา ตั้งแต่ไอศกรีมราคา 50 บาท จนถึงแพ็กเก็จห้องพักโรงแรมหรูราคา 22,000 บาท ส่วนดีลที่ลูกค้านิยมซื้อ ได้แก่ ร้านอาหาร ความงาม ท่องเที่ยว และร้านค้าปลีก

ขณะนี้เรามี ศูนย์กลางรองรับความต้องการลูกค้าไม่เฉพาะในกรุงเทพฯ แต่ยังมีในเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น โดยมีลูกค้ากว่า 80% อยู่ในกรุงเทพฯ สำหรับกลยุทธ์การขยายตลาดในต่างจังหวัดนั้น เรามีการวางแผนให้ตรงตามพื้นที่และความเป็นไปได้ นอกจากนี้ในอนาคตเราจะเริ่มแบ่งเป็นพื้นที่สำหรับในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดของลีฟวิ่งโซเชียลที่ต้องการให้เราเข้าถึงท้องถิ่น ถือเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่ที่เป็นชุมชนหรือที่อยู่ อาศัยด้วย

มีผลสำรวจพฤติกรรมผู้ซื้อดีลกว่า 1,200 คนจากทั่วโลกระบุว่า ยอมขับรถไกลออกไป 5 กิโลเมตร เพื่อร้านที่มีส่วนลด 50% ยอมขับ 10 กิโลเมตร เพื่อร้านที่มีส่วนลด 60% และยอมขับ 100 กิโลเมตร เพื่อส่วนลด 90% หน้าที่ของเราคือการผลักดันให้ลูกค้าอยากออกจากบ้าน

IT Digest : มองเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจในประเทศไทยหรือไม่อย่างไร
ทอม : จาก 1 ปีที่ผานมา เรามองว่ายังสามารถเติบโตได้อีกมาก แต่ในความเป็นจริงเรามีข้อมูลแบบปีต่อปี ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซมีระยะประมาณ 1-2 ปีเท่านั้น แต่จากการร่วมมือกับลีฟวิ่งโซเชียลซึ่งพัฒนาธุรกิจตามความต้องการของลูกค้า เสมอและมีความร่วมมือกับพาทเนอร์ชั้นนำระดับโลก เราจึงมั่นใจว่าจะสามารถประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว สำหรับปัญหาด้านโครงสร้างของอินเทอร์เน็ตนั้น เรามีแผนร่วมกับพาทเนอร์หลายรายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ดีขึ้นมี ประสิทธิภาพมากขึ้น 3จี เป็นเทคโนโลยีที่เราอยากให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะเชื่อว่าหากเกิดขึ้นจริงจะสามารถพัฒนาประเทศไทยได้อีกหลายด้าน



IT Digest : วางเป้าหมายอย่างไรภายหลังร่วมมือกับลีฟวิ่งโซเชียล
ทอม : หากเราจะดำเนินงานไปตามแผนงานที่ตั้งไว้ก็เชื่อว่าสามารถทำได้ แต่การร่วมมือกับพาทเนอร์ที่มีประสบการณ์ในด้านเดียวกันอย่างลีฟวิ่งโซเชีย ลนั้น อาจทำให้เราย่นระยะเวลาในการประสบความสำเร็จหรือผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีที่มีก็เชื่อว่าจะทำให้เอ็นโซโก้สามารถเติบโตได้อย่างก้าว กระโดด

IT Digest : ก้าวต่อไปของเอ็นโซโก้จะเป็นอย่างไร
ทอม : นอกจากการเพิ่มจำนวนสมาชิก เครื่องมือใหม่ๆ ก็เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า เราอาจเปิดตัวแอพพลิเคชั่นเพื่อให้พาทเนอร์ได้อัพเดทข้อมูลถึงมือลูกค้าผ่าน โทรศัพท์เคลื่อนที่หรือแท็บเล็ต อีกสิ่งสำคัญคือธุรกิจของเราไม่เคยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากหน่วยงานหรือ องค์กรในประเทศ ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานใดๆ สนับสนุนการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น เราจึงตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือให้คำแนะนำกับผู้ที่ต้องการดำเนินธุรกิจ อย่างจริงจังแต่ขาดการสนับสนุน โดยไม่จำกัดเฉพาะธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเท่านั้นแต่หากสามารถเสริมศักยภาพธุรกิจ ของเราได้ก็ยินดี เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศของเรา

นอกจากนี้ ทุกคนที่ซื้อดีลจากเอ็นโซโก้ยังได้ทำการกุศลเพื่อสังคม โดยเราจะหักรายได้ 3% จากยอดขายทุกวัน เพื่อรวบรวมไปช่วยเหลือองค์กรเพื่อสังคมหรือมูลนิธิต่างๆ โดยเฉพาะการช่วยเหลือการศึกษาหรือเยาวชน ซึ่งพาทเนอร์ทุกรายของเราก็ให้การตอบรับโครงการดังกล่าว และเราได้บริจาคไปแล้วกว่า 6 ล้านบาทในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งความต้องการที่เราอยากให้ลูกค้าทุกคนมีความสุขที่ได้สินค้า บริการราคาพิเศษพร้อมช่วยเหลือสังคม ซึ่งเราหวังให้เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรมีแนวคิดนี้เช่นเดียวกัน.

ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.