Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

05 พฤศจิกายน 2556 BlackBerry ประกาศยุติการขายกิจการพร้อมถอนตัวจากธุรกิจจำหน่ายสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการ (เน้นการให้บริการด้านงานบริการและซอฟต์แวร์ ไม่เน้นขายมือถือ)


ประเด็นหลัก


   กลายเป็นเป้าที่ถูกพูดถึงในแง่ลบยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับแบล็กเบอร์รี (BlackBerry) อดีตสมาร์ทโฟนยอดนิยมที่ไม่สามารถขายกิจการได้ตามที่หวังไว้ ล่าสุดซีอีโอรักษาการออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะกู้จุดยืนแบล็กเบอร์รีให้ได้ด้วยความแข็งแกร่งด้านงานบริการและซอฟต์แวร์ ไม่ใช่อุปกรณ์ ทำให้โลกจับตามองว่าแบล็กเบอร์รีกำลังจะถอนตัวจากธุรกิจจำหน่ายสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการ
   
       คำกล่าวถึงยุทธศาสตร์ใหม่แบล็กเบอร์รีนั้นเกิดขึ้นพร้อมกับการประกาศยุติกระบวนการเฟ้นหาผู้ซื้อกิจการ โดยก่อนหน้านี้กลุ่มทุนแฟร์แฟกซ์ (Fairfax Financial) ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือของแบล็กเบอร์รีทั้งหมดและแปรเปลี่ยนเป็นบริษัทเอกชนด้วยเงิน 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ผลจากการยื่นข้อเสนอทำให้แบล็กเบอร์รีขีดเส้น 4 พฤศจิกายนขึ้นมาเพื่อเป็นกรอบเวลาว่าหากไม่มีผู้ใดให้ข้อเสนอที่ดีกว่าแฟร์แฟกซ์จะสามารถซื้อกิจการแบล็กเบอร์รีไปตามข้อเสนอที่ยื่นมา ปรากฏว่าไม่เพียงไร้ข้อเสนอจากกลุ่มทุนอื่นเพิ่มเติม แฟร์แฟกซ์ยังเปลี่ยนใจไม่ซื้อกิจการแบล็กเบอร์รีตามที่เสนอด้วย โดยปรับเปลี่ยนจากการเทเงิน 4.7 พันล้านเหรียญเพื่อซื้อหุ้นทั้งหมด มาเป็นการซื้อหุ้นบางส่วนด้วยมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
   

       แถลงการณ์ของแบล็กเบอร์รีสะท้อนว่า ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นคือกลุ่มแฟร์แฟกซ์จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแบล็กเบอร์รีด้วยสัดส่วน 10% โดยแบล็กเบอร์รีจะยังเป็นบริษัทเอกชนต่อไปและไม่มีการขายกิจการใดๆ ทั้งสิ้น
   

อย่างไรก็ดี การประกาศยกเลิกแผนขายธุรกิจไม่ได้เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้บริโภค หุ้นของแบล็กเบอร์รีในวันจันทร์ (4 พฤศจิกายน 2556) ลดต่ำลง 16.4% มาอยู่ที่ 6.49 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ซึ่งเป็นมูลค่าต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน






______________________________________



"แบล็คเบอร์รี่" ปลดป้ายขายกิจการ เดินหน้าเพิ่มทุนพยุงธุรกิจ



“แบล็กเบอร์รี” ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติแคนาดา ประกาศปลดป้ายขายกิจการ ระบุจะยังคงเป็นบริษัทมหาชนต่อไป พร้อมแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุดคนใหม่และเพิ่มทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ผู้บริหารของแบล็กเบอร์รีกล่าวว่า การเพิ่มทุนเป็นหนทางในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบล็กเบอร์รีในเวลาที่บริษัทกำลังเริ่มดำเนินยุทธศาสตร์ใหม่ “สิ่งหนึ่งที่เป็นผลเสียต่อบริษัทคือมีการขึ้นป้ายขายกิจการ เวลานี้ป้ายถูกปลดลงแล้ว เรามีเงินทุนพร้อมสำหรับระยะยาว” นายเพรม วัตซา ประธานบริษัท แฟร์แฟ็กซ์ ไฟแนนเชียล โฮลดิงส์ จำกัด ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแบล็กเบอร์รีกล่าว

อย่างไรก็ดี การประกาศยกเลิกแผนขายธุรกิจไม่ได้เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้บริโภค หุ้นของแบล็กเบอร์รีในวันจันทร์ (4 พฤศจิกายน 2556) ลดต่ำลง 16.4% มาอยู่ที่ 6.49 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ซึ่งเป็นมูลค่าต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน

นอกจากนี้ แบล็กเบอร์รียังปรับเปลี่ยนตัวประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยนายจอห์น เฉิน อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทซอฟต์แวร์ ไซเบส (Sybase) จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งรักษาการณ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบล็กเบอร์รี แทนที่นายธอร์สเทน ไฮน์ส ที่อยู่ในตำแหน่งมาเป็นเวลาร่วม 2 ปี

นายเฉินกล่าวว่า แบล็กเบอร์รียังไม่มีแผนทิ้งธุรกิจโทรศัพท์มือถือ และเชื่อว่าบริษัทจะใช้เวลาฟื้นตัวอย่างน้อย 6 ไตรมาส ทั้งนี้นายเฉินส่งสัญญาณว่าแบล็กเบอร์รีมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจบริการสำหรับภาคธุรกิจ

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=205563:qq--&catid=177:2009-06-25-09-27-16&Itemid=525

_______________________________________


แบล็คเบอร์รี่เลิกแผนขายกิจการ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

แบล็คเบอร์รี่ประกาศยกเลิกแผนขายกิจการ ด้านหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารเตรียมอำลาตำแหน่ง ส่งผลให้หุ้นร่วงลง 16%



แบล็คเบอร์รี่ แถลงล้มเลิกแผนการขายกิจการ โดยเลือกที่จะออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม อันมีแฟร์แฟ็กซ์ ไฟแนนเชียล โฮลดิ้งส์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปัจจุบัน ภายหลังการทบทวนกลยุทธ์องค์กรเป็นเวลา 2 เดือนและพูดคุยเจรจากับกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งมีทั้งเฟซบุ๊ค เลอโนโว และธุรกิจบริหารกองทุนส่วนบุคคล เซอเบอรัส แคปปิตัล แมแนจเม้นท์

แฟร์แฟ็กซ์เป็นผู้เสนอตัวเข้าซื้อกิจการบีบีอย่างเป็นทางการเพียงรายเดียว ด้วยมูลค่า 4,700 ล้านดอลลาร์ แต่มีรายงานว่าผู้บริหารแฟร์แฟ็กซ์ "นายเปรม วัตซา" ประสบปัญหากับการระดมเงินจำนวนดังกล่าว

แผนเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพของแบล็คเบอร์รีครั้งนี้มีกำหนดเวลา 7 ปี ที่สามารถใช้สิทธิแปลงสภาพในราคาหุ้นละ 10 ดอลลาร์ และจะทำให้จำนวนหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 20% โดยสิทธิบางประการของหุ้นกู้จำนวนนี้มีเหนือหุ้นสามัญทั่วไป ส่งผลให้แฟร์แฟ็กซ์กลายเป็นผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิมีเสียงในกิจการผลิตสมาร์ทโฟนที่เคยรุ่งเรืองแห่งนี้

หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ ธอร์สเท่น ไฮน์ส ประกาศก้าวลงจา"แบล็คเบอร์รี่" ปลดป้ายขายกิจการ เดินหน้าเพิ่มทุนพยุงธุรกิจ

“แบล็กเบอร์รี” ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติแคนาดา ประกาศปลดป้ายขายกิจการ ระบุจะยังคงเป็นบริษัทมหาชนต่อไป พร้อมแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุดคนใหม่และเพิ่มทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ผู้บริหารของแบล็กเบอร์รีกล่าวว่า การเพิ่มทุนเป็นหนทางในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบล็กเบอร์รีในเวลาที่บริษัทกำลังเริ่มดำเนินยุทธศาสตร์ใหม่ “สิ่งหนึ่งที่เป็นผลเสียต่อบริษัทคือมีการขึ้นป้ายขายกิจการ เวลานี้ป้ายถูกปลดลงแล้ว เรามีเงินทุนพร้อมสำหรับระยะยาว” นายเพรม วัตซา ประธานบริษัท แฟร์แฟ็กซ์ ไฟแนนเชียล โฮลดิงส์ จำกัด ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแบล็กเบอร์รีกล่าว

อย่างไรก็ดี การประกาศยกเลิกแผนขายธุรกิจไม่ได้เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้บริโภค หุ้นของแบล็กเบอร์รีในวันจันทร์ (4 พฤศจิกายน 2556) ลดต่ำลง 16.4% มาอยู่ที่ 6.49 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ซึ่งเป็นมูลค่าต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน

นอกจากนี้ แบล็กเบอร์รียังปรับเปลี่ยนตัวประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยนายจอห์น เฉิน อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทซอฟต์แวร์ ไซเบส (Sybase) จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งรักษาการณ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบล็กเบอร์รี แทนที่นายธอร์สเทน ไฮน์ส ที่อยู่ในตำแหน่งมาเป็นเวลาร่วม 2 ปี

นายเฉินกล่าวว่า แบล็กเบอร์รียังไม่มีแผนทิ้งธุรกิจโทรศัพท์มือถือ และเชื่อว่าบริษัทจะใช้เวลาฟื้นตัวอย่างน้อย 6 ไตรมาส ทั้งนี้นายเฉินส่งสัญญาณว่าแบล็กเบอร์รีมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจบริการสำหรับภาคธุรกิจ

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=205563:qq--&catid=177:2009-06-25-09-27-16&Itemid=525

_______________________________________


แบล็คเบอร์รี่เลิกแผนขายกิจการ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

แบล็คเบอร์รี่ประกาศยกเลิกแผนขายกิจการ ด้านหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารเตรียมอำลาตำแหน่ง ส่งผลให้หุ้นร่วงลง 16%



แบล็คเบอร์รี่ แถลงล้มเลิกแผนการขายกิจการ โดยเลือกที่จะออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม อันมีแฟร์แฟ็กซ์ ไฟแนนเชียล โฮลดิ้งส์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปัจจุบัน ภายหลังการทบทวนกลยุทธ์องค์กรเป็นเวลา 2 เดือนและพูดคุยเจรจากับกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งมีทั้งเฟซบุ๊ค เลอโนโว และธุรกิจบริหารกองทุนส่วนบุคคล เซอเบอรัส แคปปิตัล แมแนจเม้นท์

แฟร์แฟ็กซ์เป็นผู้เสนอตัวเข้าซื้อกิจการบีบีอย่างเป็นทางการเพียงรายเดียว ด้วยมูลค่า 4,700 ล้านดอลลาร์ แต่มีรายงานว่าผู้บริหารแฟร์แฟ็กซ์ "นายเปรม วัตซา" ประสบปัญหากับการระดมเงินจำนวนดังกล่าว

แผนเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพของแบล็คเบอร์รีครั้งนี้มีกำหนดเวลา 7 ปี ที่สามารถใช้สิทธิแปลงสภาพในราคาหุ้นละ 10 ดอลลาร์ และจะทำให้จำนวนหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 20% โดยสิทธิบางประการของหุ้นกู้จำนวนนี้มีเหนือหุ้นสามัญทั่วไป ส่งผลให้แฟร์แฟ็กซ์กลายเป็นผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิมีเสียงในกิจการผลิตสมาร์ทโฟนที่เคยรุ่งเรืองแห่งนี้

หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ ธอร์สเท่น ไฮน์ส ประกาศก้าวลงจากตำแหน่งภายใน 2 สัปดาห์ภายหลังการเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ โดยแบล็คเบอร์รีประกาศตั้งนายจอห์น เฉิน รักษาการแทน โดยนายเฉินมีประวัติการพลิกฟื้นกิจการผลิตซอฟต์แวร์องค์กร "ไซเบส" ได้เป็นผลสำเร็จในช่วงปลายทศวรรษปี 2533

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นแบล็คเบอร์รีดิ่งลงถึง 16% ปิดตลาดที่หุ้นละ 6.50 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดตามราคาหุ้นของกิจการลดเหลือ 3,380 ล้านดอลลาร์ จากจุดสูงสุดที่เคยมีมูลค่าถึง 80,000 ล้านดอลลาร์


กตำแหน่งภายใน 2 สัปดาห์ภายหลังการเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ โดยแบล็คเบอร์รีประกาศตั้งนายจอห์น เฉิน รักษาการแทน โดยนายเฉินมีประวัติการพลิกฟื้นกิจการผลิตซอฟต์แวร์องค์กร "ไซเบส" ได้เป็นผลสำเร็จในช่วงปลายทศวรรษปี 2533

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นแบล็คเบอร์รีดิ่งลงถึง 16% ปิดตลาดที่หุ้นละ 6.50 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดตามราคาหุ้นของกิจการลดเหลือ 3,380 ล้านดอลลาร์ จากจุดสูงสุดที่เคยมีมูลค่าถึง 80,000 ล้านดอลลาร์


http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20131105/540911/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B9%
87%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%
B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%82%
E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.html



____________________________________


ประธานใหม่ยืนยัน BlackBerry ต้องเน้นบริการ-ซอฟต์แวร์ ไม่ใช่ขายเครื่อง




แฟ้มภาพงานเปิดตัว BlackBerry Z10 ของทอร์สเทน ไฮนส์ (Thorsten Heins) อดีตซีอีโอบริษัท Research in Motion ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น BlackBerry ในภายหลัง ล่าสุดไฮนส์โบกมือลาตำแหน่งซีอีโอบริษัทแล้ว ขณะที่จอห์น เฉิน (John Chen) ถูกแต่งตั้งเป็นประธานบริษัทกรรมการบริหารคนใหม่ และรักษาการณ์ซีอีโอ

       กลายเป็นเป้าที่ถูกพูดถึงในแง่ลบยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับแบล็กเบอร์รี (BlackBerry) อดีตสมาร์ทโฟนยอดนิยมที่ไม่สามารถขายกิจการได้ตามที่หวังไว้ ล่าสุดซีอีโอรักษาการออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะกู้จุดยืนแบล็กเบอร์รีให้ได้ด้วยความแข็งแกร่งด้านงานบริการและซอฟต์แวร์ ไม่ใช่อุปกรณ์ ทำให้โลกจับตามองว่าแบล็กเบอร์รีกำลังจะถอนตัวจากธุรกิจจำหน่ายสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการ
     
       คำกล่าวถึงยุทธศาสตร์ใหม่แบล็กเบอร์รีนั้นเกิดขึ้นพร้อมกับการประกาศยุติกระบวนการเฟ้นหาผู้ซื้อกิจการ โดยก่อนหน้านี้กลุ่มทุนแฟร์แฟกซ์ (Fairfax Financial) ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือของแบล็กเบอร์รีทั้งหมดและแปรเปลี่ยนเป็นบริษัทเอกชนด้วยเงิน 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ผลจากการยื่นข้อเสนอทำให้แบล็กเบอร์รีขีดเส้น 4 พฤศจิกายนขึ้นมาเพื่อเป็นกรอบเวลาว่าหากไม่มีผู้ใดให้ข้อเสนอที่ดีกว่าแฟร์แฟกซ์จะสามารถซื้อกิจการแบล็กเบอร์รีไปตามข้อเสนอที่ยื่นมา ปรากฏว่าไม่เพียงไร้ข้อเสนอจากกลุ่มทุนอื่นเพิ่มเติม แฟร์แฟกซ์ยังเปลี่ยนใจไม่ซื้อกิจการแบล็กเบอร์รีตามที่เสนอด้วย โดยปรับเปลี่ยนจากการเทเงิน 4.7 พันล้านเหรียญเพื่อซื้อหุ้นทั้งหมด มาเป็นการซื้อหุ้นบางส่วนด้วยมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
     
       แถลงการณ์ของแบล็กเบอร์รีสะท้อนว่า ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นคือกลุ่มแฟร์แฟกซ์จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแบล็กเบอร์รีด้วยสัดส่วน 10% โดยแบล็กเบอร์รีจะยังเป็นบริษัทเอกชนต่อไปและไม่มีการขายกิจการใดๆ ทั้งสิ้น
     
       นอกจากนี้ ซีอีโอแบล็กเบอร์รี “ทอร์สเทน ไฮนส์” จะลงจากตำแหน่งเพื่อหลีกทางให้จอห์น เฉิน ประธานกรรมการบริหารแบล็กเบอร์รีคนใหม่ซึ่งรับหน้าที่รักษาการซีอีโอ ได้สรรหาซีอีโอคนใหม่ขึ้นมาแทนที่ โดยเฉินให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวเอพีว่า พนักงานแบล็กเบอร์รีทุกคนจะต้องมองบริษัทในมุมใหม่ และต้องยอมรับว่าแบล็กเบอร์รีเป็นบริษัทให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับโทรศัพท์ ไม่ใช่บริษัทโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
     
       เฉินมีดีกรีเป็นอดีตซีอีโอบริษัทซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลชื่อดังอย่างไซเบส (Sybase) จุดนี้ทำให้ไม่น่าประหลาดใจเมื่อเฉินยืนยันว่าจะเฟ้นหาซีอีโอแบล็กเบอร์รีคนใหม่ที่มีประวัติการทำงานเชี่ยวชาญด้านธุรกิจบริการและซอฟต์แวร์เป็นหลัก
     
       เฉินยกตัวอย่างแอปพลิเคชันแบล็กเบอร์รี เมสเซนเจอร์ (BlackBerry Messenger) แอปพลิเคชันรับส่งข้อความแชตยอดฮิตจากแบล็กเบอร์รีบนอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) และแอนดรอยด์ (Android) ซึ่งมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 20 ล้านครั้งในเวลาเพียง 10 วัน ความสำเร็จของบริการรับส่งข้อความทันใจนี้ทำให้แบล็กเบอร์รีมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถต่อยอดธุรกิจในอนาคตได้
     
       ยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมากกว่า 20 ล้านครั้งนี้ไม่ธรรมดา เมื่อมองว่าผู้ใช้แบล็กเบอร์รีในปัจจุบันมีอยู่ไม่มากนัก ที่ผ่านมา BlackBerry Messenger หรือ BBM เป็นบริการรับส่งข้อความที่ผู้ใช้ไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่มเติม (จากค่าบริการอินเทอร์เน็ต) และเป็นฟีเจอร์ยอดนิยมที่สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์แบล็กเบอร์รีเท่านั้น แต่การที่แบล็กเบอร์รีเปลี่ยนแปลงให้ BBM สามารถทำงานบนสมาร์ทโฟนคู่แข่งได้ด้วยการสร้างแอปพลิเคชันสำหรับแอนดรอยด์และไอโอเอส ทำให้ตัวเลขผู้ใช้งาน BBM ในขณะนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 80 ล้านรายแล้ว ซึ่งซีอีโอใหม่แบล็กเบอร์รีจะต้องหาทางทำเงินจากผู้ใช้กลุ่มนี้ให้ได้
     
       อย่างไรก็ตาม คอลิน กิลลิส (Colin Gillis) นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมของบริษัทวิจัยบีจีซี ไฟแนนเชียล (BGC Financial) มองว่าแนวคิดนี้อาจเป็นไปได้ยาก โดยเปรียบเทียบว่าคำพูดของเฉินนั้นเหมือนกับการที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนฮิตอย่างแอปเปิล (Apple) กำลังออกมาประกาศหยุดผลิตโทรศัพท์ เพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นบริษัทให้บริการรับส่งข้อความแชตเท่านั้น หรือ iMessage company ซึ่งมองแล้วถือว่ามีทางต่อยอดธุรกิจได้ยากมาก
     
       ทั้งหมดนี้แบล็กเบอร์รีปฏิเสธไม่เปิดเผยยอดผู้ใช้อุปกรณ์แบล็กเบอร์รีอย่างเป็นทางการ โดยโฆษกแบล็กเบอร์รีใช้คำว่ายอดผู้ใช้นั้นไม่มีผลสะท้อนภาพธุรกิจของแบล็กเบอร์รีในวันนี้


ทอร์สเทน ไฮนส์ (Thorsten Heins)

       อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ว่าฐานผู้ใช้อุปกรณ์แบล็กเบอร์รีทั่วโลกในวันนี้มีประมาณ 72 ล้านราย โดยนักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือ 65 ล้านคนช่วงเดือนสิงหาคม 2013 ที่ผ่านมา ถือเป็นการลดลงจากช่วงพีกราวสิงหาคม 2012 ที่แบล็กเบอร์รีเคยโกยยอดผู้ใช้มากที่สุด 80 ล้านคน ซึ่งเมื่อเทียบกับผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนอย่างซัมซุง (Samsung Electronics Co.) จะพบว่าตัวเลขผู้ใช้ทั่วโลกของแบล็กเบอร์รีนั้นน้อยมาก เพราะข้อมูลจากบริษัทวิจัยตอกย้ำชัดเจนว่าซัมซุงสามารถจัดส่งสมาร์ทโฟน 81 ล้านเครื่องเฉพาะช่วงเวลาไตรมาส 3 ที่ผ่านมา (กรกฎาคม-กันยายน)
     
       ที่สำคัญ นักวิเคราะห์มองว่าการเลิกจำหน่ายสมาร์ทโฟนบีบีในท้องตลาดอาจไม่ใช่เรื่องดี เนื่องจากฐานผู้ใช้แบล็กเบอรีหลายล้านคนทั่วโลกสะท้อนว่ายังมีผู้ที่ไม่กังวลว่าบีบีที่ตัวเองถืออยู่คืออุปกรณ์ที่ล้าสมัย ซึ่งการบอกลาตลาดสมาร์ทโฟนอาจเป็นการดับไฟส่องทางของแบล็กเบอร์รีเอง
     
       การเสื่อมมนต์ขลังของแบล็กเบอร์รีนั้นเริ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยปี 1999 สมาร์ทโฟนบีบีกลายเป็นสุดยอดอุปกรณ์ที่ทำให้นักธุรกิจสามารถรับส่งอีเมลขณะเดินทางได้อย่างรวดเร็ว ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ถึงกับพกพาแบล็กเบอร์รีไม่ห่างตัว เช่นเดียวกับพิธีกรผู้ทรงอิทธิพลของคนอเมริกันอย่างโอปราห์ วินฟรีย์ ที่ยกให้แบล็กเบอร์รีเป็นหนึ่งอุปกรณ์ในดวงใจ
     
       แต่เมื่อแอปเปิลเปิดตัวไอโฟนรุ่นแรกในปี 2007 พร้อมกับแสดงความสามารถว่าสมาร์ทโฟนสามารถทำงานอย่างอื่นได้นอกเหนือจากอีเมลและโทรศัพท์ ตั้งแต่นั้นมาแบล็กเบอร์รีก็สูญเสียตำแหน่งแชมป์และล้มลุกคลุกคลานกับการแข่งขันสุดดุเดือดระหว่างตัวเองกับแอปเปิล รวมถึงนานาค่ายมือถือที่พัฒนาอุปกรณ์แอนดรอยด์สู่ตลาด ซึ่งล่าสุดแบล็กเบอร์รีต้องลดค่าใช้จ่ายให้ตัวเองด้วยการเลิกจ้างพนักงานมากกว่า 4,500 ตำแหน่งทั่วโลก หรือประมาณ 40% ของพนักงานทั้งหมด
     
       เบื้องต้น นักวิเคราะห์เชื่อว่าธุรกิจบริการที่แบล็กเบอร์รีจะเข้าไปให้ความสำคัญคือธุรกิจจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ในองค์กรสำนักงาน โดยมีโอกาสสูงที่แบล็กเบอร์รีจะให้บริการระบบที่ฝ่ายไอทีขององค์กรใหญ่จะสามารถจัดการความปลอดภัยให้พนักงานในองค์กรนั้นสามารถนำสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตส่วนตัวมาใช้เปิดข้อมูลสำคัญขององค์กรได้อย่างปลอดภัยไร้ความเสี่ยง ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการขยายตัวตามยุคสมัยที่ชาวดิจิตอลมีอุปกรณ์พกพาส่วนตัวกันทุกคน


http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000137676

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.