Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

19 ตุลาคม 2555 (เกาะติดประมูล3G) ก.คลังทำหนังสือถึง กสทช.ชี้ประมูล 3 จี ส่อ “ฮั้ว” ชี้ ( ขณะนี้ ปลัดและรองปลัด ก.คลัง ส่อเค้า จริง)


ประเด็นหลัก 

 คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) พิจารณาแล้ว เห็นว่า ในหลักการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 ข้อ 4 กำหนดให้การจัดหาพัสดุของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในสังกัดการบังคับบัญชาหรือการกำกับของฝ่ายบริหารตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หรือกฎหมายจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าวที่กิจการ โครงการ หรือการก่อสร้างมีมูลค่าตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ดำเนินการตามระเบียบนี้ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจาก กวพ.อ.ให้จัดหาด้วยวิธีการอื่นได้ โดยเจตนารมณ์ของระเบียบฯ พ.ศ.2549 ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่ถือปฏิบัติโดยทั่วไป ที่ต้องกำหนดเป็นการเปิดกว้าง และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันด้านราคาอย่างเป็นธรรม
     “กรณีสำนักงาน กสทช. ปรากฏว่า การดำเนินการจัดประมูลคลื่นความถี่ 3G เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2555 มีผู้ประมูล 3 ราย โดยมีการเสนอราคาเพิ่มขึ้นน้อยครั้งเมื่อเทียบกับระยะเวลาที่กำหนดให้มีการประมูล และคลื่นความถี่ที่ประมูลมีจำนวนพอดีกับผู้เสนอราคาที่สามารถจัดสรรได้รายละ 3 สลอต กรณีจึงถือได้ว่าการประมูลดังกล่าวไม่มีการแข่งขันราคาอย่างแท้จริงตามเจตนารมณ์ของการประมูลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
     "ประกอบกับผู้ชนะการประมูลจะได้รับประโยชน์จากการให้บริการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เนื่องจากคลื่นความถี่เป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้น หากการจัดสรรทรัพยากรคลื่นความถี่กรณีนี้เป็นไปอย่างไม่เหมาะสม หรือมีอาจมีลักษณะการสมยอมราคาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) จะส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้อย่างมหาศาล และคณะกรรมการ กสทช.อาจอยู่ในข่ายต้องรับผิดตามกฎหมายดังกล่าว จึงเรียบมาเพื่อโปรดพิจารณา” หนังสือดังกล่าวระบุ

       นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นาวสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.) ทำหนังสือถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยท้วงติงว่า ขั้นตอนการประมูลประมูลคลื่นความถี่ 3จี อาจเกิดการฮั้วประมูลนั้น เรื่องดังกล่าวถือเป็นการแสดงความคิดเห็นในฐานะของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น จึงไม่มีผลตามกฎหมายได้
      
       
นายอารีพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กสทช. ถือเป็นองค์กรอิสระ มีกฎระเบียบควบคุมอยู่แล้ว โดยในข้อสังเกตที่ กวพ. ระบุว่า การประมูลดังกล่าว ไม่มีการแข่งขันราคาอย่างแท้จริงตามขั้นตอนการประมูลว่าด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพราะส่อเค้าให้เห็นถึงการสมยอมราคากันอย่างชัดเจน ซึ่งเชื่อว่า ทาง กวพ. จะชี้แจงรายละเอียดให้ทราบต่อไปในอนาคต
      
                    
       1.
กสทช.มีการกำหนดราคาเริ่มต้นประมูลใบอนุญาต 3 จี ในแนวทางที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ ทำให้รัฐเสียประโยชน์หรือไม่ อย่างไร
      
       2.
รูปแบบและวิธีการประมูลแบ่งเป็น 9 สล๊อต ที่กสทช.กำหนดขึ้น ถือเป็นการประมูลแบบใหม่ โดยไม่มีการอ้างอิงมาตรฐานการประมูลจากที่ใด หรือ กฎ ระเบียบ ข้อบังคับใดๆส่งผลให้ผู้เข้าร่วมประมูลใบอนุญาต 2 รายไม่มีการเสนอราคาเพิ่มเติม ทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน ถือเป็นความผิดมาตรา 11 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 ที่กำหนดว่า
      
       
เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดหรือผู้ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานของรัฐผู้ใด โดยทุจริตทำการออกแบบกำหนดราคา กำหนดเงื่อนไข หรือ กำหนดผลประโยชน์ตอบแทน อันเป็นมาตรฐานในการเสนอราคาโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใดได้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม หรือ เพื่อกีดกันผู้เสนอราคารายใดมิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี หรือ จำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาทหรือไม่
      
       3.
การที่บริษัทที่เข้าร่วมประมูลทั้ง 2 คือ บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค และ บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ไม่เคาะเสนอราคาเพิ่มเติมจากราคาเริ่มต้นที่ กสทช.กำหนดไว้ คือ สล๊อตละ 4,500 ล้านบาท คือ เป็นการร่วมกันกระทำความผิดตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ที่กำหนดว่า

 






  

____________________________________________

ด่วนที่สุด! ก.คลังทำหนังสือถึง กสทช.ชี้ประมูล 3 จี ส่อ ฮั้ว

     ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ไม่ทันข้ามวันที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) มีมติ 4 ต่อ 1 รับรองผลการประมูลใบอนุญาตประกอบการ หรือไลเซ่นส์ คลื่นความถี่ 3 จี 2.1 กิกะเฮิร์ตซ์ ก็ปรากฏว่า คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้ส่งหนังสือ "ด่วนที่สุด" ที่ กค (กพวอ) 0421.3/42301 ลงวันที่ 18 ต.ค.2555 ถึงประธาน กสทช. อ้างถึงการประมูลไลเซ่นส์ 3 จีดังกล่าว ที่มีการแบ่งคลื่นความถี่ออกเป็น 9 ช่วง (สลอต) ซึ่งกำหนดให้ผู้เข้าประมูล 1 ราย ต้องยื่นข้อเสนอ 3 สลอต ผลปรากฏว่า ได้ผู้ชนะการประมูลซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสารรายใหญ่ๆ ในประเทศ 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด บริษัท ดีแทคเนคเวอร์ค จำกัด และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด โดยทั้ง 3 ราย ประมูลได้คลื่นความถี่ 3 สลอตเท่ากัน
     คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) พิจารณาแล้ว เห็นว่า ในหลักการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 ข้อ 4 กำหนดให้การจัดหาพัสดุของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในสังกัดการบังคับบัญชาหรือการกำกับของฝ่ายบริหารตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หรือกฎหมายจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าวที่กิจการ โครงการ หรือการก่อสร้างมีมูลค่าตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ดำเนินการตามระเบียบนี้ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจาก กวพ.อ.ให้จัดหาด้วยวิธีการอื่นได้ โดยเจตนารมณ์ของระเบียบฯ พ.ศ.2549 ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่ถือปฏิบัติโดยทั่วไป ที่ต้องกำหนดเป็นการเปิดกว้าง และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันด้านราคาอย่างเป็นธรรม
     “กรณีสำนักงาน กสทช. ปรากฏว่า การดำเนินการจัดประมูลคลื่นความถี่ 3G เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2555 มีผู้ประมูล 3 ราย โดยมีการเสนอราคาเพิ่มขึ้นน้อยครั้งเมื่อเทียบกับระยะเวลาที่กำหนดให้มีการประมูล และคลื่นความถี่ที่ประมูลมีจำนวนพอดีกับผู้เสนอราคาที่สามารถจัดสรรได้รายละ 3 สลอต กรณีจึงถือได้ว่าการประมูลดังกล่าวไม่มีการแข่งขันราคาอย่างแท้จริงตามเจตนารมณ์ของการประมูลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
     "ประกอบกับผู้ชนะการประมูลจะได้รับประโยชน์จากการให้บริการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เนื่องจากคลื่นความถี่เป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้น หากการจัดสรรทรัพยากรคลื่นความถี่กรณีนี้เป็นไปอย่างไม่เหมาะสม หรือมีอาจมีลักษณะการสมยอมราคาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) จะส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้อย่างมหาศาล และคณะกรรมการ กสทช.อาจอยู่ในข่ายต้องรับผิดตามกฎหมายดังกล่าว จึงเรียบมาเพื่อโปรดพิจารณา” หนังสือดังกล่าวระบุ

     ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าว ลงนามโดย น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติหน้าที่แทนปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 18 ต.ค.2555

สำนักข่าวอิศรา
http://www.isranews.org/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/57-2012-08-12-13-59-01/17130-%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B8%8A-3G-%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%A7.html


____________________________________







ปลัดคลังชี้"สุภา"ติง 3G ส่อฮั้วแค่ความเห็นส่วนตัว


นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ ทำหนังสือถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. ว่า ขั้นตอนดังกล่าวการประมูลคลื่น 3จี อาจเกิดการฮั้วประมูลนั้น เรื่องดังกล่าวถือเป็นแสดงความคิดเห็นในฐานะของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น จึงไม่มีผลทางกฎหมายได้ เพราะทาง กสทช.ถือเป็นองค์กรอิสระกฎระเบียบควบคุมอยู่แล้ว โดยในข้อสังเกตที่ว่า กวพ.ระบุว่า การประมูลดังกล่าวไม่มีการแข่งขันราคาอย่างแท้จริงตามขั้นตอนการประมูลว่า ด้วยวิธีทางการอิเล็กทรอนิกส์ เพราะส่อให้เห็นถึงการสมยอมราคากันอย่างชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าทาง กวพ.จะชี้แจงรายละเอียดให้ทราบต่อไปในอนาคต

ASTV ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9550000128343 


_____________________________________________________________
 

"อารีพงศ์" เร่งสยบประเด็นร้อน "สุภา" ทิ้งบอมบ์ 3G ถล่ม 3 กลุ่มทุนใหญ่หวิดหัวทิ่ม


"สุภา" ทิ้งบอมบ์ 3G ส่อฮั้วทุจริตทำเอาสะเทือนกันทั้งวงการ "อารีพงศ์" เร่งสยบประเด็นร้อนไม่ให้ลุกลาม ยันเป็นแค่ความเห็นส่วนตัว ไม่มีผลทาง กม. เพราะหน่วยงาน กสทช. ถือเป็นองค์กรอิสระ
      
       นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นาวสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.) ทำหนังสือถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยท้วงติงว่า ขั้นตอนการประมูลประมูลคลื่นความถี่ 3จี อาจเกิดการฮั้วประมูลนั้น เรื่องดังกล่าวถือเป็นการแสดงความคิดเห็นในฐานะของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น จึงไม่มีผลตามกฎหมายได้
      
       นายอารีพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กสทช. ถือเป็นองค์กรอิสระ มีกฎระเบียบควบคุมอยู่แล้ว โดยในข้อสังเกตที่ กวพ. ระบุว่า การประมูลดังกล่าว ไม่มีการแข่งขันราคาอย่างแท้จริงตามขั้นตอนการประมูลว่าด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพราะส่อเค้าให้เห็นถึงการสมยอมราคากันอย่างชัดเจน ซึ่งเชื่อว่า ทาง กวพ. จะชี้แจงรายละเอียดให้ทราบต่อไปในอนาคต
      
       ดดยเมื่อเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2556 นางสาวสุภา ได้ยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยระบุว่า ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ได้จัดประมูลใบอนุญาต 3 จี ย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ต จำนวน 45 เมกะเฮิร์ต แบ่งเป็น 9 สล๊อตๆ ละ 5 เมกะเฮิร์ต โดยกำหนดราคาเริ่มต้นที่สล๊อตละ 4,500 ล้านบาท ซึ่งมีภาคเอกชนผู้ประกอบการโทรคมนาคมรายเดิม คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)(AIS) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน)(DTAC) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)(TRUE) โดยทั้ง 3 บริษัทได้จัดตั้งบริษัทในเครือเข้าร่วมประมูล
      
       ผลปรากฏว่า บริษัทในเครือเอไอเอส ซึ่งก็คือ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เป็นผู้เสนอราคาเพียงเจ้าเดียวในการประมูล รวมเป็นเงิน 14,625 ล้านบาท ขณะที่ บริษัทในเครือดีแทค ซึ่งก็คือ บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค และ บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ ในเครือของ ทรู ไม่มีการเสนอราคาเพิ่มจากราคาเริ่มต้นที่กสทช.กำหนดไว้ คือ สล๊อตละ 4,500 ล้านบาท แต่อย่างใด แต่ทั้งสองบริษัทกลับได้สิทธิและได้รับใบอนุญาตในอีก 6 สล๊อตที่เหลือ
      
       จากผลการประมูลดังกล่าวที่เกิดขึ้นดังกล่าว รวมถึง พฤติกรรมของผู้เข้าร่วมประมูลที่เกิดขึ้น เป็นไปตามข้อร้องเรียนและข้อคัดค้านของหลายฝ่ายที่พยายามจะคัดค้านให้กสทช.ปรับหลักเกณฑ์ก่อนการประมูล แต่กสทช.ไม่ได้ปรับแก้ ยังคงเดินหน้าประมูลโดยไม่สนใจข้อร้องเรียนของทุกฝ่าย
      
       ดังนั้น ตนซึ่งมีหน้าที่และความรับผิดชอบรวมถึงประสบการณ์ด้านการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ รวมถึง การกำหนดหลักเกณฑ์การประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์(e-Auction)จึงร้องเรียนต่อคณะกรรมการป.ป.ช.ให้ดำเนินการตรวจสอบการกระทำดังกล่าวของกสทช.และผู้เข้าร่วมประมูล 3 จี ดังกล่าวว่า มีพฤติกรรมหรือการกระทำที่ส่อไปในทางร่วมมือกันทุจริตต่อผลประโยชน์จากทรัพยากรของรัฐ คือ คลื่นความถี่ ทำให้ประเทศชาติเกิดความเสียหาย หรือ มีการกระทำที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องอย่างใดหรือไม่ ในประเด็น ดังต่อไปนี้
      
       1.กสทช.มีการกำหนดราคาเริ่มต้นประมูลใบอนุญาต 3 จี ในแนวทางที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ ทำให้รัฐเสียประโยชน์หรือไม่ อย่างไร
      
       2.รูปแบบและวิธีการประมูลแบ่งเป็น 9 สล๊อต ที่กสทช.กำหนดขึ้น ถือเป็นการประมูลแบบใหม่ โดยไม่มีการอ้างอิงมาตรฐานการประมูลจากที่ใด หรือ กฎ ระเบียบ ข้อบังคับใดๆส่งผลให้ผู้เข้าร่วมประมูลใบอนุญาต 2 รายไม่มีการเสนอราคาเพิ่มเติม ทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน ถือเป็นความผิดมาตรา 11 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 ที่กำหนดว่า
      
       เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดหรือผู้ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานของรัฐผู้ใด โดยทุจริตทำการออกแบบกำหนดราคา กำหนดเงื่อนไข หรือ กำหนดผลประโยชน์ตอบแทน อันเป็นมาตรฐานในการเสนอราคาโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใดได้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม หรือ เพื่อกีดกันผู้เสนอราคารายใดมิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี หรือ จำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาทหรือไม่
      
       3.การที่บริษัทที่เข้าร่วมประมูลทั้ง 2 คือ บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค และ บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ไม่เคาะเสนอราคาเพิ่มเติมจากราคาเริ่มต้นที่ กสทช.กำหนดไว้ คือ สล๊อตละ 4,500 ล้านบาท คือ เป็นการร่วมกันกระทำความผิดตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ที่กำหนดว่า
      
       "ผู้ใดตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือ โดยการกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ โดยการเอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐอันไม่ใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสามปี และ ปรับร้อยละ 50ของจำนวนเงินที่มีการเสนอราคาสูงสุดในระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดนั้นหรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า"


ASTV ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9550000128402&Keyword=3g


ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.