27 มิถุนายน 2556 intuch (พ่อAIS) ประกาศเม็ดเงินลงทุนปีนี้โดยรวมเบื้องต้นกว่า 8 หมื่นล้านบาท ลุย 3G 4G TV NETมีสาย การเงิน (จัดหนักแข่งTRUE)
ประเด็นหลัก
สำหรับเม็ดเงินลงทุนโดยรวมเบื้องต้นกว่า 8 หมื่นล้านบาท
โดยล่าสุด กลุ่มอินทัชได้ประกาศเป้าหมายทางธุรกิจของกลุ่มทั้งสิ้น 8 ด้าน ได้แก่ การเปิดบริการ 3 จี, การรับใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียม (จากเดิมประกอบกิจการภายใต้ระบบสัมปทาน), การสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยในฐานะเวนเจอร์ แคปปิตอล, การให้บริการพื้นที่ในการจัดเก็บไฟล์ข้อมูลในระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง, การเข้าประมูลทีวีดิจิตอล, การให้บริการ 4 จี, ธุรกิจดิจิตอล คอนเท้นท์ และการให้บริการเครือข่ายบรอดแบนด์ความเร็วสูงแบบมีสาย (wired broadband).
______________________________________
"อินทัช" 30 ปีโตเต็มพิกัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรืออินทัช ได้จัดแถลงข่าว “30 ปี อินทัช....วิสัยทัศน์และการขับเคลื่อนในอนาคต” ในโอกาสครบรอบ 30 ปีของกลุ่ม โดยนายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร อินทัช นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือเอไอเอส และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทในเครือ เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย
โดยนายสมประสงค์ กล่าวว่า เป้าหมายของกลุ่มอินทัชจากนี้ คือการให้บริการครอบคลุม 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ โทรคมนาคม ไอที สื่อ (มีเดีย) และดิจิตอล คอนเท้นท์ (Digital Content) ซึ่งปัจจุบันวางรากฐานเพื่อขยายการเติบโตไปได้อีก 15-20 ปีข้างหน้า ส่วนในอนาคตอาจมีโอกาสเคลื่อนตัวไปสู่ธุรกิจอื่นๆ อีกได้
“ในโอกาสครบรอบ 30 ปีของเรา หากถามว่าเราสลัดภาพของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมตระกูลชินวัตรได้แล้วหรือยัง ก็ต้องยอมรับว่ายังสลัดภาพได้ไม่หมด แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไป เราคิดว่าความเข้าใจของสังคมต่อเรื่องนี้ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี”
ทั้งนี้ กลุ่มอินทัช มีบริษัทในเครือกระจายหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งสิ้น 4 บริษัท ได้แก่ อินทัช เอไอเอส ไทยคม และบริษัทซีเอส ล็อกซ์อินโฟ จำกัด (มหาชน) โดย 4 บริษัทดังกล่าวมีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ฯรวมกัน 1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของมูลค่าตลาด (มาร์เก็ตแคป) รวมของตลาดหุ้นไทยทั้งหมด
โดยล่าสุด กลุ่มอินทัชได้ประกาศเป้าหมายทางธุรกิจของกลุ่มทั้งสิ้น 8 ด้าน ได้แก่ การเปิดบริการ 3 จี, การรับใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียม (จากเดิมประกอบกิจการภายใต้ระบบสัมปทาน), การสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยในฐานะเวนเจอร์ แคปปิตอล, การให้บริการพื้นที่ในการจัดเก็บไฟล์ข้อมูลในระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง, การเข้าประมูลทีวีดิจิตอล, การให้บริการ 4 จี, ธุรกิจดิจิตอล คอนเท้นท์ และการให้บริการเครือข่ายบรอดแบนด์ความเร็วสูงแบบมีสาย (wired broadband).
โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ
http://m.thairath.co.th/content/eco/353767
____________________________________--
"อินทัช"แตก4ขาธุรกิจ
อินทัช ผสาน 8 ธุรกิจ 4 อุตสาหกรรม ขับเคลื่อนบริษัท เตรียมลงทุนกว่า 8 หมื่นล้าน
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น หรืออินทัช เปิดเผยว่า อินทัชเตรียมดำเนินธุรกิจ 8 ด้าน เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนเข้าสู่ทศวรรษที่ 4 โดยปีนี้จะมี 3 ธุรกิจใหม่ คือ 1.ธุรกิจดิจิตอล คอนเทนต์ ซึ่งเป็นการนำเสนอคอนเทนต์ของกลุ่มอินทัช 2.ร่วมกับพันธมิตรให้บริการ 4จี ต่อยอดจาก 3จี ซึ่งลงทุนในปัจจุบันเพื่อนำเสนอดิจิตอล คอนเทนต์ และแอพพลิเคชั่นไปยังผู้บริโภค และ 3.ธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทางสายเพื่อเสริมบริการ 3จี และ 4จี ให้มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ 3 ธุรกิจดังกล่าวจะผสมรวมกับ 5 ธุรกิจก่อนหน้านี้ คือ ธุรกิจบริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ธุรกิจดาวเทียมที่เตรียมยิงดาวเทียมไทยคม 6 ภายในปีนี้ และดาวเทียมไทยคม 7 ในปีหน้า เพื่อเปิดตลาดทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น ธุรกิจอินเวสต์สนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่ ธุรกิจไอทีผ่านคลาวด์คอมพิวติ้ง และธุรกิจดิจิตอลทีวีที่เตรียมประมูลช่องทีวีดิจิตอลทั้งหมดจะเป็นธุรกิจ 8 ด้าน ที่อยู่ใน 4 อุตสาหกรรม คือ โทรคมนาคม มีเดีย ไอที และดิจิตอล คอนเทนต์
สำหรับเม็ดเงินลงทุนโดยรวมเบื้องต้นกว่า 8 หมื่นล้านบาท
http://www.posttoday.com/%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%
A5%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B9%8C/230792/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%
97%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%814%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0
%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88
____________________________________
อินทัช ทุ่ม 'แสนล้าน' ลุย 4 ธุรกิจหลัก
อินทัช เดินหน้าแผนลงทุนเฉียดแสนล้านบาทใน 3 ปี รุก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก รองรับโอกาสตลาดในประเทศขยายตัว เชื่อโอกาสยังเปิดกว้างการลงทุน
กลุ่มอินทัชมั่นใจเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย วางกลยุทธ์มุ่งเป็นเครื่องมือของอุตสาหกรรม จะทำให้ธุรกิจรอดพ้นหากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือ อินทัช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเชื่อมั่นในเสถียรภาพของกลุ่มอินทัชและเศรษฐกิจของไทยที่จากการคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ หรือ จีดีพี ยังอยู่ระดับ 4.7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ประกอบกับกลุ่มอินทัชได้วางตัวจะเป็นเครื่องมือของอุตสาหกรรมมากกว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ดังนั้น หากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้น บริษัทยังมั่นใจจะไม่กระทบต่อแผนการลงทุนหรือธุรกิจ
"ภาพธุรกิจที่ผูกติดกับการเมืองยังไม่หมดไป แต่จากผลสำรวจและความรู้สึกที่สัมผัสได้จากตลาดพบว่าความเข้าใจของสังคมดีขึ้น"
ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปลี่ยนแปลงจากผู้กำเนิดธุรกิจคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย มาเป็นผู้ให้บริการโทรคม ภายใต้ 4 บริษัทหลัก คือ อินทัช, เอไอเอส, ไทยคม และ ซีเอส ล็อกซอินโฟ สร้างเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้เกิน 10% ของตลาดหลักทรัพย์ไทย หรือมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านบาท และ เกิดการสร้างงาน 12,000 ตำแหน่ง
"ความรู้สึกของผู้คนที่ได้สัมผัส และการสำรวจแบรนด์ของเราพบว่าคอร์ปอเรท อิมเมจของเราดีขึ้นตามลำดับ และก็เชื่อว่าจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จากบริการและธุรกิจที่เราทำ"
ลงทุนเฉียดแสนล้าน
ส่วนการลงทุนยังคงยืนตามแผนที่เคยกล่าวก่อนหน้านี้ คือ 7 หมื่นล้านบาทภายในกรอบเวลา 36 เดือนสำหรับเอไอเอส ขณะที่ไทยคมจะอนุมัติเงินลงทุนตามแผนธุรกิจดาวเทียมแต่ละดวง ซึ่งปัจจุบันกำลังเตรียมแผนจะให้บริการดาวเทียมไทยคม 6 ภายในปีนี้ ลงทุน 160 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 4,800 ล้านบาท ส่วน ไทยคม 7 เป็นการเข้าไปร่วมกับพาร์ทเนอร์คาดใช้งบลงทุน 170 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5,100 ล้านบาท แบ่งจ่ายภายใน 15 ปี ส่วน ไทยคม 8 กำลังศึกษาและตัดสินใจขั้นสุดท้าย ยังไม่ตั้งงบลงทุน
ขณะที่ธุรกิจทีวีดิจิทัลยังเป็นการประมาณการลงทุน เพราะว่าต้องรอสรุปเงื่อนไขการประมูลจาก กสทช. แต่เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนสำหรับการประมูลไลเซ่น และการจัดตั้งบริษัทเพื่อทำสตูดิโอรวมราว 2 พันล้านบาท
บริษัทมองว่า การลงทุนในประเทศยังมีโอกาสสูงกว่า และไม่เป็นการเสียโอกาสเพราะอุตสาหกรรมในประเทศก็ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการลงทุนต้องดูที่กำลังและความสามารถของตัวเองด้วย
นอกจากนี้ บริษัทกำลังทำวิจัยและศึกษาตลาด รวมทั้งการเตรียมพร้อมด้านวิศวกรรมสำหรับการให้บริการ 4จี และ ไวร์ บรอดแบนด์ ที่จะเป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่มี ซึ่งทั้งหมดยังไม่ตั้งงบลงทุน และการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ
ลุย4อุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ทิศทางการลงทุนทั้งหมดจะอยู่ภายใน 4 อุตสาหกรรมหลักที่กลุ่มอินทัชให้ความสำคัญขณะนี้ คือ โทรคม, มีเดีย, ไอที และ ดิจิทัล คอนเทนท์ ภายใต้เป้าหมายทางธุรกิจสำคัญทั้งหมด 8 ด้าน คือ 3จี 2100 เมกะเฮิรตซ์, การได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียมประเภทที่ 3 จาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำหรับดาวเทียมไทยคม 7 มีแผนจะยิงขึ้นสู่วงโคจรในปี 2557
การสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยด้านธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ โทรคมนาคม และสื่อให้มีโอกาสเติบโตในฐานะเวนเจอร์ แคปปิตอล (Venture Capital), การให้บริการพื้นที่ในการจัดเก็บไฟล์ข้อมูลดิจิทัลในระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง กับลูกค้าองค์กร และบุคคลทั่วไป, การเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิทัล 2 ช่อง คือ ช่องรายการเด็กและครอบครัว และ ช่องวาไรตี้ ซึ่งคาดว่าจะประมูลใบอนุญาตได้ภายในปีนี้ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจ
พร้อมกันนั้น ปีนี้ อินทัช ยังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจอีก 3 ด้าน ได้แก่ การก้าวสู่บริการ 4จี เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการและเทคโนโลยีที่มีมากขึ้นในอนาคต, ธุรกิจดิจิทัล คอนเทนท์ และการให้บริการเครือข่ายบรอดแบนด์ความเร็วสูงแบบมีสาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการให้ครอบคลุมและมีศักยภาพมากขึ้น
ราคาหุ้น INTUCH ปิดตลาดวานนี้ (26 มิ.ย.) เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 2.16% อยู่ที่ 82.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,108.96 ล้านบาท
ส่วนราคาหุ้น THCOM ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 4.76% อยู่ที่ 33.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 346.74 ล้านบาท
ดันไวร์บรอดแบนด์เสริมโมบาย
นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า เอไอเอส กำลังเตรียมความพร้อมเปิดให้บริการ 4จี รวมถึงเปิดให้บริการเครือข่ายบรอดแบนด์ความเร็วสูงมีสาย (Wired Broadband) ซึ่งขณะนี้อยู่ขั้นตอนวิจัยด้านวิศวกรรมและศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ยังบอกกรอบเวลาที่ชัดเจนไม่ได้
ในเบื้องต้นที่ต้องลงทุนเพิ่มคือ เชื่อมไฟเบอร์ออปติคที่มีอยู่บ้างแล้วหลักหมื่นกิโลเมตรสู่ลูกค้าคอนซูเมอร์ ด้านโมเดลธุรกิจยังเปิดกว้างทั้งร่วมกับบริษัทในเครือ รวมทั้งหาคู่ค้าใหม่เข้ามาเสริมแล้วให้บริการร่วมกัน ทุกวันนี้เทคโนโลยีของแต่ละรายไม่ต่างกัน ที่จะเป็นตัวตัดสินคือการส่งมอบบริการสู่ลูกค้า เอไอเอสตั้งเป้าครองอันดับ 1 ตลาดต่อและในระยะยาว
"การเปิดให้บริการ 4จี และไวร์บรอดแบนด์ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจเอไอเอสในอนาคต ทุกครั้งที่มีโอกาสเราจะไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นให้ว่างเปล่า เมื่อ 4จีเปิดประมูลเราก็พร้อมเข้าร่วมเต็มที่" นายวิเชียร กล่าว
อย่างไรก็ดี บริการ 3จี คลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ ของเอไอเอสยังไม่มีคู่แข่งรายใดสู้ได้ อีกทางหนึ่งการที่คู่แข่งออกมาทำกิจกรรมการตลาดช่วยเสริมให้บริษัทโดดเด่นมากขึ้น สำหรับกรณีคลื่น 1800 หวังว่าจะมีประมูลเกิดขึ้นโดยเอไอเอสพร้อมปฏิบัติตามที่ กสทช. กำหนด
สำหรับทิศทางตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบัน ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนเครือข่ายไร้สายเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก้าวสู่โมบายอินเทอร์เน็ตทั้งบนสมาร์ทโฟนและแทบเล็ต เห็นได้จากอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการด้านดาต้าเอไอเอส สิ้นสุดไตรมาส 1 มีจำนวน 12.7 ล้านเลขหมาย เติบโต 4% จากเมื่อสิ้นปี 2555 ที่มี 12.2 ล้านเลขหมาย
ราคาหุ้น ADVACE ปิดตลาดวานนี้ (26 มิ.ย.) เพิ่มขึ้น 13.00 บาท หรือ 4.94% อยู่ที่ 276.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,366.45 ล้านบาท
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130627/513762/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%
99%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%8A-%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1-
%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-
%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2-4-
%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%
E0%B8%B1%E0%B8%81.html
ไม่มีความคิดเห็น: