13 สิงหาคม 2555 ข่าวค่ำ!! TECHTVTHAILAND โทรคมนาคมและการสือสาร 3 ข่าวเด่น ประจำวันที่ 13 / 08 / 2555 By So Magawn ( โส มกร )
ข่าวค่ำ!! TECHTVTHAILAND โทรคมนาคมและการสือสาร 3 ข่าวเด่น ประจำวันที่ 13 / 08 / 2555 By So Magawn ( โส มกร )
1...... i mobile (กลุ่มสามารถ)ไม่ประมูล3Gแน่นอน!เตรียมเซ็นรวมมือทำ3GของTOT/จุดยืนเป็นซิมที่สองของลูกค้าเพื่อใช้ดาต้าในราคาถูก
2...... แห่ร้อง ICT เพียบ ใส่ร้าย-หมิ่นประมาท-โกงออนไลน์ ผ่านช่องเฟซบุ๊ก-ทวิต ( ผิดจริง พรบ.คอม จะมาหา )
3...... CEO TRUE ไม่พอใจแหล่งข่าวระดับสูง ICT !!! ว่า TRUE H จะมีรายได้ถึง 2 แสนล้านบาทตลอดอายุสัญญาก็ไม่จริง
CEO TRUE ไม่พอใจแหล่งข่าวระดับสูง ICT !!! ว่า TRUE H จะมีรายได้ถึง 2 แสนล้านบาทตลอดอายุสัญญาก็ไม่จริง
ที่มามาจาก
ICTเห็นชอบCATฉีกสัญญาTRUEMOVE Hแฉหากใช้สัญญาเดิม TRUE ลงทุน2.3หมื่นแต่ได้กำไรโครงการนี้198800ลบCATแบกรับภาระ6,200ลบ
ไทย โพสต์ แนวหน้า และ บ้านเมือง รายงานว่า แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบให้ กสท ยกเลิกสัญญาทำการตลาดรูปแบบใหม่ เพื่อให้บริการมือถือ 3 จีที่มีอยู่กับกลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น
ตามข้อเสนอของคณะทำงาน มีมติให้ร่างสัญญา 3 จีขึ้นใหม่ เพื่อให้เป็นสัญญามาตรฐาน และเปิดกว้างให้ผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาทำตลาดได้ และมีสิทธิ์ขอเข้าทำตลาดให้บริการขายต่อบริการ (MVNO) หรือทำตลาดขายส่งได้ แต่เนื่องจากที่มาของสัญญาที่ฝ่ายบริหาร กสท ส่วนใหญ่เห็นว่ามีข้อผิดพลาดตั้งแต่ต้น จึงทำให้บอร์ดและฝ่ายบริหาร กสท ต้องยกเลิกสัญญาดังกล่าว
ก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. และ กทค. สรุปว่ามีการดำเนินงานขัดต่อกฎหมายหลายฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535 หรือมาตรา 46 ของ พ.ร.บ. กสทช. ปี 2553 จึงเห็นว่า กสท น่าจะยกเลิกสัญญาดังกล่าวและดำเนินการซื้อคืนโครงข่ายเพื่อมาดำเนินการเอง
"สัญญา เดิมแม้จะอ้างว่ากสทจะมีรายได้มากกว่า 170,000 ล้านบาท มีรายจ่าย 139,800 ล้านบาท ทำให้ กสท มีกำไรอยู่ร่วม 30,000 ล้าน แต่ข้อเท็จจริงกลับหมกเม็ดให้กสท ต้องแบกรับภาระจ่ายค่าคลื่นความถี่ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกกว่า 37,000 ล้านบาท ทำให้ท้ายที่สุดแล้วกสทต้องขาดทุนมากกว่า 6,200 ล้านบาท ขณะบริษัททรูกลับจะมีรายได้และกำไรจากโครงการนี้ 198,800 ล้านบาท และยังได้โครงข่ายทรัพย์สิทั้งหมดไปด้วย”
วันนี้
เดลิ นิวส์ รายงานว่า นายศุภชัย กล่าวถึงเรื่องสัญญาการทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ 3 จี ด้วยเทคโนโลยีเอชเอสพีเอ บนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ ที่ทำร่วมกับบริษัท กสท โทรคมนาคม ว่า ทรูยืนยันจะปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้ และจะทำตามมติของ กทค. ที่ระบุให้แก้ไขสัญญาเดิม 6 ประเด็นเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการทำสัญญาใหม่ทั้งหมด และขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือยกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการจาก กสท โทรคมนาคม ซึ่งการพูดว่าทรูจะมีรายได้ถึง 2 แสนล้านบาทตลอดอายุสัญญาก็ไม่เป็นความจริง หากมีการยกเลิกสัญญาจริงก็จะฟ้องร้องขอความเป็นธรรมจากศาล
“ส่วนตัว มั่นใจมากกว่า 80-90% ว่าการเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จี จะเกิดขึ้นแน่นอน เว้นแต่จะมีปัจจัยจากการที่รัฐ วิสาหกิจมาฟ้องศาลปกครองอีก แต่สุดท้ายแล้วเชื่อว่าทุกฝ่ายอยากเห็นโทรศัพท์มือถือ 3 จี เกิดขึ้นในไทย ทางทรูพร้อมในเรื่องเงินทุนมีแหล่งเงินกู้จากธนาคาร หากทาง กสทช.กำหนดให้จ่ายค่าใบอนุญาตภายใน 5 ปีหลังเสร็จสิ้นการประมูล บริษัทจะใช้กระแสเงินสดที่มีเพียงพอ แต่หากให้ชำระภายใน 3 ปี อาจต้องกู้เงิน”
http://www.ryt9.com/s/bmnd/1455193
http://www.ryt9.com/s/nnd/1455299
http://www.thaipost.net/news/280712/60212
http://www.dailynews.co.th/technology/149051
__________________________________
i mobile (กลุ่มสามารถ)ไม่ประมูล3Gแน่นอน!เตรียมเซ็นรวมมือทำ3GของTOT/จุดยืนเป็นซิมที่สองของลูกค้าเพื่อใช้ดาต้าในราคาถูก
ประชา ชาติธุรกิจ รายงานว่า "ขายดีตั้งแต่ซีรีส์ i-Style รุ่น 1 และ 2 ราคา 4,900 และ 3,200 บาท รุ่น Q1 และ Q2 ราคา 5,900 และ 5,700 บาท ใช้ 2 ซิมได้หน้าจอ 4 นิ้วเป็นอย่างต่ำ แนวโน้มดังกล่าวทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนอาจมีส่วนแบ่งมากกว่าฟีเจอร์โฟนภายในปี หน้า จากปัจจุบันยอดขายเดือนละ 3 แสนเครื่อง"
นายธนานันท์ กล่าวถึงการประมูลใบอนุญาต 3G คลื่น 2.1GHz ว่า บริษัทไม่เข้าประมูลแน่นอน แต่เป็น MVNO ให้ทีโอที เพื่อได้คลื่นมาทำตลาดในแบรนด์ I-Mobile 3GX โดยบริษัท ไอ-โมบาย พลัส จำกัด ซึ่งรอเซ็นสัญญากับทีโอที
"จุดยืนของซิม 3GX คือเป็นซิมที่สองของลูกค้าเพื่อใช้ดาต้าในราคาถูก"
ก่อน หน้านี้ก็เป็น MVNO บริการ 3G ของทีโอทีอยู่แล้วมีลูกค้า 3GX ราว 1 แสนราย หากการขยายโครงข่ายของทีโอทีเสร็จตามเป้าที่ 5,000 สถานีฐานภายในเดือน ต.ค.นี้ การทำตลาดก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่โครงข่ายต้องมีถึงหลักหมื่นจุดขึ้นไป จึงจะสู้กับโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ทั้ง 3 เจ้าได้
ทั้งนี้ หลังการประมูลคลื่น 2.1GHz เสร็จสิ้นจะทำให้ตลาดมือถือคึกคักอีกครั้งแน่นอน เพราะผู้บริโภคหันมาซื้อมือถือเครื่องใหม่ที่รองรับระบบ 3G ได้มาใช้แทน แม้เครื่องเดิมจะใช้ EDGE หรือ GPRS เพื่อเล่นอินเทอร์เน็ตได้ แต่ผู้บริโภคก็ยอมซื้อเครื่องใหม่ เพื่อความเร็วอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1344832938&grpid&catid=06&subcatid=0600
__________________________________
แห่ร้อง ICT เพียบ ใส่ร้าย-หมิ่นประมาท-โกงออนไลน์ ผ่านช่องเฟซบุ๊ก-ทวิต ( ผิดจริง พรบ.คอม จะมาหา )
มติ ชน รายงานว่า นายณัฐ พยงค์ศรี นักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า ปัญหาร้องเรียนที่แจ้งมายังไอซีทีโดยตรงและทางสายด่วนเบอร์ 1212 ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคมที่ผ่านมา มีประมาณ 1,000 เรื่อง โดยอันดับ 1 ที่ร้องเรียนเข้ามามากที่สุดหรือกว่า 50% ได้แก่ เรื่องการหมิ่นประมาทว่าร้ายกันบนเว็บไซต์ โดยเฉพาะในเครือข่ายสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ อันดับที่ 2 หรือกว่า 20% ได้แก่ เรื่องการสวมรอยบุคคลทางเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อปลอมแปลงการทำธุรกรรมทางการเงินและกลั่นแกล้ง อันดับที่ 3 หรือกว่า 10% ได้แก่ ปัญหาฉ้อโกงการซื้อสินค้าและบริการทางอินเตอร์เน็ต
"ปัญหา แบล๊กเมล์บนเว็บไซต์หาคู่ เป็นปัญหาที่มีอัตราร้องเรียนเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะ 1-2 เดือนที่ผ่านมา เฉลี่ย 3-4 รายต่อวัน โดยพฤติกรรมของผู้กระทำความผิดจะมาในลักษณะชวนคุย ใช้วาจาหว่านล้อมให้โชว์สรีระในส่วนที่ไม่ควรเปิดเผยต่อสาธารณชน จากนั้นจะบันทึกภาพเหล่านั้นไว้และนำมาข่มขู่เรียกเงินจากผู้เสียหาย ที่ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง" นายณัฐกล่าว
นายณัฐกล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวถือเป็นเรื่องยากมากในการตวจสอบ และเอาผิดเว็บไซต์ เนื่อง จากเป็นการคุยกันส่วนบุคคลสองต่อสอง ดังนั้น วิธีง่ายที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการใช้งานจากเว็บไซต์หาคู่ และอย่าหลงเชื่อบุคคลทางอินเตอร์เน็ต โดยทางไอซีทีได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหาตัวผู้ที่เข้าข่ายกระทำ ความผิดดังกล่าวแล้ว" นายณัฐกล่าว
นายณัฐกล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาที่มีร้องเรียนเข้ามามากที่สุดในอันดับที่ 1 และ 2 ของไอซีทีนั้นจะตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกกล่าวหามีการกระทำความผิดนั้นๆ จริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริง จะประสานงานไปยังเว็บไซต์ต้นทางเพื่อปิดเว็บไซต์ หรือโปรไฟล์นั้นทันที ส่วนการเอาผิดทางกฎหมายนั้นตัวผู้ร้องเรียนจะแจ้งความกับตำรวจก่อนมาแจ้งยัง ไอซีทีแทบทุกรายอยู่แล้ว ส่วนการแก้ไขปัญหาที่ร้องเรียนอันดับที่ 3 นั้นหลังรับเรื่องร้องเรียนทางไอซีทีจะประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดผ่านการตรวจสอบจากเส้นทางโอนเงินด้วย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1344844162&grpid=03&catid=03
1...... i mobile (กลุ่มสามารถ)ไม่ประมูล3Gแน่นอน!เตรียมเซ็นรวมมือทำ3GของTOT/จุดยืนเป็นซิมที่สองของลูกค้าเพื่อใช้ดาต้าในราคาถูก
2...... แห่ร้อง ICT เพียบ ใส่ร้าย-หมิ่นประมาท-โกงออนไลน์ ผ่านช่องเฟซบุ๊ก-ทวิต ( ผิดจริง พรบ.คอม จะมาหา )
3...... CEO TRUE ไม่พอใจแหล่งข่าวระดับสูง ICT !!! ว่า TRUE H จะมีรายได้ถึง 2 แสนล้านบาทตลอดอายุสัญญาก็ไม่จริง
CEO TRUE ไม่พอใจแหล่งข่าวระดับสูง ICT !!! ว่า TRUE H จะมีรายได้ถึง 2 แสนล้านบาทตลอดอายุสัญญาก็ไม่จริง
ที่มามาจาก
ICTเห็นชอบCATฉีกสัญญาTRUEMOVE Hแฉหากใช้สัญญาเดิม TRUE ลงทุน2.3หมื่นแต่ได้กำไรโครงการนี้198800ลบCATแบกรับภาระ6,200ลบ
ไทย โพสต์ แนวหน้า และ บ้านเมือง รายงานว่า แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบให้ กสท ยกเลิกสัญญาทำการตลาดรูปแบบใหม่ เพื่อให้บริการมือถือ 3 จีที่มีอยู่กับกลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น
ตามข้อเสนอของคณะทำงาน มีมติให้ร่างสัญญา 3 จีขึ้นใหม่ เพื่อให้เป็นสัญญามาตรฐาน และเปิดกว้างให้ผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาทำตลาดได้ และมีสิทธิ์ขอเข้าทำตลาดให้บริการขายต่อบริการ (MVNO) หรือทำตลาดขายส่งได้ แต่เนื่องจากที่มาของสัญญาที่ฝ่ายบริหาร กสท ส่วนใหญ่เห็นว่ามีข้อผิดพลาดตั้งแต่ต้น จึงทำให้บอร์ดและฝ่ายบริหาร กสท ต้องยกเลิกสัญญาดังกล่าว
ก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. และ กทค. สรุปว่ามีการดำเนินงานขัดต่อกฎหมายหลายฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535 หรือมาตรา 46 ของ พ.ร.บ. กสทช. ปี 2553 จึงเห็นว่า กสท น่าจะยกเลิกสัญญาดังกล่าวและดำเนินการซื้อคืนโครงข่ายเพื่อมาดำเนินการเอง
"สัญญา เดิมแม้จะอ้างว่ากสทจะมีรายได้มากกว่า 170,000 ล้านบาท มีรายจ่าย 139,800 ล้านบาท ทำให้ กสท มีกำไรอยู่ร่วม 30,000 ล้าน แต่ข้อเท็จจริงกลับหมกเม็ดให้กสท ต้องแบกรับภาระจ่ายค่าคลื่นความถี่ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกกว่า 37,000 ล้านบาท ทำให้ท้ายที่สุดแล้วกสทต้องขาดทุนมากกว่า 6,200 ล้านบาท ขณะบริษัททรูกลับจะมีรายได้และกำไรจากโครงการนี้ 198,800 ล้านบาท และยังได้โครงข่ายทรัพย์สิทั้งหมดไปด้วย”
วันนี้
เดลิ นิวส์ รายงานว่า นายศุภชัย กล่าวถึงเรื่องสัญญาการทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ 3 จี ด้วยเทคโนโลยีเอชเอสพีเอ บนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ ที่ทำร่วมกับบริษัท กสท โทรคมนาคม ว่า ทรูยืนยันจะปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้ และจะทำตามมติของ กทค. ที่ระบุให้แก้ไขสัญญาเดิม 6 ประเด็นเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการทำสัญญาใหม่ทั้งหมด และขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือยกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการจาก กสท โทรคมนาคม ซึ่งการพูดว่าทรูจะมีรายได้ถึง 2 แสนล้านบาทตลอดอายุสัญญาก็ไม่เป็นความจริง หากมีการยกเลิกสัญญาจริงก็จะฟ้องร้องขอความเป็นธรรมจากศาล
“ส่วนตัว มั่นใจมากกว่า 80-90% ว่าการเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จี จะเกิดขึ้นแน่นอน เว้นแต่จะมีปัจจัยจากการที่รัฐ วิสาหกิจมาฟ้องศาลปกครองอีก แต่สุดท้ายแล้วเชื่อว่าทุกฝ่ายอยากเห็นโทรศัพท์มือถือ 3 จี เกิดขึ้นในไทย ทางทรูพร้อมในเรื่องเงินทุนมีแหล่งเงินกู้จากธนาคาร หากทาง กสทช.กำหนดให้จ่ายค่าใบอนุญาตภายใน 5 ปีหลังเสร็จสิ้นการประมูล บริษัทจะใช้กระแสเงินสดที่มีเพียงพอ แต่หากให้ชำระภายใน 3 ปี อาจต้องกู้เงิน”
http://www.ryt9.com/s/bmnd/1455193
http://www.ryt9.com/s/nnd/1455299
http://www.thaipost.net/news/280712/60212
http://www.dailynews.co.th/technology/149051
__________________________________
i mobile (กลุ่มสามารถ)ไม่ประมูล3Gแน่นอน!เตรียมเซ็นรวมมือทำ3GของTOT/จุดยืนเป็นซิมที่สองของลูกค้าเพื่อใช้ดาต้าในราคาถูก
ประชา ชาติธุรกิจ รายงานว่า "ขายดีตั้งแต่ซีรีส์ i-Style รุ่น 1 และ 2 ราคา 4,900 และ 3,200 บาท รุ่น Q1 และ Q2 ราคา 5,900 และ 5,700 บาท ใช้ 2 ซิมได้หน้าจอ 4 นิ้วเป็นอย่างต่ำ แนวโน้มดังกล่าวทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนอาจมีส่วนแบ่งมากกว่าฟีเจอร์โฟนภายในปี หน้า จากปัจจุบันยอดขายเดือนละ 3 แสนเครื่อง"
นายธนานันท์ กล่าวถึงการประมูลใบอนุญาต 3G คลื่น 2.1GHz ว่า บริษัทไม่เข้าประมูลแน่นอน แต่เป็น MVNO ให้ทีโอที เพื่อได้คลื่นมาทำตลาดในแบรนด์ I-Mobile 3GX โดยบริษัท ไอ-โมบาย พลัส จำกัด ซึ่งรอเซ็นสัญญากับทีโอที
"จุดยืนของซิม 3GX คือเป็นซิมที่สองของลูกค้าเพื่อใช้ดาต้าในราคาถูก"
ก่อน หน้านี้ก็เป็น MVNO บริการ 3G ของทีโอทีอยู่แล้วมีลูกค้า 3GX ราว 1 แสนราย หากการขยายโครงข่ายของทีโอทีเสร็จตามเป้าที่ 5,000 สถานีฐานภายในเดือน ต.ค.นี้ การทำตลาดก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่โครงข่ายต้องมีถึงหลักหมื่นจุดขึ้นไป จึงจะสู้กับโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ทั้ง 3 เจ้าได้
ทั้งนี้ หลังการประมูลคลื่น 2.1GHz เสร็จสิ้นจะทำให้ตลาดมือถือคึกคักอีกครั้งแน่นอน เพราะผู้บริโภคหันมาซื้อมือถือเครื่องใหม่ที่รองรับระบบ 3G ได้มาใช้แทน แม้เครื่องเดิมจะใช้ EDGE หรือ GPRS เพื่อเล่นอินเทอร์เน็ตได้ แต่ผู้บริโภคก็ยอมซื้อเครื่องใหม่ เพื่อความเร็วอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1344832938&grpid&catid=06&subcatid=0600
__________________________________
แห่ร้อง ICT เพียบ ใส่ร้าย-หมิ่นประมาท-โกงออนไลน์ ผ่านช่องเฟซบุ๊ก-ทวิต ( ผิดจริง พรบ.คอม จะมาหา )
มติ ชน รายงานว่า นายณัฐ พยงค์ศรี นักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า ปัญหาร้องเรียนที่แจ้งมายังไอซีทีโดยตรงและทางสายด่วนเบอร์ 1212 ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคมที่ผ่านมา มีประมาณ 1,000 เรื่อง โดยอันดับ 1 ที่ร้องเรียนเข้ามามากที่สุดหรือกว่า 50% ได้แก่ เรื่องการหมิ่นประมาทว่าร้ายกันบนเว็บไซต์ โดยเฉพาะในเครือข่ายสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ อันดับที่ 2 หรือกว่า 20% ได้แก่ เรื่องการสวมรอยบุคคลทางเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อปลอมแปลงการทำธุรกรรมทางการเงินและกลั่นแกล้ง อันดับที่ 3 หรือกว่า 10% ได้แก่ ปัญหาฉ้อโกงการซื้อสินค้าและบริการทางอินเตอร์เน็ต
"ปัญหา แบล๊กเมล์บนเว็บไซต์หาคู่ เป็นปัญหาที่มีอัตราร้องเรียนเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะ 1-2 เดือนที่ผ่านมา เฉลี่ย 3-4 รายต่อวัน โดยพฤติกรรมของผู้กระทำความผิดจะมาในลักษณะชวนคุย ใช้วาจาหว่านล้อมให้โชว์สรีระในส่วนที่ไม่ควรเปิดเผยต่อสาธารณชน จากนั้นจะบันทึกภาพเหล่านั้นไว้และนำมาข่มขู่เรียกเงินจากผู้เสียหาย ที่ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง" นายณัฐกล่าว
นายณัฐกล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวถือเป็นเรื่องยากมากในการตวจสอบ และเอาผิดเว็บไซต์ เนื่อง จากเป็นการคุยกันส่วนบุคคลสองต่อสอง ดังนั้น วิธีง่ายที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการใช้งานจากเว็บไซต์หาคู่ และอย่าหลงเชื่อบุคคลทางอินเตอร์เน็ต โดยทางไอซีทีได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหาตัวผู้ที่เข้าข่ายกระทำ ความผิดดังกล่าวแล้ว" นายณัฐกล่าว
นายณัฐกล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาที่มีร้องเรียนเข้ามามากที่สุดในอันดับที่ 1 และ 2 ของไอซีทีนั้นจะตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกกล่าวหามีการกระทำความผิดนั้นๆ จริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริง จะประสานงานไปยังเว็บไซต์ต้นทางเพื่อปิดเว็บไซต์ หรือโปรไฟล์นั้นทันที ส่วนการเอาผิดทางกฎหมายนั้นตัวผู้ร้องเรียนจะแจ้งความกับตำรวจก่อนมาแจ้งยัง ไอซีทีแทบทุกรายอยู่แล้ว ส่วนการแก้ไขปัญหาที่ร้องเรียนอันดับที่ 3 นั้นหลังรับเรื่องร้องเรียนทางไอซีทีจะประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดผ่านการตรวจสอบจากเส้นทางโอนเงินด้วย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1344844162&grpid=03&catid=03
ไม่มีความคิดเห็น: