27 พฤศจิกายน 2556 RS ในปี 2557 รายได้รวมของบริษัทมาจากธุรกิจมีเดียกว่า 50% จากดาวเทียมทั้งหมด 6 ช่อง และวิทยุอีก 3 คลื่น รวมถึงการได้เป็นผู้บริหารลิขสิทธิ์ในการถ่ายสอดสดฟุตบอลโลก
ประเด็นหลัก
"สำหรับในปี 2557 บริษัทจะเน้นทำธุรกิจมีเดียเป็นหลัก ซึ่งในปีนี้สามารถดำเนินการได้เป็นอย่างดี โดยจากรายได้รวมของบริษัทมาจากธุรกิจมีเดียกว่า 50% จากดาวเทียมทั้งหมด 6 ช่อง และวิทยุอีก 3 คลื่น ซึ่งในปีหน้าคาดว่าสัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจมีเดียจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% จากรายได้ทั้งหมด มาจากการปรับราคาค่าโฆษณา รวมถึงการได้เป็นผู้บริหารลิขสิทธิ์ในการถ่ายสอดสดฟุตบอลโลกก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สามารถผลักดันรายได้ให้ปีหน้ามากกว่า 4,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน ซึ่งปัญหาทางการเมืองในขณะนี้หากยืดเยื้อหรือทิ้งไว้นานก็อาจมีผลต่อการดำเนินธุรกิจ" นายสุรชัยกล่าว
______________________________________
อีเวนต์หด'RS'มุ่งปั้นธุรกิจมีเดีย
การเมืองไม่นิ่ง อีเวนต์หด กระทบอาร์เอสรายได้หลุดเป้า เดินหน้าลุยธุรกิจมีเดียมั่นใจศึกลูกหนังดันรายได้ทะลุ 4,000 ปีหน้า
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บมจ.อาร์เอส เปิดเผยว่า จากสภาวะทางการเมืองที่ไม่แน่นอนตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ได้ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทไม่สามารถดำเนินการให้รายได้มีการเติบโตตามคาดการณ์ไว้ได้ จากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะสามารถทำรายได้อยู่ที่ 4,000 ล้านบาทในปีนี้เหลือเพียง 3,600 ล้านบาท ซึ่งนอกจากปัจจัยทางด้านการเมืองที่ได้ส่งผลกระทบมายังบริษัทแล้วนั้น ปริมาณการจัดงานอีเวนต์ที่ลดลงก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้บริษัทไม่สามารถสร้างรายได้ให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ได้ แต่ทั้งนี้ในส่วนของกำไรยังคงเป็นไปตามเป้าอยู่
"สำหรับในปี 2557 บริษัทจะเน้นทำธุรกิจมีเดียเป็นหลัก ซึ่งในปีนี้สามารถดำเนินการได้เป็นอย่างดี โดยจากรายได้รวมของบริษัทมาจากธุรกิจมีเดียกว่า 50% จากดาวเทียมทั้งหมด 6 ช่อง และวิทยุอีก 3 คลื่น ซึ่งในปีหน้าคาดว่าสัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจมีเดียจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% จากรายได้ทั้งหมด มาจากการปรับราคาค่าโฆษณา รวมถึงการได้เป็นผู้บริหารลิขสิทธิ์ในการถ่ายสอดสดฟุตบอลโลกก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สามารถผลักดันรายได้ให้ปีหน้ามากกว่า 4,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน ซึ่งปัญหาทางการเมืองในขณะนี้หากยืดเยื้อหรือทิ้งไว้นานก็อาจมีผลต่อการดำเนินธุรกิจ" นายสุรชัยกล่าว
ด้านการบริหารลิขสิทธิ์การแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ในขณะนี้ ได้มีพันธมิตรเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนและทำกิจกรรมแล้วด้วยกัน 2 ราย ได้แก่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (เครื่องดื่มตราช้าง) และกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลาในประเทศไทย คิดเป็นมูลค่ารวม 150 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าก่อนการจับฉลากแบ่งสายจะมีผู้สนับสนุนที่ชัดเจนรวม 4 ราย ตั้งเป้าจะมีรายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์รวม 700 ล้านบาท.
http://www.thaipost.net/news/271113/82639
ไม่มีความคิดเห็น: