24 มกราคม 2555 ( หรือเขาเรียกว่า ล้ม กสทช. ) 65 สว.ยื่นวุฒิฯ ทบทวนคัดเลือก กสทช. ไม่ได้ให้อำนาจไปแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ดังกล่าวแต่อย่างใด
( หรือเขาเรียกว่า ล้ม กสทช. ) 65 สว.ยื่นวุฒิฯ ทบทวนคัดเลือก กสทช. ไม่ได้ให้อำนาจไปแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ดังกล่าวแต่อย่างใด
ประเด็นหลัก
พล.อ.ธีรเดช ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลฯ ซึ่ง ส.ว.ที่มีรายชื่อแนบท้ายนี้เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ เหมาะสม เนื่องจาก พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม มาตรา 70 วรรคสอง กำหนดให้ประธานวุฒิสภามีอำนาจแค่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกเท่านั้น ไม่ได้ให้อำนาจไปแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ดังกล่าวแต่อย่างใด
______________________________________________________
65 สว.ยื่นวุฒิฯ ทบทวนคัดเลือกคณะทำงาน กสทช.ซัดทำโดยพลการ
ที่ รัฐสภา นายประสิทธิ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและโทรคมนาคม วุฒิสภา กล่าวว่า ได้รวบรวมรายชื่อ 65 ส.ว.ยื่นต่อ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ขอให้ทบทวนการดำเนินการคัดเลือกบุคคลผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการและการบริหารงานของ กสทช. กสท. กทค. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช.เนื่องจากการออกระเบียบวุฒิสภาของ พล.อ.ธีรเดช ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลฯ ซึ่ง ส.ว.ที่มีรายชื่อแนบท้ายนี้เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ เหมาะสม เนื่องจาก พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม มาตรา 70 วรรคสอง กำหนดให้ประธานวุฒิสภามีอำนาจแค่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกเท่านั้น ไม่ได้ให้อำนาจไปแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ดังกล่าวแต่อย่างใด
อย่าง ไรก็ตาม นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นการที่ประธานวุฒิสภาออกระเบียบดังกล่าว โดยมีการกำหนดบุคคลที่จะมาเป็นคณะกรรมการ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจกระทำได้ และไม่สามารถมอบอำนาจหรือมอบหมายให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลเป็นคณะกรรมการฯ ตามระเบียบวุฒิสภา ข้อ 6 ได้อีกด้วย และตามประเพณีปฏิบัติวุฒิสภาที่ดำเนินการตลอดมา วุฒิสภาจะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกเท่านั้น โดยต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญคณะหนึ่ง จำนวน 25 คน มาดำเนินการคัดเลือกหรือคัดสรรบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด แล้วเสนอให้วุฒิสภาคัดเลือกให้เหลือเท่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เป็นธรรม โปร่งใส รวดเร็ว ซึ่งจะไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ขณะเดียวกัน ส.ว.ทุกคนต่างมีความรู้ความสามารถในการคัดเลือกคัดสรรคน การกระทำของประธานวุฒิสภาเป็นการมองข้าม ส.ว.ด้วยกันเองว่าไม่มีความสามารถหรือวุฒิภาวะพอ เป็นการไม่เคารพและไว้วางใจต่อ ส.ว.ซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่เป็นฝ่ายติดตามตรวจสอบฝ่ายบริหาร
ทั้ง นี้ นายประสิทธิ์ กล่าวต่ออีกว่า จากข้อเท็จจริงข้อกฎหมาย และแนวทางปฏิบัติจะเห็นได้ว่าระเบียบวุฒิสภาดังกล่าว ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่เหมาะสมในบางส่วน ดังนั้น จึงขอให้ประธานวุฒิสภาทบทวนแก้ไขระเบียบในส่วนที่มีปัญหา และในส่วนของการแต่งตั้งคณะกรรมกาคคัดเลือกฯ โดยต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 ต่อไป
แนวหน้า
http://www.ryt9.com/s/nnd/1328604
ประเด็นหลัก
พล.อ.ธีรเดช ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลฯ ซึ่ง ส.ว.ที่มีรายชื่อแนบท้ายนี้เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ เหมาะสม เนื่องจาก พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม มาตรา 70 วรรคสอง กำหนดให้ประธานวุฒิสภามีอำนาจแค่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกเท่านั้น ไม่ได้ให้อำนาจไปแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ดังกล่าวแต่อย่างใด
______________________________________________________
65 สว.ยื่นวุฒิฯ ทบทวนคัดเลือกคณะทำงาน กสทช.ซัดทำโดยพลการ
ที่ รัฐสภา นายประสิทธิ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและโทรคมนาคม วุฒิสภา กล่าวว่า ได้รวบรวมรายชื่อ 65 ส.ว.ยื่นต่อ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ขอให้ทบทวนการดำเนินการคัดเลือกบุคคลผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการและการบริหารงานของ กสทช. กสท. กทค. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช.เนื่องจากการออกระเบียบวุฒิสภาของ พล.อ.ธีรเดช ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลฯ ซึ่ง ส.ว.ที่มีรายชื่อแนบท้ายนี้เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ เหมาะสม เนื่องจาก พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม มาตรา 70 วรรคสอง กำหนดให้ประธานวุฒิสภามีอำนาจแค่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกเท่านั้น ไม่ได้ให้อำนาจไปแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ดังกล่าวแต่อย่างใด
อย่าง ไรก็ตาม นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นการที่ประธานวุฒิสภาออกระเบียบดังกล่าว โดยมีการกำหนดบุคคลที่จะมาเป็นคณะกรรมการ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจกระทำได้ และไม่สามารถมอบอำนาจหรือมอบหมายให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลเป็นคณะกรรมการฯ ตามระเบียบวุฒิสภา ข้อ 6 ได้อีกด้วย และตามประเพณีปฏิบัติวุฒิสภาที่ดำเนินการตลอดมา วุฒิสภาจะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกเท่านั้น โดยต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญคณะหนึ่ง จำนวน 25 คน มาดำเนินการคัดเลือกหรือคัดสรรบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด แล้วเสนอให้วุฒิสภาคัดเลือกให้เหลือเท่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เป็นธรรม โปร่งใส รวดเร็ว ซึ่งจะไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ขณะเดียวกัน ส.ว.ทุกคนต่างมีความรู้ความสามารถในการคัดเลือกคัดสรรคน การกระทำของประธานวุฒิสภาเป็นการมองข้าม ส.ว.ด้วยกันเองว่าไม่มีความสามารถหรือวุฒิภาวะพอ เป็นการไม่เคารพและไว้วางใจต่อ ส.ว.ซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่เป็นฝ่ายติดตามตรวจสอบฝ่ายบริหาร
ทั้ง นี้ นายประสิทธิ์ กล่าวต่ออีกว่า จากข้อเท็จจริงข้อกฎหมาย และแนวทางปฏิบัติจะเห็นได้ว่าระเบียบวุฒิสภาดังกล่าว ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่เหมาะสมในบางส่วน ดังนั้น จึงขอให้ประธานวุฒิสภาทบทวนแก้ไขระเบียบในส่วนที่มีปัญหา และในส่วนของการแต่งตั้งคณะกรรมกาคคัดเลือกฯ โดยต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 ต่อไป
แนวหน้า
http://www.ryt9.com/s/nnd/1328604
ไม่มีความคิดเห็น: