21 ตุลาคม 2555 (เกาะติดประมูล3G) คลังหนุนบี้3G ยื่นปปช.สอบฮั้ว "สุภา"ลั่นองค์กรอิสระ ต้องรักษา
ประเด็นหลัก
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระก็จริง แต่เป็นเพียงอิสระจากการแทรกแซงทางการเมืองโดยรัฐบาล แต่ไม่ได้เป็นอิสระจากการตรวจสอบของประชาชน และต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ โดยในวันจันทร์ที่ 22 ตุลาคมนี้ จะรายงานให้คณะกรรมการ ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทราบ ทั้งนี้ได้ส่งหนังสือให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบต่อไปแล้ว
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากโทรศัพท์สอบถามนางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการส่งหนังสือแสดงความไม่เห็นด้วยกับการเปิดประมูลใบอนุญาต 3จี นั้น ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงเพียง แต่เป็นการแสดงความเห็นในฐานะประธานคณะกรรมการระเบียบพัสดุจัดซื้อจัดจ้างเท่านั้น กระทรวงการคลังจึงไม่กังวลต่อการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ และไม่ถือว่ารองปลัดกระทรวงทำเกินหน้าที่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม กสทช. เป็นองค์กรอิสระ มีหน่วยงานควบคุมดูแล ทั้ง สตง. และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาที่มีอำนาจโดยตรงมากกว่า เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ต้องดูว่าเมื่อประมูล 3จีแล้วค่าใช้จ่ายด้านบริการของประชาชนจะถูกลงหรือไม่ ผู้บริโภคได้ประโยชน์อย่างไร
____________________________________
คลังหนุนบี้3จี ‘สุภา’ลั่น‘กสทช.’ต้องถูกตรวจสอบ/สว.นัดหารือเชื่อฮั้ว
“สุภา ปิยะจิตติ” ติง “กสทช.” แม้เป็นองค์กรอิสระแต่ต้องได้รับการตรวจสอบจากประชาชน ย้ำวันจันทร์นี้ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบประมูล 3 จีอย่างไม่โปร่งใส ขณะที่สมาชิกวุฒิสภาเชื่อมีพิรุธส่อไปในทาง “ฮั้ว” เล็งตรวจสอบอย่างเข้มเข้มกับ 4 กทค. ด้านเลขาธิการ กสทช. อ้างอนาคตค่าบริการทั้งระบบเสียงและข้อมูลลดลงแน่นอน อย่างน้อย 15-20 เปอร์เซ็นต์
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระก็จริง แต่เป็นเพียงอิสระจากการแทรกแซงทางการเมืองโดยรัฐบาล แต่ไม่ได้เป็นอิสระจากการตรวจสอบของประชาชน และต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ โดยในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ตนจะรายงานให้คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ทราบ ทั้งนี้ ได้ส่งหนังสือให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบต่อไปแล้ว
ขณะที่ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี กสทช.ส่งหนังสือให้ลงโทษทางวินัย น.ส.สุภา ที่แสดงความเห็นต่อประมูล 3 จี อาจมีการฮั้วเกิดขึ้น ว่าหลังจากโทรศัพท์สอบถาม น.ส.สุภา ยืนยันได้ว่าไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงเพียงแต่เป็นการแสดงความเห็นในฐานะประธานคณะกรรมการระเบียบพัสดุจัดซื้อจัดจ้างเท่านั้น กระทรวงการคลังจึงไม่กังวลต่อการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ และไม่ถือว่ารองปลัดกระทรวงทำเกินหน้าที่แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กสทช.เป็นองค์กรอิสระ มีหน่วยงานควบคุมดูแล ทั้ง สตง.และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ที่มีอำนาจโดยตรงมากกว่า เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ต้องดูว่าเมื่อประมูล 3 จีแล้ว ค่าใช้จ่ายด้านบริการของประชาชนจะถูกลงหรือไม่ ผู้บริโภคได้ประโยชน์อย่างไร
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา เผยว่า วันที่ 22 ตุลาคม จะมีการหารือกับ ส.ว.จำนวนหนึ่ง ที่มีความเห็นตรงกันเกี่ยวกับการประมูลคลื่นความถี่ 3 จี ของ กสทช. ซึ่งส่อไปในทางไม่โปร่งใส และอาจขัดกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว แม้ว่าทาง กสทช.จะมีการชี้แจงข้อมูล แต่ยังคงพบประเด็นที่ส่อไปในทางมิชอบ เช่น การรีบเร่งรับรองการประมูล 3 จี ของคณะกรรมการโทรคมนาคม (กทค.) โดยไม่รับฟังข้อท้วงติงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ซึ่งท้วงติงในประเด็นการดำเนินการจัดประมูลโดยไม่มีการแข่งขันราคาอย่างแท้จริงตามเจตนารมณ์ของการประมูล เนื่องจากมีการจัดสรรคลื่นความถี่ในจำนวนพอดีกับผู้ยื่นประมูล รวมทั้งมีการเสนอราคาน้อยครั้งเมื่อเทียบกับระยะเวลาที่กำหนดให้มีการประมูล
อีกทั้งประเด็นการกำหนดราคาเริ่มต้นประมูลที่ 4,500 ล้านบาท ทั้งที่ผลการศึกษาของคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ควรมีราคาตั้งต้นที่ 6,440 ล้านบาท แต่ กสทช.กลับลดราคาตั้งต้นประมูลให้อยู่ที่ 4,500 ล้านบาท โดยอ้างเป็นราคาเริ่มต้นประมูล ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าคลื่น 67% โดยความเห็นส่วนตัวมูลค่าการประมูลที่ได้ควรจะสูงกว่าราคาตั้งต้นที่ 6,440 ล้านบาท ไม่ใช่การลดราคาประมูลเหลือ 4,500 ต่อสล็อตตามที่ กสทช.ได้ดำเนินการ
"เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการทำเรื่องถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานซึ่งมีอำนาจเต็มในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ฮั้ว โดยจะขอให้มีการดำเนินการอย่างเข้มข้น กับกรรมการ กทค. ผู้ที่ลงมติรับรองผลการประมูล 3 จี ได้แก่ พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ ประธาน กทค., นายสุทธิพล ทวีชัยการ, นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ และ พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร กรรมการ กทค. โดยจะมีการดำเนินการอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ตุลาคมนี้" นายไพบูลย์กล่าว
วันเดียวกัน นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ @TakornNBTC ว่า "วันนี้ กสทช.ได้คุ้มครองผลประโยชน์ของประเทศชาติแล้ว โดยนำรายได้ที่เกิดจากการประมูล 44,538.75 ล้านบาท นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน และในขั้นตอนต่อไป จะเป็นการคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชน โดยจะประกาศลดอัตราค่าบริการทั้งระบบเสียงและข้อมูลลงอย่างแน่นอน อย่างน้อย 15-20 เปอร์เซ็นต์ จากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน บอร์ดกิจการโทรคมนาคมจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ครับ ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ครับ เราจะรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติให้สมดุลทั้งสองข้างครับ
เงื่อนไขในการคุ้มครองผู้บริโภคจะกำหนดไว้ในเงื่อนไขการออกใบอนุญาตครับ หากผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษตั้งแต่ปรับจนถึงขั้นยึดใบอนุญาต ในปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการ 3 รายมี Ais, Dtac, True ไม่ใช่ผู้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ครับ เป็นเพียงผู้อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานของ TOT และ CAT ครับ ผมเรียนประชาชนทุกท่านครับ ที่ผมมีหนังสือโต้กระทรวงการคลังไม่ได้มีเจตนาอื่นครับ เพื่อความเข้าใจที่ตรงเท่านั้นเองครับ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ยินดีให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบครับ ไม่ว่าจะเป็นรัฐสภา, ป.ป.ช., สตง., ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นต้น และที่สำคัญที่สุดคือภาคประชาชนครับ"
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ที่อ้างว่า กสทช.เป็นองค์กรอิสระ ไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้นั้น ต้องถามกลับว่า กสทช.ทั้ง 4 ท่านตีความคำว่าอิสระอย่างไร แค่ไหน แม้รัฐธรรมนูญจะมีเจตนารมณ์ให้เป็นองค์กรอิสระ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นรัฐอิสระที่อยู่เหนือการควบคุมตรวจสอบจากรัฐธรรมนูญและจากสังคม
นายสุริยะใสกล่าวว่า กลางสัปดาห์หน้ากลุ่มกรีนและเครือข่ายภาคประชาชนหลายองค์กรจะจัดสัมมนาเพื่อประเมินผลงาน กสทช.และการตรวจสอบการประมูล 3 จี สำหรับการยื่น ป.ป.ช. และผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อตรวจสอบการประมูล 3 จี ในวันที่ 22 ตุลาคม ตนจะขอให้ทั้ง 2 องค์กรเร่งรัดเป็นกรณีพิเศษ เพราะเรื่องนี้ยิ่งปล่อยช้ายิ่งจะทำให้เกิดความเสียหายและยุ่งยากซับซ้อนเข้าไปอีก ทั้งนี้ เชื่อว่าเรื่องนี้ ป.ป.ช.ติดตามและมีข้อมูลมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เพราะ ป.ป.ช.เคยตั้งอนุกรรมการป้องกันการทุจริตด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีศาสตราจารย์เมธี ครองแก้ว กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ ได้ศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่และการออกใบอนุญาตโทรศัพท์ 3 จี ในสูตร N-1 ที่เป็นสูตรการประมูลครั้งที่แล้ว ที่กำหนดให้ออกใบอนุญาตจำนวน N–1 ใบ หรือน้อยกว่าจำนวนผู้เข้าร่วม ประมูล 1 ใบนั้น หากมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 3 ราย จะทำให้มีการออกใบอนุญาตการประกอบกิจการ 3 จี เพียง 2 ใบเพื่อให้เกิดการแข่งขันกันจริง
“ป.ป.ช.ชี้ว่าถ้าเป็นสูตรนี้จะป้องกันการฮั้ว หรือการสมยอมราคาได้ และ ป.ป.ช.ยังให้นำรายงานนี้ให้ กสทช.ชุดนี้ไปศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการจัดประมูล 3 จี แต่ กสทช.ชุดนี้กลับไม่สนใจคำแนะนำของ ป.ป.ช. โดยกำหนดสูตรขึ้นมาใหม่จนเป็นที่วิจารณ์ว่ามีการฮั้วกัน”
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่นชม น.ส.สุภา โดยระบุว่าเคยทำงานร่วมกันมา ความคิดของ น.ส.สุภา บางครั้งอาจจะไม่ถูกต้อง แต่ที่กระทรวง ทุกๆ คนจะเคารพในความเที่ยงตรงโดยไม่หวังประโยชน์ตอบแทนของท่าน (ผมเคยเสนอให้ท่านเป็นตัวเลือกที่จะได้เป็นปลัดกระทรวง แต่ท่านขอถอนตัว และขอเพียงได้ทำงานที่ถนัด)
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตไว้ ก่อนศาลปกครองจะมีการพิจารณาคำร้องว่าจะให้ระงับและไต่สวนฉุกเฉินกรณีประมูล 3 จี ที่เป็นคำร้องของกลุ่มกรีน ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ คือ 1.มีการแข่งขันราคากันจริงหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่เกิดการแข่งขันราคาระหว่างการประมูลหรือเห็นว่ารายได้น้อยไป กสทช.มีสิทธิยกเลิกได้ แต่เหตุใดไม่ยกเลิก 2.น่าสังเกตว่ามีการสมยอมราคากันหรือไม่-ฮั้วกันหรือไม่ แม้ กสทช.จะอ้างว่า ในเหตุการณ์วันประมูลไม่มีพฤติกรรมนี้ แต่เมื่อมีผู้ตั้งข้อสงสัยและหากมีหลักฐานใหม่จะยกเลิกหรือไม่แก้ไขอย่างไร
3.การที่กรรมการเสียงข้างมากลงมติ ทั้งที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติการณ์การเคาะราคาไม่แข่งขัน เพราะจัดสรรกันครบรายนั้น จะเป็นมติที่ถือเป็นคำสั่งทางปกครองไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เป็นการมิชอบหรือไม่ เพราะคำสั่งทางปกครองความจริงต้องมีข้อเท็จจริงครบ แต่บัดนี้ได้ปรากฏหลักฐานคือ วาระการประชุมลงมติรับรองของกรรมการ 5 คนนั้น มีบันทึกการประชุมข้อโต้แย้งของ กสทช. 1 คนไว้แล้ว
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้ดำเนินรายการ “The Daily Dose” ทางวอยซ์ทีวี และ “Economic Time” ทางทีเอ็นเอ็น โพสต์ในทวิตเตอร์ว่า “ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ควรลาออกจากกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เห็นเเล้วเศร้า เสียงข้างน้อยที่ไม่เคารพมติเสียงข้างมาก เเล้วเอารายละเอียดการประชุมจากองค์กรภายในไปเเฉกับสื่อ ผิดมารยาทขั้นพื้นฐานของการทำงานในองค์กรระดับชาติอย่างนี้ ส่วน รมว.คลังควรสั่งย้ายรองปลัดคลังสุภา ปิยะจิตติ ทันที ที่นำเอากระทรวงการคลังเข้ามาเเทรกเเซงการทำงานขององค์กรอิสระโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. ส่วนคุณสุภิญญา กลางณรงค์ ควรเลิกบ่นเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานตนเองใน Twitter ได้เเล้ว มันไม่เป็นผู้ใหญ่หรือมืออาชีพเลย”.
ไทยโพสต์
http://www.thaipost.net/sunday/211012/64000
_________________________________________
กสทช.อ่วม!! คลังยื่นปปช.สอบฮั้ว "สุภา"ลั่นองค์กรอิสระ ต้องรักษา
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระก็จริง แต่เป็นเพียงอิสระจากการแทรกแซงทางการเมืองโดยรัฐบาล แต่ไม่ได้เป็นอิสระจากการตรวจสอบของประชาชน และต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ โดยในวันจันทร์ที่ 22 ตุลาคมนี้ จะรายงานให้คณะกรรมการ ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทราบ ทั้งนี้ได้ส่งหนังสือให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบต่อไปแล้ว
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากโทรศัพท์สอบถามนางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการส่งหนังสือแสดงความไม่เห็นด้วยกับการเปิดประมูลใบอนุญาต 3จี นั้น ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงเพียง แต่เป็นการแสดงความเห็นในฐานะประธานคณะกรรมการระเบียบพัสดุจัดซื้อจัดจ้างเท่านั้น กระทรวงการคลังจึงไม่กังวลต่อการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ และไม่ถือว่ารองปลัดกระทรวงทำเกินหน้าที่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม กสทช. เป็นองค์กรอิสระ มีหน่วยงานควบคุมดูแล ทั้ง สตง. และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาที่มีอำนาจโดยตรงมากกว่า เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ต้องดูว่าเมื่อประมูล 3จีแล้วค่าใช้จ่ายด้านบริการของประชาชนจะถูกลงหรือไม่ ผู้บริโภคได้ประโยชน์อย่างไร
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สุภา ในฐานะประธานกรรมการ ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้ส่งหนังสือท้วงติงถึงประธาน กสทช. ระบุว่า การประมูลใบอนุญาต 3 จี ที่ผ่านมา ไม่เข้าข่ายการประมูลแบบ อี ออคชั่น เพราะคลื่นความถี่ที่เปิดให้ประมูลมีจำนวนเท่ากับผู้ซื้อ ทำให้ไม่มีการแข่งขันราคาอย่างแท้จริง ขณะที่คลื่นความถี่ถือเป็นทรัพยากรจำกัดและเป็นของมีค่า หากการจัดสรรไม่เหมาะสม หรืออาจมีลักษณะสมยอมราคาตามความผิดของพระราชบัญญัติฮั้วประมูล จะทำให้รัฐเสียรายได้มหาศาล
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวสามารถชี้แจงได้ เพราะเป็นการประมูลตามพระราชบัญญัติจัดสรรคลื่นความถี่ ไม่ใช่ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีออคชั่น อีกทั้ง กสทช. เป็นองค์กรอิสระ มีอำนาจหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ตามกฎหมาย
แนวหน้า
http://www.naewna.com/business/26871
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระก็จริง แต่เป็นเพียงอิสระจากการแทรกแซงทางการเมืองโดยรัฐบาล แต่ไม่ได้เป็นอิสระจากการตรวจสอบของประชาชน และต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ โดยในวันจันทร์ที่ 22 ตุลาคมนี้ จะรายงานให้คณะกรรมการ ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทราบ ทั้งนี้ได้ส่งหนังสือให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบต่อไปแล้ว
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากโทรศัพท์สอบถามนางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการส่งหนังสือแสดงความไม่เห็นด้วยกับการเปิดประมูลใบอนุญาต 3จี นั้น ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงเพียง แต่เป็นการแสดงความเห็นในฐานะประธานคณะกรรมการระเบียบพัสดุจัดซื้อจัดจ้างเท่านั้น กระทรวงการคลังจึงไม่กังวลต่อการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ และไม่ถือว่ารองปลัดกระทรวงทำเกินหน้าที่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม กสทช. เป็นองค์กรอิสระ มีหน่วยงานควบคุมดูแล ทั้ง สตง. และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาที่มีอำนาจโดยตรงมากกว่า เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ต้องดูว่าเมื่อประมูล 3จีแล้วค่าใช้จ่ายด้านบริการของประชาชนจะถูกลงหรือไม่ ผู้บริโภคได้ประโยชน์อย่างไร
____________________________________
คลังหนุนบี้3จี ‘สุภา’ลั่น‘กสทช.’ต้องถูกตรวจสอบ/สว.นัดหารือเชื่อฮั้ว
“สุภา ปิยะจิตติ” ติง “กสทช.” แม้เป็นองค์กรอิสระแต่ต้องได้รับการตรวจสอบจากประชาชน ย้ำวันจันทร์นี้ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบประมูล 3 จีอย่างไม่โปร่งใส ขณะที่สมาชิกวุฒิสภาเชื่อมีพิรุธส่อไปในทาง “ฮั้ว” เล็งตรวจสอบอย่างเข้มเข้มกับ 4 กทค. ด้านเลขาธิการ กสทช. อ้างอนาคตค่าบริการทั้งระบบเสียงและข้อมูลลดลงแน่นอน อย่างน้อย 15-20 เปอร์เซ็นต์
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระก็จริง แต่เป็นเพียงอิสระจากการแทรกแซงทางการเมืองโดยรัฐบาล แต่ไม่ได้เป็นอิสระจากการตรวจสอบของประชาชน และต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ โดยในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ตนจะรายงานให้คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ทราบ ทั้งนี้ ได้ส่งหนังสือให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบต่อไปแล้ว
ขณะที่ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี กสทช.ส่งหนังสือให้ลงโทษทางวินัย น.ส.สุภา ที่แสดงความเห็นต่อประมูล 3 จี อาจมีการฮั้วเกิดขึ้น ว่าหลังจากโทรศัพท์สอบถาม น.ส.สุภา ยืนยันได้ว่าไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงเพียงแต่เป็นการแสดงความเห็นในฐานะประธานคณะกรรมการระเบียบพัสดุจัดซื้อจัดจ้างเท่านั้น กระทรวงการคลังจึงไม่กังวลต่อการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ และไม่ถือว่ารองปลัดกระทรวงทำเกินหน้าที่แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กสทช.เป็นองค์กรอิสระ มีหน่วยงานควบคุมดูแล ทั้ง สตง.และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ที่มีอำนาจโดยตรงมากกว่า เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ต้องดูว่าเมื่อประมูล 3 จีแล้ว ค่าใช้จ่ายด้านบริการของประชาชนจะถูกลงหรือไม่ ผู้บริโภคได้ประโยชน์อย่างไร
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา เผยว่า วันที่ 22 ตุลาคม จะมีการหารือกับ ส.ว.จำนวนหนึ่ง ที่มีความเห็นตรงกันเกี่ยวกับการประมูลคลื่นความถี่ 3 จี ของ กสทช. ซึ่งส่อไปในทางไม่โปร่งใส และอาจขัดกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว แม้ว่าทาง กสทช.จะมีการชี้แจงข้อมูล แต่ยังคงพบประเด็นที่ส่อไปในทางมิชอบ เช่น การรีบเร่งรับรองการประมูล 3 จี ของคณะกรรมการโทรคมนาคม (กทค.) โดยไม่รับฟังข้อท้วงติงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ซึ่งท้วงติงในประเด็นการดำเนินการจัดประมูลโดยไม่มีการแข่งขันราคาอย่างแท้จริงตามเจตนารมณ์ของการประมูล เนื่องจากมีการจัดสรรคลื่นความถี่ในจำนวนพอดีกับผู้ยื่นประมูล รวมทั้งมีการเสนอราคาน้อยครั้งเมื่อเทียบกับระยะเวลาที่กำหนดให้มีการประมูล
อีกทั้งประเด็นการกำหนดราคาเริ่มต้นประมูลที่ 4,500 ล้านบาท ทั้งที่ผลการศึกษาของคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ควรมีราคาตั้งต้นที่ 6,440 ล้านบาท แต่ กสทช.กลับลดราคาตั้งต้นประมูลให้อยู่ที่ 4,500 ล้านบาท โดยอ้างเป็นราคาเริ่มต้นประมูล ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าคลื่น 67% โดยความเห็นส่วนตัวมูลค่าการประมูลที่ได้ควรจะสูงกว่าราคาตั้งต้นที่ 6,440 ล้านบาท ไม่ใช่การลดราคาประมูลเหลือ 4,500 ต่อสล็อตตามที่ กสทช.ได้ดำเนินการ
"เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการทำเรื่องถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานซึ่งมีอำนาจเต็มในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ฮั้ว โดยจะขอให้มีการดำเนินการอย่างเข้มข้น กับกรรมการ กทค. ผู้ที่ลงมติรับรองผลการประมูล 3 จี ได้แก่ พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ ประธาน กทค., นายสุทธิพล ทวีชัยการ, นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ และ พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร กรรมการ กทค. โดยจะมีการดำเนินการอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ตุลาคมนี้" นายไพบูลย์กล่าว
วันเดียวกัน นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ @TakornNBTC ว่า "วันนี้ กสทช.ได้คุ้มครองผลประโยชน์ของประเทศชาติแล้ว โดยนำรายได้ที่เกิดจากการประมูล 44,538.75 ล้านบาท นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน และในขั้นตอนต่อไป จะเป็นการคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชน โดยจะประกาศลดอัตราค่าบริการทั้งระบบเสียงและข้อมูลลงอย่างแน่นอน อย่างน้อย 15-20 เปอร์เซ็นต์ จากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน บอร์ดกิจการโทรคมนาคมจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ครับ ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ครับ เราจะรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติให้สมดุลทั้งสองข้างครับ
เงื่อนไขในการคุ้มครองผู้บริโภคจะกำหนดไว้ในเงื่อนไขการออกใบอนุญาตครับ หากผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษตั้งแต่ปรับจนถึงขั้นยึดใบอนุญาต ในปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการ 3 รายมี Ais, Dtac, True ไม่ใช่ผู้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ครับ เป็นเพียงผู้อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานของ TOT และ CAT ครับ ผมเรียนประชาชนทุกท่านครับ ที่ผมมีหนังสือโต้กระทรวงการคลังไม่ได้มีเจตนาอื่นครับ เพื่อความเข้าใจที่ตรงเท่านั้นเองครับ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ยินดีให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบครับ ไม่ว่าจะเป็นรัฐสภา, ป.ป.ช., สตง., ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นต้น และที่สำคัญที่สุดคือภาคประชาชนครับ"
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ที่อ้างว่า กสทช.เป็นองค์กรอิสระ ไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้นั้น ต้องถามกลับว่า กสทช.ทั้ง 4 ท่านตีความคำว่าอิสระอย่างไร แค่ไหน แม้รัฐธรรมนูญจะมีเจตนารมณ์ให้เป็นองค์กรอิสระ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นรัฐอิสระที่อยู่เหนือการควบคุมตรวจสอบจากรัฐธรรมนูญและจากสังคม
นายสุริยะใสกล่าวว่า กลางสัปดาห์หน้ากลุ่มกรีนและเครือข่ายภาคประชาชนหลายองค์กรจะจัดสัมมนาเพื่อประเมินผลงาน กสทช.และการตรวจสอบการประมูล 3 จี สำหรับการยื่น ป.ป.ช. และผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อตรวจสอบการประมูล 3 จี ในวันที่ 22 ตุลาคม ตนจะขอให้ทั้ง 2 องค์กรเร่งรัดเป็นกรณีพิเศษ เพราะเรื่องนี้ยิ่งปล่อยช้ายิ่งจะทำให้เกิดความเสียหายและยุ่งยากซับซ้อนเข้าไปอีก ทั้งนี้ เชื่อว่าเรื่องนี้ ป.ป.ช.ติดตามและมีข้อมูลมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เพราะ ป.ป.ช.เคยตั้งอนุกรรมการป้องกันการทุจริตด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีศาสตราจารย์เมธี ครองแก้ว กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ ได้ศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่และการออกใบอนุญาตโทรศัพท์ 3 จี ในสูตร N-1 ที่เป็นสูตรการประมูลครั้งที่แล้ว ที่กำหนดให้ออกใบอนุญาตจำนวน N–1 ใบ หรือน้อยกว่าจำนวนผู้เข้าร่วม ประมูล 1 ใบนั้น หากมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 3 ราย จะทำให้มีการออกใบอนุญาตการประกอบกิจการ 3 จี เพียง 2 ใบเพื่อให้เกิดการแข่งขันกันจริง
“ป.ป.ช.ชี้ว่าถ้าเป็นสูตรนี้จะป้องกันการฮั้ว หรือการสมยอมราคาได้ และ ป.ป.ช.ยังให้นำรายงานนี้ให้ กสทช.ชุดนี้ไปศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการจัดประมูล 3 จี แต่ กสทช.ชุดนี้กลับไม่สนใจคำแนะนำของ ป.ป.ช. โดยกำหนดสูตรขึ้นมาใหม่จนเป็นที่วิจารณ์ว่ามีการฮั้วกัน”
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่นชม น.ส.สุภา โดยระบุว่าเคยทำงานร่วมกันมา ความคิดของ น.ส.สุภา บางครั้งอาจจะไม่ถูกต้อง แต่ที่กระทรวง ทุกๆ คนจะเคารพในความเที่ยงตรงโดยไม่หวังประโยชน์ตอบแทนของท่าน (ผมเคยเสนอให้ท่านเป็นตัวเลือกที่จะได้เป็นปลัดกระทรวง แต่ท่านขอถอนตัว และขอเพียงได้ทำงานที่ถนัด)
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตไว้ ก่อนศาลปกครองจะมีการพิจารณาคำร้องว่าจะให้ระงับและไต่สวนฉุกเฉินกรณีประมูล 3 จี ที่เป็นคำร้องของกลุ่มกรีน ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ คือ 1.มีการแข่งขันราคากันจริงหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่เกิดการแข่งขันราคาระหว่างการประมูลหรือเห็นว่ารายได้น้อยไป กสทช.มีสิทธิยกเลิกได้ แต่เหตุใดไม่ยกเลิก 2.น่าสังเกตว่ามีการสมยอมราคากันหรือไม่-ฮั้วกันหรือไม่ แม้ กสทช.จะอ้างว่า ในเหตุการณ์วันประมูลไม่มีพฤติกรรมนี้ แต่เมื่อมีผู้ตั้งข้อสงสัยและหากมีหลักฐานใหม่จะยกเลิกหรือไม่แก้ไขอย่างไร
3.การที่กรรมการเสียงข้างมากลงมติ ทั้งที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติการณ์การเคาะราคาไม่แข่งขัน เพราะจัดสรรกันครบรายนั้น จะเป็นมติที่ถือเป็นคำสั่งทางปกครองไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เป็นการมิชอบหรือไม่ เพราะคำสั่งทางปกครองความจริงต้องมีข้อเท็จจริงครบ แต่บัดนี้ได้ปรากฏหลักฐานคือ วาระการประชุมลงมติรับรองของกรรมการ 5 คนนั้น มีบันทึกการประชุมข้อโต้แย้งของ กสทช. 1 คนไว้แล้ว
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้ดำเนินรายการ “The Daily Dose” ทางวอยซ์ทีวี และ “Economic Time” ทางทีเอ็นเอ็น โพสต์ในทวิตเตอร์ว่า “ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ควรลาออกจากกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เห็นเเล้วเศร้า เสียงข้างน้อยที่ไม่เคารพมติเสียงข้างมาก เเล้วเอารายละเอียดการประชุมจากองค์กรภายในไปเเฉกับสื่อ ผิดมารยาทขั้นพื้นฐานของการทำงานในองค์กรระดับชาติอย่างนี้ ส่วน รมว.คลังควรสั่งย้ายรองปลัดคลังสุภา ปิยะจิตติ ทันที ที่นำเอากระทรวงการคลังเข้ามาเเทรกเเซงการทำงานขององค์กรอิสระโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. ส่วนคุณสุภิญญา กลางณรงค์ ควรเลิกบ่นเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานตนเองใน Twitter ได้เเล้ว มันไม่เป็นผู้ใหญ่หรือมืออาชีพเลย”.
ไทยโพสต์
http://www.thaipost.net/sunday/211012/64000
_________________________________________
กสทช.อ่วม!! คลังยื่นปปช.สอบฮั้ว "สุภา"ลั่นองค์กรอิสระ ต้องรักษา
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระก็จริง แต่เป็นเพียงอิสระจากการแทรกแซงทางการเมืองโดยรัฐบาล แต่ไม่ได้เป็นอิสระจากการตรวจสอบของประชาชน และต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ โดยในวันจันทร์ที่ 22 ตุลาคมนี้ จะรายงานให้คณะกรรมการ ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทราบ ทั้งนี้ได้ส่งหนังสือให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบต่อไปแล้ว
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากโทรศัพท์สอบถามนางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการส่งหนังสือแสดงความไม่เห็นด้วยกับการเปิดประมูลใบอนุญาต 3จี นั้น ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงเพียง แต่เป็นการแสดงความเห็นในฐานะประธานคณะกรรมการระเบียบพัสดุจัดซื้อจัดจ้างเท่านั้น กระทรวงการคลังจึงไม่กังวลต่อการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ และไม่ถือว่ารองปลัดกระทรวงทำเกินหน้าที่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม กสทช. เป็นองค์กรอิสระ มีหน่วยงานควบคุมดูแล ทั้ง สตง. และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาที่มีอำนาจโดยตรงมากกว่า เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ต้องดูว่าเมื่อประมูล 3จีแล้วค่าใช้จ่ายด้านบริการของประชาชนจะถูกลงหรือไม่ ผู้บริโภคได้ประโยชน์อย่างไร
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สุภา ในฐานะประธานกรรมการ ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้ส่งหนังสือท้วงติงถึงประธาน กสทช. ระบุว่า การประมูลใบอนุญาต 3 จี ที่ผ่านมา ไม่เข้าข่ายการประมูลแบบ อี ออคชั่น เพราะคลื่นความถี่ที่เปิดให้ประมูลมีจำนวนเท่ากับผู้ซื้อ ทำให้ไม่มีการแข่งขันราคาอย่างแท้จริง ขณะที่คลื่นความถี่ถือเป็นทรัพยากรจำกัดและเป็นของมีค่า หากการจัดสรรไม่เหมาะสม หรืออาจมีลักษณะสมยอมราคาตามความผิดของพระราชบัญญัติฮั้วประมูล จะทำให้รัฐเสียรายได้มหาศาล
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวสามารถชี้แจงได้ เพราะเป็นการประมูลตามพระราชบัญญัติจัดสรรคลื่นความถี่ ไม่ใช่ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีออคชั่น อีกทั้ง กสทช. เป็นองค์กรอิสระ มีอำนาจหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ตามกฎหมาย
แนวหน้า
http://www.naewna.com/business/26871
ไม่มีความคิดเห็น: