Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

27 พฤษภาคม 2556 TRUE ชี้ CTHหารายได้จากโฆษณาเป็นหลัก มั่นใจไร้พรีเมียร์ลีก แต่สปอนเซอร์หลักอย่างไทยเบฟ ดื่มช้าง และยูโร่ คัสตาร์ดเค้ก และยามาฮ่าก็ยังคงอยู่



ประเด็นหลัก





       ทรูฯ ชี้รายได้สปอนเซอร์กีฬายังคงอยู่
       ด้านทรูวิชั่นส์ โดยนายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายคอมเมอร์เชียล บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปกติราคาแพกเกจสปอนเซอร์พรีเมียร์ลีกของทางทรูวิชั่นส์ในครั้งล่าสุดหรือฤดูกาลที่ผ่านมาจะมีราคาสูงสุดที่ 150 ล้านบาทรวม 3 ฤดูกาล ในลักษณะขายเป็นแพกฟุตบอลแพกใหญ่ที่มีหลากหลายลีกชั้นนำของโลก เช่น PL ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ยูโรปากัลโช่ โปรตุกิส เมเจอร์ ซอกเกอร์ลีก อเมริกา และ TPL
   
       ดังนั้น ถึงแม้ปลายปีนี้จะไม่มีพรีเมียร์ลีกแล้วก็ตาม แต่สปอนเซอร์หลักอย่างไทยเบฟ และยามาฮ่าก็ยังคงอยู่กับทางทรูวิชั่นส์
   
       อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกประจำปี 2012/2013 ที่ผ่านมา ทรูวิชั่นส์มีการขายแพกเกจสปอนเซอร์หลักในราคา 60 ล้านบาท ประกอบด้วย 3 สปอนเซอร์หลัก คือ รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า, เครื่องดื่มช้าง และยูโร่ คัสตาร์ดเค้ก และยังมีสปอนเซอร์ร่วมอีกราว 5 ราย คือ ทรูมูฟเอช 3G, บราเวีย โซนี่, ลอรีอัล เม็น เอ็กซ์เพิร์ต และเครื่องดื่มโค้ก
   
       รวมแล้วต่อปีทรูวิชั่นส์มีรายได้โฆษณาจากพรีเมียร์ลีกประมาณ 180-250 ล้านบาท หรือตลอด 3 ฤดูกาลน่าจะมีรายได้กว่า 500-700 ล้านบาท จากมูลค่าการซื้อพรีเมียร์ลีกครั้งนี้ 2,000 ล้านบาท
   
       “ถึงตรงนี้แล้ว หากเปรียบเทียบราคาแพกเกจสปอนเซอร์ของทั้ง 2 ค่ายกับทุนที่ซื้อมาแล้ว จะพบว่าซีทีเอชมุ่งหารายได้จากโฆษณาเป็นหลัก หรือกว่าครึ่งของทุนที่ซื้อมา”
   
       ส่วนทางทรูวิชั่นส์มีรายได้จากโฆษณาเพียง 25-30% เท่านั้น แต่ก็นั่นแหละ จากการที่ซีทีเอชรู้ตัวเองดีว่าตัวเลขจริงที่ซื้อมาแพงกว่าเดิมตั้ง 3 เท่าตัว ก็ย่อมเป็นโจทย์ที่ยากกว่าเดิมอย่างน้อย 3 เท่าด้วยเช่นกันที่จะทำให้สปอนเซอร์และคอบอลยอมเปิดกระเป๋าควักเงินซื้อพรีเมียร์ลีกหมื่นล้านในครั้งนี้



______________________________________




CTH โขกสปอนเซอร์บอลอังกฤษ 450 ล้าน แพงกว่าทรูฯ 3 เท่า-เก็บสมาชิก 899 บาท









       ASTVผู้จัดการรายวัน - เผยซีทีเอชโขกราคาแพกเกจสปอนเซอร์พรีเมียร์ลีกแพงกว่าทรูวิชั่นส์ 3 เท่าตัว สูงสุดราคา 15 ล้านเหรียญยูเอสรวม 3 ฤดูกาล หรือราว 450 ล้านบาท ยันลูกค้าตบเท้าเรียงหน้าเข้าซื้อร่วม 10 ราย มีรายได้แล้วไม่ต่ำกว่า 3,700 ล้านบาท ลุ้นคุ้มทุนในสิ้นปี ส่วนแพกเกจสมาชิกสูงสุดที่ 899 บาทต่อเดือน ฟากทรูวิชั่นส์ชี้สปอนเซอร์หลักที่เคยซื้อยังคงอยู่ เหตุยังมีพ่วงสปอนเซอร์ลีกอื่นด้วย
   
       “พรีเมียร์ลีก” กลายเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะผู้ที่เสียลิขสิทธิ์ไปอย่าง บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ก็ถูกจับตาว่าจะแก้เกมอย่างไร ขณะที่ผู้ได้สิทธิ์มาอย่างบริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ก็ถูกค่อนขอดว่างานนี้บ้าหรือเปล่า จะสามารถบริหารจัดการคอนเทนต์ลูกหนังลูกนี้ได้แบบไม่เจ็บตัวไปได้แค่ไหนในราคาต้นทุนที่ได้มานั้นสูงกว่าครั้งก่อนถึง 3 เท่าตัว หรือที่คาดการณ์กันไว้ว่าสูงถึงประมาณ 10,000 ล้านบาท
   
       ดังนั้นจึงถือเป็นโจทย์ที่หินสุดๆ สำหรับ CTH ว่าจะต้องเดินเกมอย่างไรให้ถูกตาคอบอล และต้องใจสปอนเซอร์ได้ ทั้งแพกเกจสปอนเซอร์และแพกเกจสมาชิก แม้จะดูยากลำบาก แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเดิมที่มีข่าวออกมาว่าซีทีเอชอาจจะยอมปล่อยให้แพลตฟอร์มอื่นยื่นมือเข้ามาร่วมถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกนั้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการหารายได้
   
       ล่าสุด นายสุรพล ซีประเสริฐ ประธานกรรมการ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) หรือเดิม คือบริษัท เคเบิลไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวย้ำชัดเจนว่า ซีทีเอชจะยังคงเป็นรายเดียวที่จะถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีกที่ได้ลิขสิทธิ์มา และจะไม่มีการขายต่อให้แพลตฟอร์มอื่นนำไปถ่ายทอดสดต่อ โดยเฉพาะกับทรูวิชั่นส์ ที่มีข่าวออกไปยิ่งเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นข้อตกลงของทางต้นสังกัดเจ้าของลิขสิทธิ์ของพรีเมียร์ลีกที่ไม่อนุญาตให้นำคอนเทนต์ไปให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันประมูลด้วยกันไปถ่ายทอดสดต่อ
   
       มูลเหตุนี้เองที่ทำให้ทางซีทีเอชจำเป็นจะต้องทำงานหนักในการหารายได้จากพรีเมียร์ลีกออกมาให้ดีที่สุด ส่งผลถึงราคาแพกเกจสปอนเซอร์ที่ว่ากันว่าแพงหูฉี่จนผู้ที่สนใจซื้อหลายรายสั่นหน้าถอยหลังกลับไป ...แต่ท้ายสุดเมื่อคอนเทนต์มันดีฉันใด ก็ย่อมมีผู้ที่พร้อมจะเทเงินร่วมสนับสนุนฉันนั้น
   
       แพกเกจสปอนเซอร์สูงสุด 450 ล้าน
       แหล่งข่าวจากเอเยนซีระบุข้อมูลว่า ซีทีเอชได้ตั้งราคาแพกเกจสปอนเซอร์พรีเมียร์ลีก 2013/2014-2015/2016 ครั้งนี้ ไว้ 3 แพกเกจ คือ 1. แพกเกจราคา 15 ล้านยูเอส หรือราว 450 ล้านบาท 2. แพกเกจราคา 10 ล้านยูเอส หรือราว 300 ล้านบาท และ 3. แพกเกจราคา 5 ล้านยูเอส หรือประมาณ 150 ล้านบาท โดยทุกแพกเกจจะสามารถทำคอมเมอร์เชียลสปอร์ตโฆษณาได้ตลอด 3 ฤดูกาล
   
       ขณะที่แพกเกจราคาสูงสุดจะได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติมอีก 5 ข้อ ได้แก่ 1. คอมเมอร์เชียลสปอร์ตโฆษณาใน 5 ช่องที่รองรับคอนเทนต์พรีเมียร์ลีก 2. โฆษณาบนฟรีทีวีได้ 1 นาที/แมตช์จากทั้งหมด 17 แมตช์/ฤดูกาล 3. ได้ลงโลโก้สปอนเซอร์ในโปรโมชันนัลโปรแกรม, สเปเชียลโปรแกรม, LED, รีรัน และรีวิว เป็นต้น 4. เอ็กซ์คลูซีฟ ลันช์/ดินเนอร์ และ 5. เอ็กซ์คลูซีฟ EPL ทัวร์ เป็นต้น
   
       “ขณะนี้พบว่ามีผู้ที่สนใจซื้อแพกเกจสปอนเซอร์แล้วกว่า 10 ราย เช่น การบินไทย สิงห์ และเอไอเอส เป็นต้น หรือหากประเมินตัวเลขเบื้องต้นเชื่อได้ว่าขณะนี้ซีทีเอชสามารถขายแพกเกจสปอนเซอร์ได้แล้วไม่ต่ำกว่า 3,500-3,700 ล้านบาท ซึ่งยังคงเปิดโอกาสให้แก่ผู้ที่สนใจซื้อสปอนเซอร์ต่อไปอีก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าบรรดาสินค้าต่างๆ ที่ซีทีเอชเดินเข้าไปขายนั้น ต่างก็ส่ายหัวและขอเวลาพิจารณาก่อน เพราะว่าราคาแพกเกจนั้น สูงลิบลิ่วเหลือเกิน”
   
       อย่างไรก็ตาม นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้สามารถขายแพกเกจสปอนเซอร์พรีเมียร์ลีกได้ตามแผนงานแล้ว
   
       หากมองตามนี้มีความเป็นไปได้ที่ภายในสิ้นปีนี้เฉพาะการหารายได้จากสปอนเซอร์โฆษณาก็น่าจะทำได้กว่าครึ่ง หรือราว 5,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาทุนที่ซื้อพรีเมียร์ลีกมา เพราะอย่าลืมว่าซีทีเอชยังได้สิทธิ์ขายคอนเทนต์นี้ให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว และเขมร อีกส่วนหนึ่งด้วย และขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงการเจรจาราคาซื้อกันอยู่
   
       ที่เหลืออยู่ที่กลยุทธ์การขายแพกเกจการรับชมให้แก่สมาชิกเคเบิลท้องถิ่นที่มีฐานอยู่ราว 2.5 ล้านคนในมือเท่านั้น รวมถึงการดึงฐานลูกค้าใหม่เข้ามาเสริมรายได้ให้มากที่สุด
   
       “สำหรับราคาค่าสมาชิกผู้ชมนั้น ทางซีทีเอชได้มีการกำหนดออกมาแล้วเช่นกัน แต่ยังปิดเงียบรอการเปิดตัวเป็นทางการพร้อมกับเปิดตัวสปอนเซอร์ในวันพุธที่ 29 พฤษภาคมนี้”
   
       เบื้องต้นว่ากันว่า ลูกค้าที่ต้องการรับชมช่องรายการแบบมาตรฐานปกติจำนวน 120 ช่องจะเสียค่าบริการที่ 399 บาทต่อเดือน พร้อมรับชมพรีเมียร์ลีกได้อย่างน้อย 1 คู่ต่อสัปดาห์
   
       ส่วนแพกเกจที่จัดทำขึ้นเพื่อรองรับคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกนั้นจะมีอยู่ 2-3 แพกเกจ สำหรับผู้ที่ต้องการรับชมแบบน้อยไปหามาก โดยราคาสูงสุดของแพกเกจพรีเมียร์ลีกแบบเบ็ดเสร็จ คือ 899 บาทต่อเดือน (รวม VAT แล้ว) สามารถรับชมพรีเมียร์ลีกได้ครบทุกคู่พร้อมช่องรายการทั่วไปอีก 120 ช่อง โดยกว่า 30 ช่องนั้นเป็นเอชดี
   
       ขณะที่งบการตลาดสำหรับพรีเมียร์ลีกจะใช้ 200 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมาเป็นต้นไป ภายหลังจากคู่การแข่งขันพรีเมียร์ลีกคู่สุดท้ายของฤดูกาลแข่งจบลงในคืนวันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค.นี้
   
       โดยช่องรายการที่เกี่ยวข้องกับพรีเมียร์ลีกจะมีทั้งหมด 5 ช่อง ประกอบด้วย 1. EPL Live (+Rerun) 2. EPL Inter Sport 3. EPL Thai Sport 4. EPL TV, Fan, Lifestyle และ 5. EPL Inside (+News)
       ทรูฯ ชี้รายได้สปอนเซอร์กีฬายังคงอยู่
       ด้านทรูวิชั่นส์ โดยนายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายคอมเมอร์เชียล บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปกติราคาแพกเกจสปอนเซอร์พรีเมียร์ลีกของทางทรูวิชั่นส์ในครั้งล่าสุดหรือฤดูกาลที่ผ่านมาจะมีราคาสูงสุดที่ 150 ล้านบาทรวม 3 ฤดูกาล ในลักษณะขายเป็นแพกฟุตบอลแพกใหญ่ที่มีหลากหลายลีกชั้นนำของโลก เช่น PL ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ยูโรปากัลโช่ โปรตุกิส เมเจอร์ ซอกเกอร์ลีก อเมริกา และ TPL
   
       ดังนั้น ถึงแม้ปลายปีนี้จะไม่มีพรีเมียร์ลีกแล้วก็ตาม แต่สปอนเซอร์หลักอย่างไทยเบฟ และยามาฮ่าก็ยังคงอยู่กับทางทรูวิชั่นส์
   
       อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกประจำปี 2012/2013 ที่ผ่านมา ทรูวิชั่นส์มีการขายแพกเกจสปอนเซอร์หลักในราคา 60 ล้านบาท ประกอบด้วย 3 สปอนเซอร์หลัก คือ รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า, เครื่องดื่มช้าง และยูโร่ คัสตาร์ดเค้ก และยังมีสปอนเซอร์ร่วมอีกราว 5 ราย คือ ทรูมูฟเอช 3G, บราเวีย โซนี่, ลอรีอัล เม็น เอ็กซ์เพิร์ต และเครื่องดื่มโค้ก
   
       รวมแล้วต่อปีทรูวิชั่นส์มีรายได้โฆษณาจากพรีเมียร์ลีกประมาณ 180-250 ล้านบาท หรือตลอด 3 ฤดูกาลน่าจะมีรายได้กว่า 500-700 ล้านบาท จากมูลค่าการซื้อพรีเมียร์ลีกครั้งนี้ 2,000 ล้านบาท
   
       “ถึงตรงนี้แล้ว หากเปรียบเทียบราคาแพกเกจสปอนเซอร์ของทั้ง 2 ค่ายกับทุนที่ซื้อมาแล้ว จะพบว่าซีทีเอชมุ่งหารายได้จากโฆษณาเป็นหลัก หรือกว่าครึ่งของทุนที่ซื้อมา”
   
       ส่วนทางทรูวิชั่นส์มีรายได้จากโฆษณาเพียง 25-30% เท่านั้น แต่ก็นั่นแหละ จากการที่ซีทีเอชรู้ตัวเองดีว่าตัวเลขจริงที่ซื้อมาแพงกว่าเดิมตั้ง 3 เท่าตัว ก็ย่อมเป็นโจทย์ที่ยากกว่าเดิมอย่างน้อย 3 เท่าด้วยเช่นกันที่จะทำให้สปอนเซอร์และคอบอลยอมเปิดกระเป๋าควักเงินซื้อพรีเมียร์ลีกหมื่นล้านในครั้งนี้


http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000063188&Keyword=%b7%c3%d9


ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.