05 พฤศจิกายน 2556 APP เรียกแท็กซี่บุกไทย!!! Grab Taxi (มาเลเซีย) กับมือทุนไทย ร่วมทุนและจัดตั้งบริษัทดังกล่าวโดยมีทุนจดทะเบียน 15 ล้านบาท (มั่นใจเรื่องความปลอดภัย)
ประเด็นหลัก
***ตั้งบริษัทร่วมทุน
นายปัญญา วอนเผื่อน ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทย ของ บริษัท แกร็บแท็กซี่ ประเทศไทย จำกัด บอกกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ผู้ก่อตั้งคือ นายแอนโทนี่ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชัน "Grab Taxi" กับ นางสาวจุฑาศรี คูวินิชกุล กรรมการผู้จัดการ ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกัน Harvard Business School หลังจากผู้พัฒนาแอพพลิเคชันมาเที่ยวประเทศไทยต้องการเข้ามาร่วมลงทุนเพื่อขยายแอพพลิเคชัน "Grab Taxi" หลังจากนั้นก็ตัดสินใจร่วมทุนและจัดตั้งบริษัทดังกล่าวโดยมีทุนจดทะเบียน 15 ล้านบาท
สำหรับ Grab Taxi ในประเทศมาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ นั้นมียอดการดาวน์โหลด 4 แสนครั้ง และ เป็นแอพแรกที่มีระบบ Track My Ride คือ ระบบการแชร์ข้อมูลการเดินทางเพื่อความปลอดภัย
______________________________________
ตลาดแอพบูม 'Grab Taxi'มาเลเซียบุกไทย
ถึงตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า แอพพลิเคชัน กำลังเป็นธุรกิจดาวรุ่งดวงใหม่ไปเสียแล้ว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน "แอพติ๊กเกอร์" ที่บรรดาเหล่าศิลปินดารานำมาโพสต์ลงใน IG โด่งดังเพียงข้ามคืนเลยทีเดียว ว่ากันว่าตอนนี้ตลาดแอพพลิเคชันมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท
alt แม้ตอนนี้ในประเทศไทยบรรดาเด็กยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กพยายามใช้ช่องทางของยูทูบ ในการสื่อสารเข้าถึงบุคคลมีหลายคนดังชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว และ มีหลายคนกำลังมีความคิดและความใฝ่ฝันเป็น"มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก" ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก
อย่างไรก็ตามในขณะนี้แอพพลิเคชันสัญชาติมาเลเซียได้เข้ามาเริ่มทดลองเปิดตลาดในประเทศไทยแล้ว โดยแอพพลิเคชันนี้กำลังถูกกล่าวถึงนั้นคือ "Grab Taxi" ที่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว
***ตั้งบริษัทร่วมทุน
นายปัญญา วอนเผื่อน ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทย ของ บริษัท แกร็บแท็กซี่ ประเทศไทย จำกัด บอกกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ผู้ก่อตั้งคือ นายแอนโทนี่ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชัน "Grab Taxi" กับ นางสาวจุฑาศรี คูวินิชกุล กรรมการผู้จัดการ ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกัน Harvard Business School หลังจากผู้พัฒนาแอพพลิเคชันมาเที่ยวประเทศไทยต้องการเข้ามาร่วมลงทุนเพื่อขยายแอพพลิเคชัน "Grab Taxi" หลังจากนั้นก็ตัดสินใจร่วมทุนและจัดตั้งบริษัทดังกล่าวโดยมีทุนจดทะเบียน 15 ล้านบาท
สำหรับ Grab Taxi ในประเทศมาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ นั้นมียอดการดาวน์โหลด 4 แสนครั้ง และ เป็นแอพแรกที่มีระบบ Track My Ride คือ ระบบการแชร์ข้อมูลการเดินทางเพื่อความปลอดภัย
*** เริ่มเปิดแอพทดลอง
อย่างไรก็ตาม นายปัญญา บอกต่ออีกว่า สำหรับ "GRAB TAXI" ขณะนี้ในเบื้องต้นได้เปิดให้ทดลองใช้งานแล้วเป็นระยะเวลา 2 เดือน และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้หรืออย่างช้าต้นเดือนธันวาคม 2556 โดยจะเชิญนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในการเปิดตัว "Grab Taxi"
สำหรับในเบื้องต้นขณะนี้มีพนักงานขับรถแท็กซี่ยื่นขอจดทะเบียนในแต่ละวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบสมาร์ทโฟน ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3 ราคาประมาณ 2 พันบาทก็สามารถดาวน์โหลดแอพไปทดลองใช้งาน
alt***ยังไม่สรุปโมเดลส่วนแบ่ง
สำหรับเรื่องของส่วนแบ่งรายได้นั้นมีด้วยกัน 2 ส่วน คือ ส่วนแรกหักรายได้จากพนักงานขับรถ และ ส่วนที่ 2 หักรายได้จากผู้โดยสาร ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้สรุปรูปแบบอย่างเป็นทางการ
"แต่เป้าหมายของ Grab Taxi นั้นต้องการให้พนักงานขับรถแท็กซี่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ซึ่งเรามีแผนอยากช่วยเหลือสังคมเพราะคุณแอนโทนี่ ผู้ก่อตั้งเป็นครอบครัวคนขับรถแท็กซี่"
นอกจากนี้นายปัญญา ยังบอกต่ออีกว่า ขณะนี้ได้มีการติดต่อเพื่อขยายการให้บริการไปยังปั๊ม เอ็นจีวี ของ ปตท. (บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)) , ห้างเซ็นทรัลพระราม 3 , สนามบินสุวรรณภูมิ และ สนามบินดอนเมือง เป็นต้น
** การันตีความปลอดภัย ให้พลขับลงทะเบียน
ในเรื่องของความปลอดภัยนั้น ปัญญา บอกว่า พนักงานขับรถแท็กซี่ที่มีความสนใจเข้า นำหลักฐาน อาทิ รูปภาพ บัตรประชาชน มาลงทะเบียนรวมถึงการจดเลขทะเบียนรถทุกครั้ง ซึ่งหลังจากมีผู้โดยสารเรียกจะมีการบันทึกไว้ในระบบทุกครั้ง
"เมื่อผู้โดยสารสำรองแท็กซี่ได้แล้วเครื่องก็จะปรากฏรายละเอียดประวัติคนขับ ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ และ ทะเบียนรถ ซึ่งผู้โดยสารสามารถแชร์ข้อมูลให้กับครอบครัวและเพื่อนสนิทได้ เพื่อสร้างความปลอดภัย"
*** ต้องการให้บริการเป็น Land of Smile
นายปัญญา ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับเป้าหมายของ Grab Taxi นั้นต้องการเป็นแอพพลิเคชันแท็กซี่ที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยในประเทศมาเลเซีย บริการ Grab Taxi ได้รับความปลอดภัยมากที่สุด และ การให้บริการ Grab Taxi ไม่ได้จำกัดเฉพาะประเทศไทยเท่านั้นแต่สามารถเรียกใช้งานได้เมื่ออยู่ในประเทศมาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์
"ส่วนในประเทศไทยนั้นเราอยากเป็นบริษัทที่ช่วยเหลือแท็กซี่ให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนผู้โดยสารนั้นต้องการความปลอดภัยและต้องการบริการของแท็กซี่ถูกกล่าวขานว่าเป็นบริการ Land Of Smile"
แม้ช่วงแรกที่เปิดให้ทดลองอาจจะมีปัญหาทางด้านเทคนิคบ้าง ติดต่อไปแล้วไม่มารับ โดยเฉพาะช่วงฝนตกนั้น แท็กซี่ จะปฏิเสธผู้โดยสารมาตลอด และ ที่สำคัญการติดต่อผ่านทาง Grab Taxi ยืนยันการเรียกรถภายใน 1 นาทีเท่านั้น
หลังจากนี้ต้องพิสูจน์กันต่อไปว่าแอพ "Grab Taxi" จะได้รับการตอบรับจากผู้โดยสารหรือไม่น่าสนใจ เพราะในโลกยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้นใช้การติดต่อสื่อสารผ่านมือถือสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว แต่ปัญหาเรื่องความปลอดภัยแม้จะมีการการันตีก็ตามจะทำได้จริงหรือไม่
สุดท้ายศูนย์บริการแท็กซี่ต่าง ๆ จะปรับตัวหรือไม่เพราะเรื่องของเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ไปแล้ว !!!
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=204722:-grab-taxi&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491
ไม่มีความคิดเห็น: