Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

23 ตุลาคม 2555 (เกาะติดประมูล3G)(บทความ... แรง+มาก+โดน) ไม่อยากให้สังคมหลงประเด็น จนประมูล3Gต้องล่ม...แล้วคนไทยก็เสียโอกาสต่อไป...

ประเด็นหลัก

แม้แต่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังที่ไม่เคยจะลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ตนเองอย่างกรณีสัญญาทำการตลาดมือถือ 3จี HSPA “กสท-ทรูมูฟ” ที่อนุกรรมการไต่สวนป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ก่อนหน้านี้ ว่า ขัดตัวบทกฎหมาย “หลายฉบับ” ที่ทำให้ภาครัฐสูญเสียประโยชน์มหาศาล พร้อมสั่งเชือดกราวรูดผู้เกี่ยวข้อง กระทรวงการคลังกลับได้แต่นั่ง “เอามือซุกหีบ”... แต่หนนี้ กลับโดดออกมารับลูก แถมยังยัดเยียดข้อหา “ฮั้วประมูล” ถึงขั้นส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ฟันกราวรูดผู้เกี่ยวข้องด้วยอีก....มันทำให้สงสัยได้ใช่ไหมล่ะ...ว่ามีเจตนาพิเศษอะไรหรือปล่าว...



“เข้ารกเข้าพง” กันทั้งประเทศ!
เพราะคลื่น3จีที่ว่า มีมูลค่าสูงลิ่วจะเอามาชั่งกิโลขายกันถูกๆ อย่างนี้ไม่ได้นั้น แสดงว่าผู้พูด “เอาท์โลกเทคโนโลยีจริงๆ” เป็นการมองตลาดโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงและสภาพตลาด เพราะในอนาคตอันใกล้ภายในปี 2558 หรือ 3 ปีจากนี้ เทคโนโลยีใหม่ LTE หรือ 4จีจะเริ่มให้บริการกันแล้ว ประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มมุ่งไปสู่คลื่น 4จีกันแล้วเริ่มทดลองใช้ 4 จีกันมา 2-3 ปีแล้ว แม้แต่ประเทศไทยเองก็เริ่มทดลองแล้วเช่นกัน

เหตุนี้คลื่น3จีที่ไทยนำออกประมูลวันนี้ เอกชนที่ได้ไปต้องรีบเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้ทันใน 3-4 ปีนี้เท่านั้น หากคืนทุนไม่ได้ก็เจ๊งเข้าเนื้อแน่นอน และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เหตุใด 2 ค่ายยักษ์?“ดีแทค-ทรูมูฟ” ถึงได้แสดงพฤติกรรมที่ส่อ “ฮั้วประมูล”ไม่ยอมเคาะราคาต่อสู้ให้สมศักดิ์ศรี



ยิ่งหากทุกฝ่ายได้เห็นเบื้องหลังการประมูลครั้งนี้ จะยิ่ง?“อึ้งกิมกี่” ยิ่งกว่านี้อีก เพราะ “ดีแทค” นั้นตั้งใจจะเสนอประมูลแค่ 1-2 สลอตเท่านั้น จนถึงขนาดที่ตัวแทนผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้เข้าไปนั่งกำกับผู้บริหารอย่าง จอน เอ็ดดี้ อับดูลลาห์ “ตีกัน”ไม่ให้ผู้บริหารเผลอมือไปเคาะราคาด้วยซ้ำไป

ทำไมน่ะหรือ?
เพราะดีแทคเพิ่งจะลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านยกเครื่องเน็ตเวิร์กใหม่รองรับ 3จีบนคลื่นความถี่เดิม (ไอ้ที่ สวอปเน็ตเวิร์กแล้วล่มซ้ำซากนั่นแหละ) และยังเหลือสัมปทานอยู่อีก 7-8 ปีแถมยังเหลือคลื่น 1800 อยู่ในมือที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้อีกกว่า 24 MHz

เขาจะเอาคลื่น3จีนี้ไปทำซากอะไรในเมื่ออีก 1-2 ปีข้างหน้าคลื่นใหม่ 4 จีและ 5 จีกำลังจ่อคิวจะมาอยู่แล้ว แต่เพราะถูกสังคมบีบจนหน้าเขียว ถ้าไม่มีคลื่น3จีมาโชว์ลูกค้าก็อาจถูกบีบให้ย้ายค่าย เราจึงได้เห็นข้อเสนอ “หลุดโลก”ประมูลไปอย่างเสียไม่ได้...

ส่วนทรูมูฟนั้น ยิ่งแล้วใหญ่ เพิ่งทำสัญญา3จี HSPA กับกสท ไปไม่ถึง 2 ปี ต้องลงทุนไปกว่า 4 หมื่นล้านแบงก์ใหญ่ 4 แห่งที่ปล่อยกู้ให้วันนี้ยังนั่งหายใจไม่ทั่วท้องอยู่เลย กลับจะต้องมาควักค่าต๋งเป็นหมื่นล้านเป็นเงิน “กินเปล่า” เพื่อคลื่น 3จีนี้อีก ยังไม่นับที่จะต้องลงทุนเพิ่มอีก 30,000-50,000 ล้านบาท ที่รู้ทั้งรู้ว่าหากินไปได้อีกแค่ 3-5 ปีก็หมดน้ำผึ้งแล้ว ค่ายทรูจึงเข้าประมูลอย่างเสียไม่ได้เช่นกัน

จึงเหลืออยู่เพียงค่าย “เอไอเอส” ที่ยังพอมีทุนเต็มหน้าตักและพร้อมจะทุ่มทุนเพื่อ “ตีตั๋ว” 3จีนี้มาให้ได้ ด้วยไม่มีทางเลือกอื่นรองรับ เราจึงได้เห็นเอไอเอสเคาะโต๊ะ 3จีอย่าง “เมามันส์” อยู่เจ้าเดียว ทั้งที่ราคาที่เคาะนั้นแค่เคาะไปครั้งเดียว บวกจากราคาตั้งต้นไปแค่ 225 ล้านก็ชนะขาดลอยแล้ว เพราะรายอื่นยังไงก็ไม่เอาด้วย

แน่นอน! พูดอย่างนี้คงมีนักวิชาการ (บางคน)โต้แย้งว่า “นี่มันฮั้วชัดๆ” ทำไมเขาจะไม่อยากได้คลื่น 3จี ในเมื่อของเดิมระบบสัมปทานนั้น เขาต้องจ่ายค่าต๋งให้รัฐตั้ง 25-30% แถมยังไม่ได้เป็นเจ้าของโครงข่าย และทรัพย์สินที่ลงทุนไปอีก แต่นี่จ่ายค่าต๋งประมูลแค่ 13,500 ล้านบวกกับค่าธรรมเนียมรายปีราว 6.5% ใครมันจะโง่ไม่รีบชิงดำตีตั๋วใบอนุญาต3จีใหม่

แต่ก็อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้น ทั้ง “ดีแทค-ทรูมูฟ” พร้อมจะ “ตีโง่” ทิ้งคลื่นเจ้ากรรมที่คนไทยบูชากันอย่างกับ“บร๊ะเจ้า”นี้ อย่างที่ทุกฝ่าย “ตราหน้า”กันนั่นแหละ เขายินดีกอดเสา 2จีเดิมหรือ 3จี HSPA เพื่อรอประมูลคลื่น 4 และ 5 จีใหม่ที่ยังไงซะไม่เกิน 1-2 ปี จากนี้ กสทช.ก็ต้องนำออกมาประมูล

หากทุกฝ่ายตั้งสติดีๆพิจารณากันอย่างถ่องแท้...คงจะเกิดคำถามในมุมอื่นๆออกมา...เช่น ในเมื่อเชื่อกันว่า...กสทช.ตั้งราคาประมูลคลื่น 3จีไว้ต่ำเกินไป... เหตุใด“เจ้าสัวเจริญ” กลุ่มทุนไทยที่ได้ชื่อว่าพร้อมจะลุย “ฮุบ”ทุกธุรกิจที่ขวางหน้า แถมยังมีทุนหนาระดับแสนล้าน ที่สามารถต่อกรกับยักษ์ใหญ่เบียร์ไฮเนเก้นเพื่อเทคโอเวอร์?F&N หรือ อย่างกลุ่มสามารถ จัสมิน ทริปเปิ้ลทรี ที่ก็ล้วนมีศักยภาพไม่แพ้ 3 ยักษ์สื่อสารนี้

หากจะเข้าร่วมประมูลแล้ว ทุกรายล้วนผ่านเกณฑ์ข้อเสนอได้หมด ยิ่งกับ
“เจ้าสัวเจริญ”ด้วยแล้วที่กล่าวได้ว่าพร้อม “ฮุบ” ทุกธุรกิจ แถมยังมีกุนซือใหญ่ที่ชื่อ “บุญคลี ปลั่งศิริ” อยู่ข้างกาย ทำไมเขาถึงไม่เอาด้วย หากคลื่น3จีนี้ คือ “ขุมทรัพย์แสนล้าน!”

นั่นเพราะ ทุกฝ่ายรู้กันอยู่เต็มอก มันไม่ใช่เค้กก้อนยักษ์ที่ใครก็เข้ามาเล่นได้ หากไม่มีฐานลูกค้าเดิมอยู่....

ในต่างประเทศเขาถึงไล่แจกไลเซ่นส์?3จีกันเป็นว่าเล่นไง จะจีน ญี่ปุ่น ลาว เขมรเวียดนามเขาแจกตรงไปยังผู้ประกอบการ “รายเดิม” ล้วนๆ ส่วนที่อังกฤษและยุโรปนั้น เขาประมูลกันก็จริงแต่ก็ไม่ได้สูงส่งระดับหมื่นล้าน แสนล้านอย่างที่เราเข้าใจกัน แค่ระดับร้อยล้าน หรือ สูงสุดก็แค่ระดับ 4-5 พันล้านบาทเท่านั้น จะมีก็แต่เยอรมนี ที่เคยประมูลกันสูงถึง 3 แสนล้าน แต่ก็เจ๊งไม่เป็นท่าในอีก 2-3 ปีให้หลัง

ส่วนเมืองไทยเรานั้น ไอ้ที่ประมูลให้สัมปทานแก่รัฐกันเป็นแสนล้าน และสูงถึง 3.5 แสนล้านก็มีเช่นกันสัมปทานโทรศัพท์พื้นฐานภูธร 1.5 ล้านเลขหมายนั่นไง แต่นัยว่าพะงาบๆ มา 10 กว่าปีแล้วไม่รู้ตอนนี้ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้หรือยัง และไม่รู้กระทรวงการคลังเคยเข้าไปตรวจสอบทวงถามค่าต๋งแสนล้านในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ทีโอทีบ้างหรือไม่

“เราไม่ควรมองแต่เรื่องของเงินประมูลจนหลงทาง แต่ควรมองในเรื่องการขยายเครือข่าย “เน็ตเวิร์ก” เป็นหลัก รัฐไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บค่าสัมปทานเพื่อให้เอกชนมีเงินไปลงทุนขยายเครือข่ายให้มากที่สุด ลงทุนได้เป็นแสนล้านยิ่งดี ถึงเวลานั้น ทั้ง กสทช.และรัฐจะได้ประโยชน์กลับมามากกว่าเงินกินเปล่านี้”

เพราะหากทั้ง 3 ค่ายขยายเครือข่ายได้สมบูรณ์แบบ ตลาดมีการแข่งขันกันสมบูรณ์ แค่ลูกค้าผู้ใช้บริการ 20 ล้านคน ใช้บริการวันละ 20 บาท/คน ก็มีเงินสะพัด 400 ล้านบาท/วันแล้ว กสทช.จะได้ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บ?6.5% ของรายได้สุทธิ รัฐเองก็ได้ภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต)7% รวมแล้ว 13.5% ของรายได้แล้ว แทนที่จะรีบถอนขนห่าน น่าจะปล่อยให้ห่านมีขนขึ้นมาเสียก่อนแล้วค่อยถอน”

แต่หากสังคมบีบให้บริษัทสื่อสารเหล่านี้จ่ายค่าต๋ง “กินเปล่า” กันเป็นหมื่นล้านให้รัฐ โดยที่ยังไม่รู้อนาคตเลยว่า ประกอบการไปแล้วจะไปรอดหรือไม่ ใครมันอยากจะเสี่ยง ก็ขนาดทรูมูฟป่าวประกาศทรูมูฟ H 3G+ อยู่ทุกวี่วันลูกค้าในระบบเดิมก็ใช่จะย้ายค่ายไปซบอกกันเป็นบ้าเป็นหลัง จนทะลักล้นอย่างที่ตั้งธงกันไว้


























_______________________________

สกู๊ปพิเศษ : ไม่อยากให้สังคมหลงประเด็น จนประมูล3จีต้องล่ม...แล้วคนไทยก็เสียโอกาสต่อไป...



ทำท่าจะกลายเป็นมหากาพย์กันไปอีกโครงการ สำหรับการประมูลเพื่อออกใบอนุญาต 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช....พลันที่สิ้นเสียงเคาะกระดานประมูล 3จี... ก็มี “คลื่นแทรก”…ออกมาจากหลายๆส่วนทันที

คลื่นแทรกที่ส่งออกมาแม้จะเหมือนจากต่างที่ต่างที่มา...แต่ทำไมมันสอดประสานกันเหมือนกับเตรียมตัวกันมาแล้ว....จาก ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ ที่ออกมาบอกว่าการประมูล ครั้งนี้ว่า ไม่ผิดไปจากที่คาดการณ์มาก่อนหน้านี้ว่า เป็นการจัดฉาก...และออกมาย้ำว่าราคามันได้ต่ำเกินไป...ยกตัวเลขว่ารัฐเสียหายถึง 1.6 หมื่นล้าน...ก่อนจะโดนต่อไป ให้กลุ่มเครือข่ายกรีน....องค์กรคุ้มครอง ผู้บริโภคและเครือข่าย...อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย...ที่โดดเข้ามาร่วมวงกันพร้อมหน้า....ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้เห็นบทบาท...ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มีอีกหลายโครงการที่เปิดประมูลแล้ว...ก็ออกมาแบบขัดความรู้สึกของสังคม...แต่ก็ยังไม่เห็นเครือข่ายนี้ออกมาทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติหรือของประชาชน....



แม้แต่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังที่ไม่เคยจะลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ตนเองอย่างกรณีสัญญาทำการตลาดมือถือ 3จี HSPA “กสท-ทรูมูฟ” ที่อนุกรรมการไต่สวนป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ก่อนหน้านี้ ว่า ขัดตัวบทกฎหมาย “หลายฉบับ” ที่ทำให้ภาครัฐสูญเสียประโยชน์มหาศาล พร้อมสั่งเชือดกราวรูดผู้เกี่ยวข้อง กระทรวงการคลังกลับได้แต่นั่ง “เอามือซุกหีบ”... แต่หนนี้ กลับโดดออกมารับลูก แถมยังยัดเยียดข้อหา “ฮั้วประมูล” ถึงขั้นส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ฟันกราวรูดผู้เกี่ยวข้องด้วยอีก....มันทำให้สงสัยได้ใช่ไหมล่ะ...ว่ามีเจตนาพิเศษอะไรหรือปล่าว...

เอาเป็นว่า เส้นทางวิบาก 3จีบ้านเราที่ “หาวเรอ” รอคอยกันมานับทศวรรษ วันนี้จ่อจะต้องเจอวิบากกรรมซ้ำรอยกันอีกหน เพราะประเด็นการประมูล 3จี วันนี้ถูกลากเข้ารกเข้าพงจนแทบลืมไปแล้วว่า “เนื้อแท้” การประมูลเพื่อออกใบอนุญาต 3จีที่เราต้องการเห็นคืออะไรกันแน่ !

เราต้องการ “ค่าต๋ง”ผลประโยชน์สูงสุดเข้ารัฐ หรือประชาชน!!!
ศาสตราจารย์ ถวิล พึ่งมา อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมโทรคมนาคมของไทย...เตือนสติองค์กรและเครือข่ายต่างๆ ที่กำลัง “เมามันส์”กับการแห่นางแมว3จีนี้ว่า...กำลังหลงทาง

“เข้ารกเข้าพง” กันทั้งประเทศ!
เพราะคลื่น3จีที่ว่า มีมูลค่าสูงลิ่วจะเอามาชั่งกิโลขายกันถูกๆ อย่างนี้ไม่ได้นั้น แสดงว่าผู้พูด “เอาท์โลกเทคโนโลยีจริงๆ” เป็นการมองตลาดโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงและสภาพตลาด เพราะในอนาคตอันใกล้ภายในปี 2558 หรือ 3 ปีจากนี้ เทคโนโลยีใหม่ LTE หรือ 4จีจะเริ่มให้บริการกันแล้ว ประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มมุ่งไปสู่คลื่น 4จีกันแล้วเริ่มทดลองใช้ 4 จีกันมา 2-3 ปีแล้ว แม้แต่ประเทศไทยเองก็เริ่มทดลองแล้วเช่นกัน

เหตุนี้คลื่น3จีที่ไทยนำออกประมูลวันนี้ เอกชนที่ได้ไปต้องรีบเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้ทันใน 3-4 ปีนี้เท่านั้น หากคืนทุนไม่ได้ก็เจ๊งเข้าเนื้อแน่นอน และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เหตุใด 2 ค่ายยักษ์?“ดีแทค-ทรูมูฟ” ถึงได้แสดงพฤติกรรมที่ส่อ “ฮั้วประมูล”ไม่ยอมเคาะราคาต่อสู้ให้สมศักดิ์ศรี

“หากเป็นเมื่อ 8-10 ปีก่อนหละใช่แน่ แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้ว คลื่นที่สามารถจะนำไปแสวงหาประโยชน์ได้แค่ 3-4 ปีจากนี้ ย่อมไม่คุ้มที่จะทุ่มเม็ดเงินเป็นพันๆ ล้านไปช่วงชิงมา ตลาด 3จีนี้หากไม่สามารถคืนทุนได้ภายใน 3 ปีก็มีแต่เจ๊งเท่านั้น ยิ่งโอกาสที่จะแสวงหากำไรจากการประกอบการไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเดิมเก็บค่าบริการเสียง (Voice) ได้ถึงนาทีละ 9 บาทแต่วันนี้คิดค่าบริการได้เพียง 0.99 บาทเท่านั้น”

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมค่ายมือถือเหล่านี้ถึงกดราคาประมูลชนิดที่ “ค้านสายตาคนเชียร์” กันได้

ยิ่งหากทุกฝ่ายได้เห็นเบื้องหลังการประมูลครั้งนี้ จะยิ่ง?“อึ้งกิมกี่” ยิ่งกว่านี้อีก เพราะ “ดีแทค” นั้นตั้งใจจะเสนอประมูลแค่ 1-2 สลอตเท่านั้น จนถึงขนาดที่ตัวแทนผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้เข้าไปนั่งกำกับผู้บริหารอย่าง จอน เอ็ดดี้ อับดูลลาห์ “ตีกัน”ไม่ให้ผู้บริหารเผลอมือไปเคาะราคาด้วยซ้ำไป

ทำไมน่ะหรือ?
เพราะดีแทคเพิ่งจะลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านยกเครื่องเน็ตเวิร์กใหม่รองรับ 3จีบนคลื่นความถี่เดิม (ไอ้ที่ สวอปเน็ตเวิร์กแล้วล่มซ้ำซากนั่นแหละ) และยังเหลือสัมปทานอยู่อีก 7-8 ปีแถมยังเหลือคลื่น 1800 อยู่ในมือที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้อีกกว่า 24 MHz

เขาจะเอาคลื่น3จีนี้ไปทำซากอะไรในเมื่ออีก 1-2 ปีข้างหน้าคลื่นใหม่ 4 จีและ 5 จีกำลังจ่อคิวจะมาอยู่แล้ว แต่เพราะถูกสังคมบีบจนหน้าเขียว ถ้าไม่มีคลื่น3จีมาโชว์ลูกค้าก็อาจถูกบีบให้ย้ายค่าย เราจึงได้เห็นข้อเสนอ “หลุดโลก”ประมูลไปอย่างเสียไม่ได้...

ส่วนทรูมูฟนั้น ยิ่งแล้วใหญ่ เพิ่งทำสัญญา3จี HSPA กับกสท ไปไม่ถึง 2 ปี ต้องลงทุนไปกว่า 4 หมื่นล้านแบงก์ใหญ่ 4 แห่งที่ปล่อยกู้ให้วันนี้ยังนั่งหายใจไม่ทั่วท้องอยู่เลย กลับจะต้องมาควักค่าต๋งเป็นหมื่นล้านเป็นเงิน “กินเปล่า” เพื่อคลื่น 3จีนี้อีก ยังไม่นับที่จะต้องลงทุนเพิ่มอีก 30,000-50,000 ล้านบาท ที่รู้ทั้งรู้ว่าหากินไปได้อีกแค่ 3-5 ปีก็หมดน้ำผึ้งแล้ว ค่ายทรูจึงเข้าประมูลอย่างเสียไม่ได้เช่นกัน

จึงเหลืออยู่เพียงค่าย “เอไอเอส” ที่ยังพอมีทุนเต็มหน้าตักและพร้อมจะทุ่มทุนเพื่อ “ตีตั๋ว” 3จีนี้มาให้ได้ ด้วยไม่มีทางเลือกอื่นรองรับ เราจึงได้เห็นเอไอเอสเคาะโต๊ะ 3จีอย่าง “เมามันส์” อยู่เจ้าเดียว ทั้งที่ราคาที่เคาะนั้นแค่เคาะไปครั้งเดียว บวกจากราคาตั้งต้นไปแค่ 225 ล้านก็ชนะขาดลอยแล้ว เพราะรายอื่นยังไงก็ไม่เอาด้วย

แน่นอน! พูดอย่างนี้คงมีนักวิชาการ (บางคน)โต้แย้งว่า “นี่มันฮั้วชัดๆ” ทำไมเขาจะไม่อยากได้คลื่น 3จี ในเมื่อของเดิมระบบสัมปทานนั้น เขาต้องจ่ายค่าต๋งให้รัฐตั้ง 25-30% แถมยังไม่ได้เป็นเจ้าของโครงข่าย และทรัพย์สินที่ลงทุนไปอีก แต่นี่จ่ายค่าต๋งประมูลแค่ 13,500 ล้านบวกกับค่าธรรมเนียมรายปีราว 6.5% ใครมันจะโง่ไม่รีบชิงดำตีตั๋วใบอนุญาต3จีใหม่

แต่ก็อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้น ทั้ง “ดีแทค-ทรูมูฟ” พร้อมจะ “ตีโง่” ทิ้งคลื่นเจ้ากรรมที่คนไทยบูชากันอย่างกับ“บร๊ะเจ้า”นี้ อย่างที่ทุกฝ่าย “ตราหน้า”กันนั่นแหละ เขายินดีกอดเสา 2จีเดิมหรือ 3จี HSPA เพื่อรอประมูลคลื่น 4 และ 5 จีใหม่ที่ยังไงซะไม่เกิน 1-2 ปี จากนี้ กสทช.ก็ต้องนำออกมาประมูล

หากทุกฝ่ายตั้งสติดีๆพิจารณากันอย่างถ่องแท้...คงจะเกิดคำถามในมุมอื่นๆออกมา...เช่น ในเมื่อเชื่อกันว่า...กสทช.ตั้งราคาประมูลคลื่น 3จีไว้ต่ำเกินไป... เหตุใด“เจ้าสัวเจริญ” กลุ่มทุนไทยที่ได้ชื่อว่าพร้อมจะลุย “ฮุบ”ทุกธุรกิจที่ขวางหน้า แถมยังมีทุนหนาระดับแสนล้าน ที่สามารถต่อกรกับยักษ์ใหญ่เบียร์ไฮเนเก้นเพื่อเทคโอเวอร์?F&N หรือ อย่างกลุ่มสามารถ จัสมิน ทริปเปิ้ลทรี ที่ก็ล้วนมีศักยภาพไม่แพ้ 3 ยักษ์สื่อสารนี้

หากจะเข้าร่วมประมูลแล้ว ทุกรายล้วนผ่านเกณฑ์ข้อเสนอได้หมด ยิ่งกับ
“เจ้าสัวเจริญ”ด้วยแล้วที่กล่าวได้ว่าพร้อม “ฮุบ” ทุกธุรกิจ แถมยังมีกุนซือใหญ่ที่ชื่อ “บุญคลี ปลั่งศิริ” อยู่ข้างกาย ทำไมเขาถึงไม่เอาด้วย หากคลื่น3จีนี้ คือ “ขุมทรัพย์แสนล้าน!”

นั่นเพราะ ทุกฝ่ายรู้กันอยู่เต็มอก มันไม่ใช่เค้กก้อนยักษ์ที่ใครก็เข้ามาเล่นได้ หากไม่มีฐานลูกค้าเดิมอยู่....

ในต่างประเทศเขาถึงไล่แจกไลเซ่นส์?3จีกันเป็นว่าเล่นไง จะจีน ญี่ปุ่น ลาว เขมรเวียดนามเขาแจกตรงไปยังผู้ประกอบการ “รายเดิม” ล้วนๆ ส่วนที่อังกฤษและยุโรปนั้น เขาประมูลกันก็จริงแต่ก็ไม่ได้สูงส่งระดับหมื่นล้าน แสนล้านอย่างที่เราเข้าใจกัน แค่ระดับร้อยล้าน หรือ สูงสุดก็แค่ระดับ 4-5 พันล้านบาทเท่านั้น จะมีก็แต่เยอรมนี ที่เคยประมูลกันสูงถึง 3 แสนล้าน แต่ก็เจ๊งไม่เป็นท่าในอีก 2-3 ปีให้หลัง

ส่วนเมืองไทยเรานั้น ไอ้ที่ประมูลให้สัมปทานแก่รัฐกันเป็นแสนล้าน และสูงถึง 3.5 แสนล้านก็มีเช่นกันสัมปทานโทรศัพท์พื้นฐานภูธร 1.5 ล้านเลขหมายนั่นไง แต่นัยว่าพะงาบๆ มา 10 กว่าปีแล้วไม่รู้ตอนนี้ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้หรือยัง และไม่รู้กระทรวงการคลังเคยเข้าไปตรวจสอบทวงถามค่าต๋งแสนล้านในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ทีโอทีบ้างหรือไม่

“เราไม่ควรมองแต่เรื่องของเงินประมูลจนหลงทาง แต่ควรมองในเรื่องการขยายเครือข่าย “เน็ตเวิร์ก” เป็นหลัก รัฐไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บค่าสัมปทานเพื่อให้เอกชนมีเงินไปลงทุนขยายเครือข่ายให้มากที่สุด ลงทุนได้เป็นแสนล้านยิ่งดี ถึงเวลานั้น ทั้ง กสทช.และรัฐจะได้ประโยชน์กลับมามากกว่าเงินกินเปล่านี้”

เพราะหากทั้ง 3 ค่ายขยายเครือข่ายได้สมบูรณ์แบบ ตลาดมีการแข่งขันกันสมบูรณ์ แค่ลูกค้าผู้ใช้บริการ 20 ล้านคน ใช้บริการวันละ 20 บาท/คน ก็มีเงินสะพัด 400 ล้านบาท/วันแล้ว กสทช.จะได้ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บ?6.5% ของรายได้สุทธิ รัฐเองก็ได้ภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต)7% รวมแล้ว 13.5% ของรายได้แล้ว แทนที่จะรีบถอนขนห่าน น่าจะปล่อยให้ห่านมีขนขึ้นมาเสียก่อนแล้วค่อยถอน”

แต่หากสังคมบีบให้บริษัทสื่อสารเหล่านี้จ่ายค่าต๋ง “กินเปล่า” กันเป็นหมื่นล้านให้รัฐ โดยที่ยังไม่รู้อนาคตเลยว่า ประกอบการไปแล้วจะไปรอดหรือไม่ ใครมันอยากจะเสี่ยง ก็ขนาดทรูมูฟป่าวประกาศทรูมูฟ H 3G+ อยู่ทุกวี่วันลูกค้าในระบบเดิมก็ใช่จะย้ายค่ายไปซบอกกันเป็นบ้าเป็นหลัง จนทะลักล้นอย่างที่ตั้งธงกันไว้

จ่ายค่าต๋งไปเป็นหมื่นล้านแล้วต้องมานั่งลุ้นว่าจะไปรอดหรือไม่ จะหากินไปได้อีกกี่ปี ฝรั่งเขาถึงไม่เอาด้วยไงครับ สู้กอดของเดิมเอาไว้ก่อนชัวร์ๆ ไม่ดีกว่าหรือ?รอให้ฟ้าสาง ตลาด 4 และ 5 จีที่กำลังจะเข้ามาชัดเจนก่อนถึงเวลานั้นเชื่อเถอะทุกค่ายเอาด้วยแน่

แต่เวลานี้แค่ลุ้นให้ 3 รายที่จะได้ใบอนุญาตไปนี้หอบเงินมาลงทุนให้ได้ก่อนเถอะ 30,000-50,000 ล้านบาท ตามราคาคุยนะแค่นี้ก็หืดจับแล้ว!!!

แนวหน้า
http://www.ryt9.com/s/nnd/1514964

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.