19 กันยายน 2556 เจมาร์ท บุกพม่า(ถือหุ้นโดยเจมาร์ท40% กลุ่มสหพัฒน์ 20% บริษัท เอ็ม เค กรุ๊ปฯรวมแม่(พม่า) 40%) ลุยเปิดช็อปแล้ว 3 แห่งสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 20 แห่ง

ประเด็นหลัก


 เหตุผลที่ลงทุนในประเทศเมียนมาร์ เนื่องจากประเทศเวียดนาม มีอัตราผู้ใช้บริการต่อจำนวนประชากร 140% ขณะที่ประเทศไทย มีอัตราผู้ใช้บริการต่อจำนวนประชากร 130% ขณะที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ ประเทศกัมพูชา อยู่ที่ 90% ส่วนประเทศเมียนมาร์ อัตราจำนวนผู้ใช้บริการต่อจำนวนประชากรมีเพียง 5% จากจำนวนประชากร 60 ล้านคน มีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพียง 4 ล้านเลขหมายเท่านั้น
    "ขณะนี้เราได้เปิดร้านเจมาร์ท ช็อปไปแล้วจำนวน 3 สาขา ภายในสิ้นปีจะเปิดให้ได้ทั้งหมด 20 สาขาโดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 150 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ตั้งเป้าไว้ว่าเป็นผู้นำค้าปลีกมือถือในประเทศเมียนมาร์"
    สำหรับการเข้าไปลงทุนเมียนมาร์ในช่วงแรกจะเข้าไปเปลี่ยนช็อปของ เอ็ม เค กรุ๊ป เป็น เจมาร์ท ช็อป จำนวน 4 แห่ง และเปิดสาขาเพิ่มอีก 16 แห่ง ในปีนี้ โดยเป้าหมายในเบื้องต้นจะเปิดเฉพาะในเมืองย่างกุ้ง จากนั้นจะดูพื้นที่อื่นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเนย์ปิตอว์ และเมืองอื่นๆ
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการดำเนินธุรกิจในไทยนั้นบริษัทตั้งเป้าหมายมียอดขายโทรศัพท์มือถือไว้ที่ 1.5 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นสมาร์ทโฟน 64% แท็บเลต 26% และฟีเจอร์โฟน 10% และคาดว่าสัดส่วนฟีเจอร์โฟนจะลงต่ำกว่า 10% ภายใน 2 ปี
    นายอดิศักดิ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าภายในสิ้นปีจะขยายช็อปเจมาร์ท ให้ได้จำนวน 250 ช็อป ขณะนี้เตรียมความพร้อมในการให้บริการ3G ภายใน เจมาร์ท ช็อป ทุกแห่ง โดยการให้บริการย้ายระบบจากที่ใช้ 2G มาเป็น 3G (Migration) ลูกค้าสามารถแจ้งย้ายระบบภายในช็อปได้เลย ตั้งเป้าหมายย้ายลูกค้าจาก2G มาเป็น 3G ได้ 6 ล้านเลขหมาย ได้ภายในปี 2557"

______________________________________




'อดิศักดิ์'ลุยเชนมือถือเมียนมาร์

 เอกซเรย์เชนสโตร์มือถือเมืองไทยปักธงตลาดเมียนมาร์  "เจมาร์ท" เผยอัตราการเติบโตการใช้งานมือถือมีเพียง 5% เท่านั้น  ตั้งโฮลดิ้งคัมปะนีด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ลุยเปิดช็อปแล้ว 3 แห่งสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 20 แห่ง

    นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน)  หรือ เจมาร์ท เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เจมาร์ท โฮลดิ้งส์ จำกัด เรียบร้อยแล้วมีทุนจดทะเบียนในเบื้องต้น 1  ล้านบาท โดย เจมาร์ท ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% บริษัทย่อยแห่งใหม่นี้จะเข้าไปถือหุ้นในบริษัท  J&P Thailand ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย ขณะนี้กำลังดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทดังกล่าวอยู่
    สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท J&P Thailand ประกอบด้วย บริษัท เจมาร์ท โฮลดิ้งฯ สัดส่วน 40% กลุ่มสหพัฒน์ 20% บริษัท เอ็ม เค กรุ๊ปฯ ซึ่งเป็นบริษัทท้องถิ่น ในประเทศเมียนมาร์ 30% และบริษัท เอสไอเอสฯ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ของเอ็ม เค กรุ๊ป สัดส่วน 10% โดยบริษัท J&P Thailand จะเป็นบริษัทที่ปล่อยสินเชื่อให้บริษัทที่บริหารเจมาร์ท ช็อป ในประเทศเมียนมาร์
    เหตุผลที่ลงทุนในประเทศเมียนมาร์ เนื่องจากประเทศเวียดนาม มีอัตราผู้ใช้บริการต่อจำนวนประชากร 140% ขณะที่ประเทศไทย มีอัตราผู้ใช้บริการต่อจำนวนประชากร 130% ขณะที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ ประเทศกัมพูชา อยู่ที่ 90% ส่วนประเทศเมียนมาร์ อัตราจำนวนผู้ใช้บริการต่อจำนวนประชากรมีเพียง 5% จากจำนวนประชากร 60 ล้านคน มีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพียง 4 ล้านเลขหมายเท่านั้น
    "ขณะนี้เราได้เปิดร้านเจมาร์ท ช็อปไปแล้วจำนวน 3 สาขา ภายในสิ้นปีจะเปิดให้ได้ทั้งหมด 20 สาขาโดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 150 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ตั้งเป้าไว้ว่าเป็นผู้นำค้าปลีกมือถือในประเทศเมียนมาร์"
    สำหรับการเข้าไปลงทุนเมียนมาร์ในช่วงแรกจะเข้าไปเปลี่ยนช็อปของ เอ็ม เค กรุ๊ป เป็น เจมาร์ท ช็อป จำนวน 4 แห่ง และเปิดสาขาเพิ่มอีก 16 แห่ง ในปีนี้ โดยเป้าหมายในเบื้องต้นจะเปิดเฉพาะในเมืองย่างกุ้ง จากนั้นจะดูพื้นที่อื่นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเนย์ปิตอว์ และเมืองอื่นๆ
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการดำเนินธุรกิจในไทยนั้นบริษัทตั้งเป้าหมายมียอดขายโทรศัพท์มือถือไว้ที่ 1.5 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นสมาร์ทโฟน 64% แท็บเลต 26% และฟีเจอร์โฟน 10% และคาดว่าสัดส่วนฟีเจอร์โฟนจะลงต่ำกว่า 10% ภายใน 2 ปี
    นายอดิศักดิ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าภายในสิ้นปีจะขยายช็อปเจมาร์ท ให้ได้จำนวน 250 ช็อป ขณะนี้เตรียมความพร้อมในการให้บริการ3G ภายใน เจมาร์ท ช็อป ทุกแห่ง โดยการให้บริการย้ายระบบจากที่ใช้ 2G มาเป็น 3G (Migration) ลูกค้าสามารถแจ้งย้ายระบบภายในช็อปได้เลย ตั้งเป้าหมายย้ายลูกค้าจาก2G มาเป็น 3G ได้ 6 ล้านเลขหมาย ได้ภายในปี 2557"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=199301:2013-09-17-08-47-
43&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491