24 พฤศจิกายน 2556 Baidu ระบุยอดล่าสุดในการโหลด APP ตู้ แบตเตอรี่ เซฟเวอร์ กว่า 25 ล้านคนทั่วโลก มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่สำหรับออกแบบตกแต่งจอแสดงสถานะแบตเตอรี่
ประเด็นหลัก
นางสาวคารอล ลู ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ ตู้ แบตเตอรี่ เซฟเวอร์ กล่าวว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะปรับแต่งหน้าโฮมสกรีนจนถึงหน้าวอลเปเปอร์ด้วยสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบ ในฐานะผู้ผลิตแอพพลิเคชั่นรายแรกที่มาพร้อมฟีเจอร์ให้ผู้ใช้งานสามารถตกแต่งหน้าจอสถานะแบตเตอรี่ได้ด้วยตัวเอง จึงทำให้แอพพลิเคชั่นตู้ แบตเตอรี่ เซฟเวอร์ ได้รับความนิยมจนกลายเป็นผู้นำในกลุ่มแอพพลิเคชั่นประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Saving)
______________________________________
โวยอด 'ตู้แบตเตอรี่เซฟเวอร์' โหลด25ล้านครั้ง ผุดประชันไอเดียผ่านเฟซบุ๊ก
"ไป่ตู้" อวดยอดดาวน์โหลดแอพฯ "ตู้ แบตเตอรี่ เซฟเวอร์" จัดประกวดตกแต่งหน้าจอแสดงสถานะแบตเตอรี่ เฟ้นหาไอเดียเด็ดยอดกดไลค์สูงสุด ชิงรางวัลสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์...
ไป่ตู้ ผู้พัฒนาเสิร์ชเอ็นจิ้นจากประเทศจีน ประกาศเปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่แอพพลิเคชั่น "ตู้ แบตเตอรี่ เซฟเวอร์" โดยมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่สำหรับออกแบบตกแต่งจอแสดงสถานะแบตเตอรี่ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแตกต่าง มีความเป็นตัวของตัวเอง และสามารถแชร์ภาพผ่านทางเฟซบุ๊กได้อีกด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ใช้ "ตู้ แบตเตอรี่ เซฟเวอร์" แอพพลิเคชั่น กว่า 25 ล้านคนทั่วโลก ไป่ตู้ จึงจัดกิจกรรมประกวดแข่งขันผ่านทางเฟซบุ๊ก เพื่อให้ผู้ใช้ได้ร่วมสนุกกับการประกวดออกแบบสกินหน้าจอแสดงสถานะแบตเตอรี่ ซึ่งดีไซน์ที่ได้รับการกด "LIKE" สูงสุด 3 อันดับแรก จะได้รับของรางวัลเป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
นางสาวคารอล ลู ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ ตู้ แบตเตอรี่ เซฟเวอร์ กล่าวว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะปรับแต่งหน้าโฮมสกรีนจนถึงหน้าวอลเปเปอร์ด้วยสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบ ในฐานะผู้ผลิตแอพพลิเคชั่นรายแรกที่มาพร้อมฟีเจอร์ให้ผู้ใช้งานสามารถตกแต่งหน้าจอสถานะแบตเตอรี่ได้ด้วยตัวเอง จึงทำให้แอพพลิเคชั่นตู้ แบตเตอรี่ เซฟเวอร์ ได้รับความนิยมจนกลายเป็นผู้นำในกลุ่มแอพพลิเคชั่นประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Saving)
สำหรับผู้สนใจร่วมสนุกกับกิจกรรมดังกล่าว สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นตู้ แบตเตอรี่ เซฟเวอร์ บนโทรศัพท์หรือสมาร์ทโฟน และตกแต่งหน้าจอสถานะแบตเตอรี่ในสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบ โดยสามารถร่วมสนุก ตกแต่งและส่งผลงานการออกแบบเข้าร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน นี้.
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
http://m.thairath.co.th/content/tech/384680
ไม่มีความคิดเห็น: