24 มกราคม 2555 เดิมพันครั้งใหญ่ RIM ผลัดใบซีอีโอ จาก ซีอีโอร่วมมาเป็นซีอีโอหนึ่งเดียวคนใหม่ // เหตุเพราะยอดขายพลาดเป้า ราคาหุ้นตก
เดิมพันครั้งใหญ่ RIM ผลัดใบซีอีโอ จาก ซีอีโอร่วมมาเป็นซีอีโอหนึ่งเดียวคนใหม่ // เหตุเพราะยอดขายพลาดเป้า ราคาหุ้นตก
ประเด็นหลัก
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของริมนั้น เกิดขึ้นท่ามกลางข้อกังขาที่นักลงทุนมีต่อ 2 ซีอีโอร่วมตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งคือผลประกอบการที่ตกต่ำบนยอดจำหน่ายที่พลาดเป้า ข้อมูลล่าสุดในไตรมาส 3 ผู้ผลิตบีบีสัญชาติแคนาดาสามารถทำกำไรเพียง 265 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 51 เซนต์ต่อหุ้น ถือว่าลดลงอย่างน่าใจหายจาก 911.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.74 เหรียญต่อหุ้นเมื่อช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลประกอบการริมตก ต่ำเช่นนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นผลจากการไม่สามารถเปิดตัวแบล็กเบอรี่พันธุ์ใหม่ ได้ในปีที่ผ่านมา จุดนี้ทำให้นักลงทุนมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารงานที่บกพร่องของซีอีโอ ร่วมทั้ง 2 ซึ่งทำให้สินค้าตระกูลแบล็กเบอรี่ไม่สามารถต้านแรงนวัตกรรมจากคู่แข่ง จนตำแหน่งผู้นำในตลาดต้องสั่นคลอนมากที่สุดนับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ริมที่ ก่อตั้งมานานกว่า 12 ปี
__________________________________________________________
เดิมพันครั้งใหญ่ RIM ผลัดใบซีอีโอ
ริม (Research In Motion : RIM) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบล็กเบอรี่หรือบีบีชื่อดัง ประกาศเปลี่ยนตัว 2 ซีอีโอร่วมมาเป็นซีอีโอหนึ่งเดียวคนใหม่ ดึงลูกหม้ออดีตประธานฝ่ายปฏิบัติการกุมบังเหียนบริษัทเต็มตัว มั่นใจการผลัดใบผู้นำครั้งนี้จะทำให้ริมมีความคล่องตัวและสามารถแข่งขันกับ คู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟนได้ดีขึ้น
จิม บาลซิลี (Jim Balsillie) และไมค์ ลาซาริดิส (Mike Lazaridis) ออกแถลงการณ์ว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหาร ของริม โดยระบุว่าทั้ง 2 คนจะเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองจากซีอีโอร่วมไปเป็นประธานบริษัทร่วมหรือ co-chairmen โดยผู้จะมาดำรงตำแหน่งซีอีโอแทนคือทอร์สเทน ไฮนส์ (Thorsten Heins) ซึ่งมีตำแหน่งเป็นซีโอโอหรือประธานฝ่ายปฏิบัติการ
ไฮนส์ ซีอีโอคนใหม่ของริมนั้นมีตำแหน่งเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารบริษัทหลังจาก เริ่มเข้าทำงานในชายคาริมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2007 เก้าอี้แรกของไฮนส์คือรองประธานฝ่ายวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ ก่อนจะเติบโตเป็นประธานฝ่ายปฏิบัติการฝ่ายผลิตภัณฑ์และฝ่ายขายช่วงเดือน สิงหาคม ปี 2011
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของริมนั้น เกิดขึ้นท่ามกลางข้อกังขาที่นักลงทุนมีต่อ 2 ซีอีโอร่วมตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งคือผลประกอบการที่ตกต่ำบนยอดจำหน่ายที่พลาดเป้า ข้อมูลล่าสุดในไตรมาส 3 ผู้ผลิตบีบีสัญชาติแคนาดาสามารถทำกำไรเพียง 265 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 51 เซนต์ต่อหุ้น ถือว่าลดลงอย่างน่าใจหายจาก 911.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.74 เหรียญต่อหุ้นเมื่อช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลประกอบการริมตก ต่ำเช่นนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นผลจากการไม่สามารถเปิดตัวแบล็กเบอรี่พันธุ์ใหม่ ได้ในปีที่ผ่านมา จุดนี้ทำให้นักลงทุนมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารงานที่บกพร่องของซีอีโอ ร่วมทั้ง 2 ซึ่งทำให้สินค้าตระกูลแบล็กเบอรี่ไม่สามารถต้านแรงนวัตกรรมจากคู่แข่ง จนตำแหน่งผู้นำในตลาดต้องสั่นคลอนมากที่สุดนับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ริมที่ ก่อตั้งมานานกว่า 12 ปี
แม้การเปลี่ยนตัวซีอีโอครั้งนี้จะดูเหมือนเกิดขึ้นเพราะแรงกดดันจาก ผู้ถือหุ้นริม เพราะก่อนหน้านี้ริมได้ปรับโครงสร้างด้วยการเปลี่ยนประธานบอร์ดหรือประธาน บริหารบริษัทมาแล้ว ทั้งหมดนี้ ลาซาริดิสกล่าวว่าการตัดสินใจทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับแรงกดดันใดๆ พร้อมยืนยันว่าทั้งหมดเป็นการตัดสินใจเพื่อให้ริมเข้าสู่ยุคใหม่
สำหรับไฮนส์ซึ่งเคยทำงานอยู่ที่บริษัทซีเมนส์ (Siemens) มากว่า 20 ปี ระบุว่าจะบริหารงานบนจุดแข็งที่ริมมี นั่นคือฐานผู้ใช้งานมากกว่า 75 ล้านคนทั่วโลก และความมั่นคงทางการเงินของริม ซึ่งสะท้อนจากการไม่มีหนี้สินระยะยาวอย่างบริษัทอื่น โดยย้ำว่าจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อให้ซอฟต์แวร์เป็นปัจจัยหลักในการสร้างคุณค่าให้ริมสามารถแข่งขันได้ อย่างดีนับจากนี้
สำหรับรายละเอียดการลงจากตำแหน่งของซีอีโอร่วมซึ่งมีดีกรีเป็นผู้ถือ หุ้นริมอันดับ 2 และ 3 ของบริษัท รวมถึงเงื่อนไขการปรับโครงสร้างบริษัทโดยละเอียดนั้นจะถูกรายงานต่อหน่วยงาน สหรัฐฯและแคนาดาภายในวันที่ 31 มกราคมนี้
ขณะที่การเปิดตลาดหุ้นของสหรัฐหลังการผลัดเปลี่ยนซีอีโอ ส่งผลให้หุ้นริมลดลง 8.47%
ASTV ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010344
ประเด็นหลัก
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของริมนั้น เกิดขึ้นท่ามกลางข้อกังขาที่นักลงทุนมีต่อ 2 ซีอีโอร่วมตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งคือผลประกอบการที่ตกต่ำบนยอดจำหน่ายที่พลาดเป้า ข้อมูลล่าสุดในไตรมาส 3 ผู้ผลิตบีบีสัญชาติแคนาดาสามารถทำกำไรเพียง 265 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 51 เซนต์ต่อหุ้น ถือว่าลดลงอย่างน่าใจหายจาก 911.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.74 เหรียญต่อหุ้นเมื่อช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลประกอบการริมตก ต่ำเช่นนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นผลจากการไม่สามารถเปิดตัวแบล็กเบอรี่พันธุ์ใหม่ ได้ในปีที่ผ่านมา จุดนี้ทำให้นักลงทุนมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารงานที่บกพร่องของซีอีโอ ร่วมทั้ง 2 ซึ่งทำให้สินค้าตระกูลแบล็กเบอรี่ไม่สามารถต้านแรงนวัตกรรมจากคู่แข่ง จนตำแหน่งผู้นำในตลาดต้องสั่นคลอนมากที่สุดนับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ริมที่ ก่อตั้งมานานกว่า 12 ปี
__________________________________________________________
เดิมพันครั้งใหญ่ RIM ผลัดใบซีอีโอ
ริม (Research In Motion : RIM) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบล็กเบอรี่หรือบีบีชื่อดัง ประกาศเปลี่ยนตัว 2 ซีอีโอร่วมมาเป็นซีอีโอหนึ่งเดียวคนใหม่ ดึงลูกหม้ออดีตประธานฝ่ายปฏิบัติการกุมบังเหียนบริษัทเต็มตัว มั่นใจการผลัดใบผู้นำครั้งนี้จะทำให้ริมมีความคล่องตัวและสามารถแข่งขันกับ คู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟนได้ดีขึ้น
จิม บาลซิลี (Jim Balsillie) และไมค์ ลาซาริดิส (Mike Lazaridis) ออกแถลงการณ์ว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหาร ของริม โดยระบุว่าทั้ง 2 คนจะเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองจากซีอีโอร่วมไปเป็นประธานบริษัทร่วมหรือ co-chairmen โดยผู้จะมาดำรงตำแหน่งซีอีโอแทนคือทอร์สเทน ไฮนส์ (Thorsten Heins) ซึ่งมีตำแหน่งเป็นซีโอโอหรือประธานฝ่ายปฏิบัติการ
ไฮนส์ ซีอีโอคนใหม่ของริมนั้นมีตำแหน่งเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารบริษัทหลังจาก เริ่มเข้าทำงานในชายคาริมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2007 เก้าอี้แรกของไฮนส์คือรองประธานฝ่ายวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ ก่อนจะเติบโตเป็นประธานฝ่ายปฏิบัติการฝ่ายผลิตภัณฑ์และฝ่ายขายช่วงเดือน สิงหาคม ปี 2011
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของริมนั้น เกิดขึ้นท่ามกลางข้อกังขาที่นักลงทุนมีต่อ 2 ซีอีโอร่วมตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งคือผลประกอบการที่ตกต่ำบนยอดจำหน่ายที่พลาดเป้า ข้อมูลล่าสุดในไตรมาส 3 ผู้ผลิตบีบีสัญชาติแคนาดาสามารถทำกำไรเพียง 265 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 51 เซนต์ต่อหุ้น ถือว่าลดลงอย่างน่าใจหายจาก 911.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.74 เหรียญต่อหุ้นเมื่อช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลประกอบการริมตก ต่ำเช่นนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นผลจากการไม่สามารถเปิดตัวแบล็กเบอรี่พันธุ์ใหม่ ได้ในปีที่ผ่านมา จุดนี้ทำให้นักลงทุนมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารงานที่บกพร่องของซีอีโอ ร่วมทั้ง 2 ซึ่งทำให้สินค้าตระกูลแบล็กเบอรี่ไม่สามารถต้านแรงนวัตกรรมจากคู่แข่ง จนตำแหน่งผู้นำในตลาดต้องสั่นคลอนมากที่สุดนับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ริมที่ ก่อตั้งมานานกว่า 12 ปี
แม้การเปลี่ยนตัวซีอีโอครั้งนี้จะดูเหมือนเกิดขึ้นเพราะแรงกดดันจาก ผู้ถือหุ้นริม เพราะก่อนหน้านี้ริมได้ปรับโครงสร้างด้วยการเปลี่ยนประธานบอร์ดหรือประธาน บริหารบริษัทมาแล้ว ทั้งหมดนี้ ลาซาริดิสกล่าวว่าการตัดสินใจทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับแรงกดดันใดๆ พร้อมยืนยันว่าทั้งหมดเป็นการตัดสินใจเพื่อให้ริมเข้าสู่ยุคใหม่
สำหรับไฮนส์ซึ่งเคยทำงานอยู่ที่บริษัทซีเมนส์ (Siemens) มากว่า 20 ปี ระบุว่าจะบริหารงานบนจุดแข็งที่ริมมี นั่นคือฐานผู้ใช้งานมากกว่า 75 ล้านคนทั่วโลก และความมั่นคงทางการเงินของริม ซึ่งสะท้อนจากการไม่มีหนี้สินระยะยาวอย่างบริษัทอื่น โดยย้ำว่าจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อให้ซอฟต์แวร์เป็นปัจจัยหลักในการสร้างคุณค่าให้ริมสามารถแข่งขันได้ อย่างดีนับจากนี้
สำหรับรายละเอียดการลงจากตำแหน่งของซีอีโอร่วมซึ่งมีดีกรีเป็นผู้ถือ หุ้นริมอันดับ 2 และ 3 ของบริษัท รวมถึงเงื่อนไขการปรับโครงสร้างบริษัทโดยละเอียดนั้นจะถูกรายงานต่อหน่วยงาน สหรัฐฯและแคนาดาภายในวันที่ 31 มกราคมนี้
ขณะที่การเปิดตลาดหุ้นของสหรัฐหลังการผลัดเปลี่ยนซีอีโอ ส่งผลให้หุ้นริมลดลง 8.47%
ASTV ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010344
ไม่มีความคิดเห็น: