Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

12 กันยายน 2554 แหล่งข่าวแรง !!! การเลือกประธานและรอประธาน กสทช. ครั้งนี้ เป็นการวางตำแหน่งตัวผิดคน ผิดจุด อาจก่อปัญหา

แหล่งข่าวแรง !!! การเลือกประธานและรอประธาน กสทช. ครั้งนี้ เป็นการวางตำแหน่งตัวผิดคน ผิดจุด อาจก่อปัญหา

ประเด็นหลัก


แหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าวว่า การคัดเลือกตำแหน่ง ประธานและรองประธาน 2 คน การกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่มีความผิดด้าน กม.การคัดเลือก ประธานและรองประธาน แต่ในการปฏิบัติงานจริง อาจะมีปัญหาภายหลัง เนื่องจากผู้สมัครเข้ารับคัดเลือกเป็น กสทช. จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ และความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านต่างๆ ตามที่ได้ยื่นสมัครในช่วงแรก ซึ่งอาจเป็นไปได้หากภายหลังเกิดมีการฟ้องร้องกรณีการคัดเลือกดังกล่าวไม่ โปรงใส

“การเลือกประธานและรองประธานครั้งนี้ เป็นการวางตำแหน่งตัวผิดคน ผิดจุด ทำให้การทำงาน กสทช. อาจจะเกิดปัญหาภายหลัง และต้องตอบสังคมให้ได้ว่า การเลือกดังกล่าวจะเกิดข้อครหาได้” แหล่งข่าว กล่าว
__________________________________________________________

'ธเรศ'ยันลงคะแนนเลือก ปธ.-รองฯ กสทช. ไม่ขัดแย้ง

พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ว่าที่ประธาน กสทช. ยืนยัน ลงคะแนนเลือก ประธาน-รองประธาน กสทช. เรียบร้อยดี ขณะที่มีผู้ลงสมัครประธานแค่หนึ่งเดียว ส่วนรองเข้าชิงกัน 4 คน...

วันที่ 12 ก.ย. พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ว่าที่ประธาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กล่าวภายหลังประชุมเลือกประธานและรองประธาน กสทช. ว่า วันนี้ การลงคะแนนทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ได้มีความขัดแย้งภายในแต่อย่างใด ขณะที่ ว่าที่รองประธาน กสทช.ทั้ง 2 คน ที่ได้รับคัดเลือกมีความชำนาญ และเชี่ยวชาญ แม้ทั้งคู่จะมาจากด้านกิจการโทรคมนาคมก็ตาม อย่างไรก็ตาม จากนี้ว่าที่รองประธาน กสทช. ต้องไปตกลงกันเองเกี่ยวกับสายงานที่รับผิดชอบ ว่าใครจะเป็นคนดูแลด้านกิจการโทรคมนาคม และกิจการกระจายเสียงโทรทัศน์

อย่าง ไรก็ตาม ขั้นตอนการเลือกประธาน กสทช. ครั้งนี้เป็นการลงคะแนนลับ โดยตำแหน่งประธาน กสทช. ไม่มีผู้ลงแข่งขัน ขณะที่ ตำแหน่งรองประธาน กสทช. มีผู้ลงแข่งขัน 4 คน ซึ่งเป็นทหารทั้งหมด จากนั้น จึงให้ กสทช.ทั้ง 11 คน ลงคะแนน โดยผู้ที่ลงคะแนนจะมีสิทธิ์เลือกได้ไม่เกิน 2 คน ผลที่ได้คือ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ได้ 8 คะแนน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ได้ 7 คะแนน พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ได้ 3 คะแนน และ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ ได้ 3 คะแนน

ด้าน นายสุทธิพล ทวีชัยการ ว่าที่ กสทช. ด้านนิติศาสตร์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้เสนอชื่อ พล.อ.อ.ธเรศ เพียงคนเดียว จึงทำให้ที่ประชุมมีมติให้ พล.อ.ธเรศ เป็นประธาน เนื่องจากมีความเหมาะสมมากที่สุด ส่วนการเลือกรองประธาน 2 ท่าน ในด้านกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรคมนาคม ยังไม่ได้ระบุชัดเจน ว่าจะให้ใครเป็นรองในด้านใด

ว่าที่ กสทช. กล่าวต่อว่า แต่ละรายได้แสดงวิสัยทัศน์ และผลการทำงานในด้านที่มีความสามารถ โดยที่ประชุมได้รับฟัง ทั้งนี้ ว่าที่รองทั้ง 2 คน ก็มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านโทรคมนาคม อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมีความสนใจด้านวิทยุกระจายเสียง แต่เนื่องจากด้านกฎหมาย พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า ถนัดการลงพื้นที่ ซึ่งในด้านโทรคมนาคม ส่วนตัวจึงจำเป็นที่จะต้องมาดูในด้านโทรคมนาคม

แหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าวว่า การคัดเลือกตำแหน่ง ประธานและรองประธาน 2 คน การกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่มีความผิดด้าน กม.การคัดเลือก ประธานและรองประธาน แต่ในการปฏิบัติงานจริง อาจะมีปัญหาภายหลัง เนื่องจากผู้สมัครเข้ารับคัดเลือกเป็น กสทช. จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ และความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านต่างๆ ตามที่ได้ยื่นสมัครในช่วงแรก ซึ่งอาจเป็นไปได้หากภายหลังเกิดมีการฟ้องร้องกรณีการคัดเลือกดังกล่าวไม่ โปรงใส

“การเลือกประธานและรองประธานครั้งนี้ เป็นการวางตำแหน่งตัวผิดคน ผิดจุด ทำให้การทำงาน กสทช. อาจจะเกิดปัญหาภายหลัง และต้องตอบสังคมให้ได้ว่า การเลือกดังกล่าวจะเกิดข้อครหาได้” แหล่งข่าว กล่าว

ด้าน นายประวิทย์ ลี่สถาพรวัฒนา ว่าที่ กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า หลังจากนี้ต้องรอการโปรดเกล้าฯ อย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะประชุมเพื่อหาผู้ดำรงตำแหน่งอื่นๆ เช่น ประธานคณะกรรมการ หรือ บอร์ด ฝ่ายกิจการโทรคมนาคมและกิจการกระจายเสียงโทรทัศน์ รวมทั้งโฆษก กสทช. ต่อไป ทั้งนี้ ส่วนของตัวจะเข้าไปไปแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆ ตลอดจนการขโมยอัตลักษณ์ ซึ่งจะเน้นการร่วมมือกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด พร้อมยอมรับว่า การเป็น กสทช. ครั้งนี้ ทำให้ดำเนินงานด้านคุ้มครองผู้บริโภคได้มากกว่า

“ยอมรับว่าการเข้ามา เป็น กสทช. ทำให้การกำหนดนโยบายด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ทำได้ดีกว่าสมัยที่เป็นผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภค ในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท. ซึ่งจะเน้นในภาคปฏิบัติมากกว่า” นายประวิทย์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ต้องปรับตัว และสร้างฝ่ายปฏิบัติการที่เข้มแข็งขึ้นมาแทนที่ สบท. ที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ กสทช. ต่อไป โดยในส่วนของตำแหน่งประธาน สบท. ที่ตนดำรงอยู่นั้น ตนได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยมีผลในวันที่ 17 ก.ย.นี้

สำหรับประเด็นโครงข่าย 3 จี ที่ประชาชนคาดหวังนั้น นายประวิทย์ กล่าวว่า ต้องวางแผนแม่บทก่อน ซึ่งมีความคืบหน้าในการยกร่างราว 80% แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกำหนด 1 ปี อย่างแน่นอน

ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.