18 เมษายน 2555 Q1 อินเทลรายได้หด 13% ( เหตุน้ำท่วมไทย ) ส่วน Q2 หวังสมาร์ทโฟนกู้วิกฤต ซึ่งเริ่มวางจำหน่าย 19 เม.ย.
Q1 อินเทลรายได้หด 13% ( เหตุน้ำท่วมไทย ) ส่วน Q2 หวังสมาร์ทโฟนกู้วิกฤต ซึ่งเริ่มวางจำหน่าย 19 เม.ย.
ประเด็นหลัก
ส่วนประเด็นสำคัญที่ทำให้รายได้ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาตกลง เกิดจากการขาดแคลนฮาร์ดดิสก์ของเหล่าผู้ผลิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย ทำให้ความต้องการชิปของอินเทลลดลง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้สถานการณ์ดังกล่าวได้คลีคลายลงแล้ว
นอกจากนี้ การมาของแท็บเล็ตที่ทำยอดจำหน่ายทะลุพีซีไปแล้ว กลายเป็นอีกเหตุผลหลักที่ทำให้รายได้ของอินเทลตกลงมาในไตรมาสล่าสุด และส่งผลให้อินเทลต้องเร่งเครื่องในการผลิตหน่วยประมวลผลสำหรับอุปกรณ์พกพา ที่มีคู่แข่งเป็นแบรนด์ซีพียูที่ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์พกพาโดยเฉพาะอย่าง Quallcomm Nvidia และ Texas Instruments และ Samsung ที่ใช้สถาปัตยากรรมของ ARM ซึ่งกินไฟน้อยกว่า
ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดของอินเทลในเรื่องของชิปหน่วยประมวลผลบนอุปกรณ์พกพา คือ การร่วมทำสมาร์ทโฟนกับผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง เลอโนโว และโมโตโรล่า เมื่องาน CES 2012 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในการนำหน่วยประมวลผล เมดฟิลด์ ในตระกูลอินเทล อะตอม ไปใช้กับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
_________________________________________________________
Q1 อินเทลรายได้หด 13% ส่วน Q2 หวังสมาร์ทโฟนกู้วิกฤต
อินเทล เผยผลประกอบการไตรมาสแรก ลดลง 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในส่วนของวิจัยพัฒนาและการตลาด ในขณะที่สัดส่วนการจำหน่ายหน่วยประมวลผลเท่าเดิม และหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นจากผลิตภัณฑ์ตระกูล 'อัลตร้าบุ๊ก' บนหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่อย่างไอวี่บริดจ์ และสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิป เมดฟิลด์ ซึ่งเริ่มวางจำหน่าย 19 เม.ย.
สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ผลประกอบการของอินเทลที่ประกาศออกมาถือว่าสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ไว้ แต่ยังส่งผลให้อินเทลหยุดสถิติการเติบโตต่อเนื่องถึง 7 ปีด้วยราคาหุ้นสูงสุด 28.78 เหรียญฯ ต่อหุ้น ซึ่งหลังจากการเปิดเผยผลประกอบการราคาหุ้นตกลงมาอยู่ที่ 27.79 เหรียญฯ ลดลง 68 เซนต์ หรือ 2.4%
ทั้งนี้ กำไรสุทธิของอินเทลในช่วงไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 2.74 พันล้านเหรียญ คิดเป็น 53 เซนต์ต่อหุ้น ลดลงจาก 3.16 พันล้านเหรียญฯ หรือ 56 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยรายสรุปรายได้รวมอยู่ที่ 12.9 พันล้านเหรียญฯ ขณะที่ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่ารายได้รวมของอินเทลจะอยู่ที่ 12.8 พันล้านเหรียญฯ หรือ 50 เซนต์ต่อหุ้น
ในขณะเดียวกันมีการเปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 อินเทลตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 13.1 - 14.1 พันล้านเหรียญฯ จากการทำตลาดของอัลตร้าบุ๊ก และสมาร์ทโฟนที่ใช้หน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ของอินเทล ซึ่งกำลังจะวางจำหน่ายภายในสัปดาห์หน้าที่อินเดีย
พอล โอเทลินี ซีอีโอ อินเทล เชื่อมั่นว่าอัลตร้าบุ๊กจะเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่ทำให้อินเทล มีรายได้เพิ่มขึ้น จากความสามารถที่ผสมผสานระหว่างแท็บเล็ต อย่างความบาง รองรับการสัมผัสหน้าจอ เปิดใช้งานเครื่องได้รวดเร็ว แต่ยังมีความสะดวกในการป้อนข้อมูลด้วยคีย์บอร์ดเช่นเดียวกับในพีซี ซึ่งมีเครื่องจำนวนมากที่กำลังจะออกวางจำหน่าย
อีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้อินเทล สามารถเติบโตได้คือการวางจำหน่ายระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ของไมโครซอฟท์ อย่างวินโดวส์ 8 ที่รองรับระบบสัมผัสมากขึ้น แต่ในขณะเดียวอินเทลก็มีจุดที่น่าเป็นห่วงคือตัวระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 จะรองรับการทำงานบนชิปที่นอกเหนือจากอินเทลด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนประเด็นสำคัญที่ทำให้รายได้ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาตกลง เกิดจากการขาดแคลนฮาร์ดดิสก์ของเหล่าผู้ผลิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย ทำให้ความต้องการชิปของอินเทลลดลง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้สถานการณ์ดังกล่าวได้คลีคลายลงแล้ว
นอกจากนี้ การมาของแท็บเล็ตที่ทำยอดจำหน่ายทะลุพีซีไปแล้ว กลายเป็นอีกเหตุผลหลักที่ทำให้รายได้ของอินเทลตกลงมาในไตรมาสล่าสุด และส่งผลให้อินเทลต้องเร่งเครื่องในการผลิตหน่วยประมวลผลสำหรับอุปกรณ์พกพา ที่มีคู่แข่งเป็นแบรนด์ซีพียูที่ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์พกพาโดยเฉพาะอย่าง Quallcomm Nvidia และ Texas Instruments และ Samsung ที่ใช้สถาปัตยากรรมของ ARM ซึ่งกินไฟน้อยกว่า
ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดของอินเทลในเรื่องของชิปหน่วยประมวลผลบนอุปกรณ์พกพา คือ การร่วมทำสมาร์ทโฟนกับผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง เลอโนโว และโมโตโรล่า เมื่องาน CES 2012 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในการนำหน่วยประมวลผล เมดฟิลด์ ในตระกูลอินเทล อะตอม ไปใช้กับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
พอล กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้ผู้บริโภคจะได้เห็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้หน่วยประมวลผลของ อินเทล ออกวางจำหน่าย และถือเป็นก้าวสำคัญของอินเทลที่จะรุกไปในตลาดดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ในช่วงกลางปีก็จะมีการเปิดหน่วยประมวลผลสำหรับพีซีรุ่นใหม่อย่าง ไอวี่ บริดจ์ด้วย
Lava Xolo X900
ล่าสุดบริษัทผู้ผลิตสัญชาติอินเดียอย่าง Lava ประกาศวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนที่ใช้หน่วยประมวลผลของอินเทล Xolo X900 ในวันพรุ่งนี้ (19 เม.ย.) โดยตัวเครื่องมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.03 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล RAM 1 GB ROM 16 GB รองรับการเชื่อมต่อ HSPA+ ความเร็วสูงสุด 21 Mbps พร้อมฟีเจอร์ HDMI NFC ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3
โดย Xolo X900 ใช้หน่วยประมวลผล อินเทล อะตอม Z2460 ซิงเกิลคอร์ ความเร็ว 1.6 GHz ชิปประมวลผลภาพ PowerVR SGX540 ทำงานบนสถาปัตยกรรมแบบ x86 ทั้งนี้ ยังไม่มีการประกาศราคาวางจำหน่ายที่แน่นอนแต่คาดว่าจะอยู่ราว 500 เหรียญฯ ซึ่งทำตลาดเฉพาะในอินเดียเท่านั้น
ASTV ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/CBiZReview/ViewNews.aspx?NewsID=9550000048422
ประเด็นหลัก
ส่วนประเด็นสำคัญที่ทำให้รายได้ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาตกลง เกิดจากการขาดแคลนฮาร์ดดิสก์ของเหล่าผู้ผลิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย ทำให้ความต้องการชิปของอินเทลลดลง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้สถานการณ์ดังกล่าวได้คลีคลายลงแล้ว
นอกจากนี้ การมาของแท็บเล็ตที่ทำยอดจำหน่ายทะลุพีซีไปแล้ว กลายเป็นอีกเหตุผลหลักที่ทำให้รายได้ของอินเทลตกลงมาในไตรมาสล่าสุด และส่งผลให้อินเทลต้องเร่งเครื่องในการผลิตหน่วยประมวลผลสำหรับอุปกรณ์พกพา ที่มีคู่แข่งเป็นแบรนด์ซีพียูที่ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์พกพาโดยเฉพาะอย่าง Quallcomm Nvidia และ Texas Instruments และ Samsung ที่ใช้สถาปัตยากรรมของ ARM ซึ่งกินไฟน้อยกว่า
ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดของอินเทลในเรื่องของชิปหน่วยประมวลผลบนอุปกรณ์พกพา คือ การร่วมทำสมาร์ทโฟนกับผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง เลอโนโว และโมโตโรล่า เมื่องาน CES 2012 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในการนำหน่วยประมวลผล เมดฟิลด์ ในตระกูลอินเทล อะตอม ไปใช้กับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
_________________________________________________________
Q1 อินเทลรายได้หด 13% ส่วน Q2 หวังสมาร์ทโฟนกู้วิกฤต
อินเทล เผยผลประกอบการไตรมาสแรก ลดลง 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในส่วนของวิจัยพัฒนาและการตลาด ในขณะที่สัดส่วนการจำหน่ายหน่วยประมวลผลเท่าเดิม และหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นจากผลิตภัณฑ์ตระกูล 'อัลตร้าบุ๊ก' บนหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่อย่างไอวี่บริดจ์ และสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิป เมดฟิลด์ ซึ่งเริ่มวางจำหน่าย 19 เม.ย.
สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ผลประกอบการของอินเทลที่ประกาศออกมาถือว่าสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ไว้ แต่ยังส่งผลให้อินเทลหยุดสถิติการเติบโตต่อเนื่องถึง 7 ปีด้วยราคาหุ้นสูงสุด 28.78 เหรียญฯ ต่อหุ้น ซึ่งหลังจากการเปิดเผยผลประกอบการราคาหุ้นตกลงมาอยู่ที่ 27.79 เหรียญฯ ลดลง 68 เซนต์ หรือ 2.4%
ทั้งนี้ กำไรสุทธิของอินเทลในช่วงไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 2.74 พันล้านเหรียญ คิดเป็น 53 เซนต์ต่อหุ้น ลดลงจาก 3.16 พันล้านเหรียญฯ หรือ 56 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยรายสรุปรายได้รวมอยู่ที่ 12.9 พันล้านเหรียญฯ ขณะที่ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่ารายได้รวมของอินเทลจะอยู่ที่ 12.8 พันล้านเหรียญฯ หรือ 50 เซนต์ต่อหุ้น
ในขณะเดียวกันมีการเปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 อินเทลตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 13.1 - 14.1 พันล้านเหรียญฯ จากการทำตลาดของอัลตร้าบุ๊ก และสมาร์ทโฟนที่ใช้หน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ของอินเทล ซึ่งกำลังจะวางจำหน่ายภายในสัปดาห์หน้าที่อินเดีย
พอล โอเทลินี ซีอีโอ อินเทล เชื่อมั่นว่าอัลตร้าบุ๊กจะเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่ทำให้อินเทล มีรายได้เพิ่มขึ้น จากความสามารถที่ผสมผสานระหว่างแท็บเล็ต อย่างความบาง รองรับการสัมผัสหน้าจอ เปิดใช้งานเครื่องได้รวดเร็ว แต่ยังมีความสะดวกในการป้อนข้อมูลด้วยคีย์บอร์ดเช่นเดียวกับในพีซี ซึ่งมีเครื่องจำนวนมากที่กำลังจะออกวางจำหน่าย
อีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้อินเทล สามารถเติบโตได้คือการวางจำหน่ายระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ของไมโครซอฟท์ อย่างวินโดวส์ 8 ที่รองรับระบบสัมผัสมากขึ้น แต่ในขณะเดียวอินเทลก็มีจุดที่น่าเป็นห่วงคือตัวระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 จะรองรับการทำงานบนชิปที่นอกเหนือจากอินเทลด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนประเด็นสำคัญที่ทำให้รายได้ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาตกลง เกิดจากการขาดแคลนฮาร์ดดิสก์ของเหล่าผู้ผลิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย ทำให้ความต้องการชิปของอินเทลลดลง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้สถานการณ์ดังกล่าวได้คลีคลายลงแล้ว
นอกจากนี้ การมาของแท็บเล็ตที่ทำยอดจำหน่ายทะลุพีซีไปแล้ว กลายเป็นอีกเหตุผลหลักที่ทำให้รายได้ของอินเทลตกลงมาในไตรมาสล่าสุด และส่งผลให้อินเทลต้องเร่งเครื่องในการผลิตหน่วยประมวลผลสำหรับอุปกรณ์พกพา ที่มีคู่แข่งเป็นแบรนด์ซีพียูที่ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์พกพาโดยเฉพาะอย่าง Quallcomm Nvidia และ Texas Instruments และ Samsung ที่ใช้สถาปัตยากรรมของ ARM ซึ่งกินไฟน้อยกว่า
ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดของอินเทลในเรื่องของชิปหน่วยประมวลผลบนอุปกรณ์พกพา คือ การร่วมทำสมาร์ทโฟนกับผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง เลอโนโว และโมโตโรล่า เมื่องาน CES 2012 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในการนำหน่วยประมวลผล เมดฟิลด์ ในตระกูลอินเทล อะตอม ไปใช้กับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
พอล กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้ผู้บริโภคจะได้เห็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้หน่วยประมวลผลของ อินเทล ออกวางจำหน่าย และถือเป็นก้าวสำคัญของอินเทลที่จะรุกไปในตลาดดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ในช่วงกลางปีก็จะมีการเปิดหน่วยประมวลผลสำหรับพีซีรุ่นใหม่อย่าง ไอวี่ บริดจ์ด้วย
Lava Xolo X900
ล่าสุดบริษัทผู้ผลิตสัญชาติอินเดียอย่าง Lava ประกาศวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนที่ใช้หน่วยประมวลผลของอินเทล Xolo X900 ในวันพรุ่งนี้ (19 เม.ย.) โดยตัวเครื่องมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.03 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล RAM 1 GB ROM 16 GB รองรับการเชื่อมต่อ HSPA+ ความเร็วสูงสุด 21 Mbps พร้อมฟีเจอร์ HDMI NFC ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3
โดย Xolo X900 ใช้หน่วยประมวลผล อินเทล อะตอม Z2460 ซิงเกิลคอร์ ความเร็ว 1.6 GHz ชิปประมวลผลภาพ PowerVR SGX540 ทำงานบนสถาปัตยกรรมแบบ x86 ทั้งนี้ ยังไม่มีการประกาศราคาวางจำหน่ายที่แน่นอนแต่คาดว่าจะอยู่ราว 500 เหรียญฯ ซึ่งทำตลาดเฉพาะในอินเดียเท่านั้น
ASTV ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/CBiZReview/ViewNews.aspx?NewsID=9550000048422
ไม่มีความคิดเห็น: