Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

03 ธันวาคม 2556 เทเลนอร์ (พ่อ DTAC) รายงานการใช้สมาร์ทโฟนคนไทย ระบุ ชอบถ่ายรูป,ฟังเพลงฯ//เน้นยี่ห้อมากกว่าราคาฯ ( DTAC ระบุคนไทยพร้อมสำหรับการเริ่มขยายบริการ 4G แล้ว )


ประเด็นหลัก


       รายงานระดับโลกจาก TNS ชิ้นนี้ระบุว่า ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญต่อแบรนด์ของโทรศัพท์มือถือมาก เมื่อเทียบกับผู้บริโภคจากประเทศอื่นๆ โดยการสำรวจดังกล่าวมีการระบุ 18 ปัจจัยที่ผู้บริโภคทั่วโลกคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ ราคา อายุของแบตเตอรี่ แบรนด์ ขนาดและคุณภาพหน้าจอ รุ่น กล้อง คุณภาพเสียง ดีไซน์ หน่วยความจำ ความง่ายในการใช้งาน ระบบปฏิบัติการ เครือข่ายผู้ให้บริการ ช่องเชื่อมต่อต่างๆ การเรียกใช้อินเทอร์เน็ต การปรับแต่งรูปแบบการใช้งาน ความหลากหลายของแอปพลิเคชัน ความสามารถในการเชื่อมต่อกับพีซี และความสามารถในการซิงก์ผ่านคลาวด์เซอร์วิส โดยผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญต่อแบรนด์ในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ 30 จุด
   
       ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญต่อเรื่องของราคาเป็นรองลงมาเล็กน้อย ส่งสัญญาณไปถึงผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและผู้ให้บริการเครือข่ายว่าตลาดมีความต้องการแบรนด์พรีเมียม


 “ประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นตลาดที่มีความหลากหลาย และเติบโตเร็วที่สุดในทวีปเอเชีย แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีผู้คนจำนวนมากในพื้นที่ห่างไกลที่ยังเข้าถึงแค่เพียงบริการทางเสียง และ SMS เท่านั้น โดยอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคนกลุ่มนี้ยังด้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียอยู่” นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจของเทเลนอร์ในประเทศไทย กล่าว
   
       แต่ขณะเดียวกันผู้ใช้งานในเมือง และกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นมีความพร้อมสำหรับเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอัตราการเชื่อมต่อที่รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะมีได้ในประเทศและทวีปเอเชียแล้ว ดังนั้นเราจึงยึดมั่นที่จะพัฒนาโครงข่ายเพื่อเทคโนโลยีการเชื่อมต่อคุณภาพสูงเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้ และเราก็กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้ผู้คนในพื้นที่ห่างไกลและมีรายได้น้อยได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเช่นกัน
   
       “ประเทศไทยนั้นพร้อมสำหรับการเริ่มขยายบริการ 4G แล้ว ซึ่งทั้งดีแทคและเทเลนอร์มีความพร้อมที่จะดำเนินการ ในปีนี้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้มีการเปิดให้บริการ 3G แล้ว ซึ่งนำไปสู่การให้บริการดาต้าที่มีความรวดเร็วและเสถียรมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการกระตุ้นการใช้งานดาต้าให้เติบโต”







______________________________________


เทเลนอร์เผยรายงานการใช้สมาร์ทโฟนคนไทย
















เทเลนอร์เผยรายงานการใช้สมาร์ทโฟนคนไทย
10 อันดับฟังก์ชันยอดนิยม

       เทเลนอร์เผยผลสำรวจการใช้มือถือ พบคนไทยมีความรู้ความเข้าใจในการใช้สมาร์ทโฟนสูงสุดในบรรดาประเทศที่กำลังเติบโตในเอเชีย โดยคนไทยใช้ฟังก์ชันของสมาร์ทโฟนหลากหลายกว่าประเทศอื่นในเอเชีย โดยให้ความสำคัญต่อแบรนด์และคุณภาพมากกว่าลูกเล่นและคุณสมบัติต่างๆ มีอัตราการใช้สมาร์ทโฟนในปัจจุบันอยู่ที่ 36% และยังคงโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสที่ 3 ปี 2556 มีการสร้างสถิติใหม่ โดยเพิ่มขึ้นถึง 29.1% โตจาก 7.1 ล้านเครื่อง เป็น 8 ล้านเครื่อง แต่คนไทยยังลังเลกับการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ แต่ก็มีปัจจัยที่จะขับเคลื่อนให้กลายเป็นบริการที่ได้รับความนิยมได้ในอนาคต
     
       รายงานล่าสุดจากเทเลนอร์ จากการสำรวจประจำปี Mobile Life โดย TNS เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือ พบว่าอุปกรณ์ที่คนไทยต้องการเป็นเจ้าของมากที่สุดคือสมาร์ทโฟน โดยผลการสำรวจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันการขยายเครือข่าย 3G ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และเริ่มวางระบบเครือข่าย 4G
     
       แม้ว่าโทรศัพท์มือถือมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยเข้าถึงบริการดิจิตอลต่างๆ แต่การเชื่อมต่อส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการให้บริการของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ทั้งๆ ที่มีความต้องการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปกรณ์เริ่มมีราคาถูกลง ในปัจจุบันพบว่า 56% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยมีเพียง 39% เท่านั้นที่ใช้งานดังกล่าว ส่วนที่เหลือนั้นเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่านระบบไว-ไฟ เท่านั้น
     
       รายงานระดับโลกจาก TNS ชิ้นนี้ระบุว่า ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญต่อแบรนด์ของโทรศัพท์มือถือมาก เมื่อเทียบกับผู้บริโภคจากประเทศอื่นๆ โดยการสำรวจดังกล่าวมีการระบุ 18 ปัจจัยที่ผู้บริโภคทั่วโลกคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ ราคา อายุของแบตเตอรี่ แบรนด์ ขนาดและคุณภาพหน้าจอ รุ่น กล้อง คุณภาพเสียง ดีไซน์ หน่วยความจำ ความง่ายในการใช้งาน ระบบปฏิบัติการ เครือข่ายผู้ให้บริการ ช่องเชื่อมต่อต่างๆ การเรียกใช้อินเทอร์เน็ต การปรับแต่งรูปแบบการใช้งาน ความหลากหลายของแอปพลิเคชัน ความสามารถในการเชื่อมต่อกับพีซี และความสามารถในการซิงก์ผ่านคลาวด์เซอร์วิส โดยผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญต่อแบรนด์ในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ 30 จุด
     
       ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญต่อเรื่องของราคาเป็นรองลงมาเล็กน้อย ส่งสัญญาณไปถึงผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและผู้ให้บริการเครือข่ายว่าตลาดมีความต้องการแบรนด์พรีเมียม
     
       รายงาน Mobile Life จาก TNS ที่มีผลจากการสำรวจผู้ใช้งานจำนวน 38,000 คน จาก 43 ประเทศทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอันหลากหลายที่เกี่ยวกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือในทวีปเอเชีย โดยการสำรวจได้ครอบคลุมถึงผู้ใช้งานที่มีอายุระหว่าง 16-60 ปี ซึ่งมีทั้งผู้ที่เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ และผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ โดยสำหรับประเทศที่เทเลนอร์มีธุรกิจอยู่นั้น มีทั้งการสัมภาษณ์ออนไลน์ และตัวต่อตัวแบบทั่วไป โดยเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือที่มีผลต่อชีวิต โดยในประเทศไทยมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 1,000 คน ในประเทศมาเลเซียมีจำนวน 500 คน และในประเทศอินเดียมีจำนวน 2,980 คน
     
       “TNS จัดทำการสำรวจ Mobile Life ประจำปีขึ้นเพื่อที่จะได้เข้าใจถึงการใช้งานโทรศัพท์มือถือของผู้คนทั่วโลก และเพื่อที่จะได้รู้ว่าแพลตฟอร์มและบริการใดที่น่าจะมีการเติบโตในอนาคต สำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลกอย่างเทเลนอร์แล้ว พฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์มือถือของผู้บริโภค รวมถึงผลกระทบที่เกิดจากการใช้งานธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้บริษัทได้เข้าใจถึงโอกาสและเทรนด์ใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต” นายโจ เวบบ์ หัวหน้าฝ่ายดิจิตอล TNS ประเทศจีนกล่าว

เทเลนอร์เผยรายงานการใช้สมาร์ทโฟนคนไทย
ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน

       ***สมาร์ทโฟนจะเติบโตแบบก้าวกระโดด
     
       ผลการสำรวจยังระบุด้วยว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยจะเติบโตอย่างมาก โดยในปัจจุบันมีคนไทยเพียง 36% เท่านั้นที่เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน แต่ความต้องการนั้นสูงเทียบเท่ากับตลาดอื่นๆ ทั่วโลก โดยเมื่อปีที่แล้วราคาเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนได้ลดลงมาต่ำกว่าราคาที่สูงสุดที่ผู้บริโภคชาวไทยยินดีที่จะจ่าย ดังนั้นจะเห็นอัตราการเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
     
       “ประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นตลาดที่มีความหลากหลาย และเติบโตเร็วที่สุดในทวีปเอเชีย แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีผู้คนจำนวนมากในพื้นที่ห่างไกลที่ยังเข้าถึงแค่เพียงบริการทางเสียง และ SMS เท่านั้น โดยอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคนกลุ่มนี้ยังด้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียอยู่” นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจของเทเลนอร์ในประเทศไทย กล่าว
     
       แต่ขณะเดียวกันผู้ใช้งานในเมือง และกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นมีความพร้อมสำหรับเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอัตราการเชื่อมต่อที่รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะมีได้ในประเทศและทวีปเอเชียแล้ว ดังนั้นเราจึงยึดมั่นที่จะพัฒนาโครงข่ายเพื่อเทคโนโลยีการเชื่อมต่อคุณภาพสูงเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้ และเราก็กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้ผู้คนในพื้นที่ห่างไกลและมีรายได้น้อยได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเช่นกัน
     
       “ประเทศไทยนั้นพร้อมสำหรับการเริ่มขยายบริการ 4G แล้ว ซึ่งทั้งดีแทคและเทเลนอร์มีความพร้อมที่จะดำเนินการ ในปีนี้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้มีการเปิดให้บริการ 3G แล้ว ซึ่งนำไปสู่การให้บริการดาต้าที่มีความรวดเร็วและเสถียรมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการกระตุ้นการใช้งานดาต้าให้เติบโต”
     
       อย่างไรก็ตาม โครงการฟรีไว-ไฟ ของรัฐบาลนั้นยังไม่ได้มีการให้บริการอย่างกว้างขวางมากนัก และผู้ใช้งานส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกว่าการใช้งานดาต้าผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือนั้นยังมีราคาสูงอยู่ ผู้ให้บริการรายใดที่ให้บริการดาต้าได้ในราคาที่ถูกลง และไม่ได้คิดราคาแพงสำหรับการใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้น จะสามารถกระตุ้นการใช้งานและเพิ่มความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการดังกล่าวได้มากขึ้น
     
       ***คนไทยยังลังเลที่จะใช้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านมือถือและโมบายล์วอลเลต
     
       รายงานจาก TNS ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยเพียง 4% เท่านั้นที่เคยใช้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ กลุ่มผู้ที่สนใจที่จะใช้งานบริการดังกล่าวมากที่สุดคือกลุ่มช่วงอายุ 16-30 ปี โดยมีผู้แสดงความสนใจถึง 20-23% แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมั่นใจในความปลอดภัย และชอบที่จะทำรายการกับพนักงานโดยตรง จึงเห็นได้ว่าในปัจจุบันคนไทยยังทำบริการธุรกรรมทางการเงินผ่านทางสาขาและผ่านทางคอมพิวเตอร์มากกว่าที่จะทำผ่านโทรศัพท์มือถือ และยังจำเป็นต้องมีความมั่นใจและความคุ้นเคยของบริการมากขึ้นก่อนที่จะหันมาเลือกใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นช่องทางหลัก
     
       ผู้บริโภคชาวไทยยังลังเลกับแนวคิดโมบายล์วอลเลต หรือการใช้โทรศัพท์มือถือแทนกระเป๋าสตางค์ โดยประมาณ 1 ใน 2 ของผู้ทำแบบสำรวจ (49%) ระบุว่าพวกเขาไม่รู้สึกว่านั่นเป็นบริการที่มีความจำเป็น อย่างไรก็ตาม เทเลนอร์เชื่อว่าผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีความรู้และความเข้าใจในเทคโนโลยีจะสามารถเปลี่ยนแนวความคิดได้รวดเร็วเมื่อบริการทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือมีการพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ
     
       ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างมองว่าการที่ตลาดเมืองไทยมีการตื่นตัวเรื่องดังกล่าว เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าบริการนี้มีศักยภาพที่จะเติบโตได้ โดยเทเลนอร์เห็นว่าโมบายล์วอลเลตในเมืองไทยก็จะเติบโตและประสบความสำเร็จได้เหมือนหลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้วในทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศมาเลเซีย โดย TNS กล่าวว่า การที่กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจ ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นบริการที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต
     
       รายงานจาก TNS ระบุว่า โมบายล์วอลเลตนั้นจะเป็นบริการที่สามารถทำกำไรให้แก่ร้านค้าและผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าการจ่ายเงินชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน SMS ผ่านการใช้แอปพลิเคชัน หรือการแตะโทรศัพท์มือถือกับเซ็นเซอร์ในร้านค้าเพื่อชำระเงินค่าสินค้าจะกลายเป็นเรื่องปกติในประเทศที่กำลังมีการเติบโตในทวีปเอเชีย โดยประเภทของสินค้าและบริการที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงสุด ได้แก่ การชำระค่าโทรศัพท์มือถือรายเดือน การชำระบิลต่างๆ ปั๊มน้ำมัน และร้านอาหารฟาสต์ฟูด

เทเลนอร์เผยรายงานการใช้สมาร์ทโฟนคนไทย
เปรียบเทียบปัจจัยสำคัญของการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน

       ***การใช้งานดาต้าพุ่งสูง จากโซเชียลมีเดีย
     
       รายงานจาก TNS ระบุว่า จากการที่ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มมีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานสมาร์ทโฟนมากขึ้นนั้น ส่งผลให้ชาวไทยหันมานิยมใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กและบริการด้านดาต้า ซึ่งสำหรับตลาดที่มีอัตราการเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนเพียง 36% อย่างประเทศไทยแล้ว ถือว่าคนไทยเป็นกลุ่มที่มีการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กในอัตราที่สูง โดยมีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ 19% เข้าสู่โซเชียลเน็ตเวิร์กผ่านโทรศัพท์มือถือทุกวัน และตัวเลขนั้นโดดขึ้นไปถึง 49% สำหรับสมาร์ทโฟน จึงไม่น่าแปลกใจที่กรุงเทพฯ ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีอัตราการใช้งานดาต้าเพื่อเข้าเฟซบุ๊กเป็นอันดับหนึ่งของโลก และเฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์ยังได้กลายเป็นวิธีใหม่ที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนเลือกใช้เพื่อส่งข้อความถึงกันอีกด้วย
     
       ทั้งนี้ ข้อมูลสำรวจ Mobile Life 2013 ของ TNS นั้นมีผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ 38,000 คน จาก 43 ประเทศ และทำการสำรวจในช่วงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2555 ถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556


http://www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9560000149675


___________________________________


คนไทยซื้อสมาร์ทโฟน ชี้ 'แบรนด์' สำคัญกว่าคุณภาพ-ราคา-ฟังก์ชั่น





"เทเลนอร์" เผยผลสำรวจ 43 ประเทศในหัวข้อ "Mobile Life" พบสมาร์ทโฟนเป็นของที่คนไทยต้องการเป็นเจ้าของมากที่สุด แต่ส่วนใหญ่ยังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านไว-ไฟ มากกว่าใช้ดาต้าจากเครือข่าย โดยเกือบครึ่งของผู้ใช้สมาร์ทโฟนนิยมเข้าถึงโซเชียลฯ ทุกวัน คาดการทำธุรกรรมทางมือถือจะเป็นที่นิยมในอนาคตอันใกล้...

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. มีการเปิดเผยเกี่ยวกับรายงานล่าสุดจากเทเลนอร์ จากการสำรวจประจำปี Mobile Life โดย TNS ซึ่งมีผู้ร่วมตอบแบบสำรวจเป็นจำนวน 38,000 คน จาก 43 ประเทศ ซึ่งเป็นการทำสำรวจในระหว่างวันที่ 20 พ.ย.2555-4 ก.พ.2556 เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือ โดยพบว่าอุปกรณ์ที่คนไทยต้องการเป็นเจ้าของมากที่สุดคือสมาร์ทโฟน แต่แม้ว่าโทรศัพท์มือถือจะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยเข้าถึงบริการดิจิตอลต่างๆ แต่การเชื่อมต่อส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการให้บริการของเครือข่ายโทรศัพท์มือ อย่างไรก็ตาม ราคาอุปกรณ์ในปัจจุบันเริ่มมีราคาถูกลง และยังพบว่า 56% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยมีเพียง 39% เท่านั้นที่ใช้งานเครือข่ายมือถือในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ส่วนที่เหลือเป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบไว-ไฟ



รายงานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่าผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับแบรนด์ของโทรศัพท์มือถือมาก เมื่อเทียบกับผู้บริโภคจากประเทศอื่นๆ โดยการสำรวจดังกล่าวมีการระบุ 18 ปัจจัยที่ผู้บริโภคทั่วโลกคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ ราคา อายุของแบตเตอรี่ แบรนด์ ขนาดและคุณภาพหน้าจอ รุ่น กล้อง คุณภาพเสียง ดีไซน์ หน่วยความจำ ความง่ายในการใช้งาน ระบบปฏิบัติการ เครือข่ายผู้ให้บริการ ช่องเชื่อมต่อต่างๆ การเรียกใช้อินเทอร์เน็ต การปรับแต่งรูปแบบการใช้งาน ความหลากหลายของแอพพลิเคชั่น ความสามารถในการเชื่อมต่อกับพีซี และความสามารถในการซิงค์ผ่านคลาวด์เซอร์วิส โดยผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับแบรนด์ในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 30 จุด ขณะเดียวกันผู้บริโภคชาวไทยยังให้ความสำคัญกับเรื่องของราคาเป็นรองลงมาเล็กน้อย อาจกลายเป็นการส่งสัญญาณไปถึงผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและผู้ให้บริการเครือข่ายว่าตลาดมีความต้องการแบรนด์พรีเมี่ยม

นอกจากนี้ รายงาน Mobile Life จาก TNS ยังแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างเกี่ยวกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือในทวีปเอเชีย โดยการสำรวจได้ครอบคลุมถึงผู้ใช้งานที่มีอายุระหว่าง 16-60 ปี ซึ่งมีทั้งผู้ที่เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือและผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ โดยในประเทศไทยมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 1,000 คน ในประเทศมาเลเซีย มีจำนวน 500 คน และ ในประเทศอินเดีย มีจำนวน 2,980 คน ทั้งนี้ ผลการสำรวจยังระบุว่าตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยจะเติบโตอย่างมาก ปัจจุบันมีคนไทยเพียง 36% เท่านั้นที่เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน แต่ความต้องการนั้นสูงเทียบเท่ากับตลาดอื่นๆ ทั่วโลก โดยเมื่อปีที่ผ่านมา ราคาเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนได้ลดลงมาต่ำกว่าราคาสูงสุดที่ผู้บริโภคชาวไทยยินดีจ่าย จึงเชื่อว่าในอนาคตเราจะเห็นอัตราการเป็นเจ้าของสมาร์โฟนเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง



นายโจ เวบบ์ หัวหน้าผ่ายดิจิตอล TNS ประเทศจีน กล่าวว่า TNS จัดทำการสำรวจ Mobile Life ประจำปีขึ้นเพื่อที่จะได้เข้าใจถึงการใช้งานโทรศัพท์มือถือของผู้คนทั่วโลก และเพื่อที่จะได้รู้ว่าแพลทฟอร์มและบริการใดจะมีการเติบโตในอนาคต สำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลกอย่างเทเลนอร์ พฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์มือถือของผู้บริโภค รวมถึงผลกระทบที่เกิดจากการใช้งานธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้บริษัทได้เข้าใจถึงโอกาสและเทรนด์ใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค หน่วยธุรกิจของเทเลนอร์ในประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีความหลากหลายและเติบโตเร็วที่สุดในทวีปเอเชีย ขณะเดียวกันก็ยังมีคนจำนวนมากในพื้นที่ห่างไกลที่ยังเข้าถึงแค่เพียงบริการทางเสียง และเอสเอ็มเอสเท่านั้น โดยอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคนกลุ่มนี้ยังด้อยกว่าประเทศอื่นในเอเชีย ขณะเดียวกันผู้ใช้งานในเมืองและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ถือเป็นกลุ่มที่มีความพร้อมสำหรับเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอัตราการเชื่อมต่อที่รวดเร็วที่สุดในประเทศและทวีปเอเชีย



ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวอีกว่า ประเทศไทยพร้อมสำหรับการเริ่มขยายบริการ 4จีแล้ว ซึ่งทั้งดีแทคและเทเลนอร์ล้วนมีความพร้อมที่จะดำเนินการ หลังจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้มีการเปิดให้บริการ 3จี ซึ่งนำไปสู่การให้บริการดาต้าที่มีความรวดเร็วและเสถียรยิ่งขึ้น พร้อมกระตุ้นการใช้งานดาต้าให้เติบโต อย่างไรก็ตาม โครงการฟรี ไว-ไฟ ของรัฐบาลนั้นยังไม่ได้มีการให้บริการอย่างกว้างขวาง และผู้ใช้งานส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกว่าการใช้งานดาต้าผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือนั้นยังมีราคาสูง ผู้ให้บริการรายใดที่ให้บริการดาต้าได้ในราคาที่ถูกลง และไม่ได้คิดราคาแพงสำหรับการใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้น จะสามารถกระตุ้นการใช้งานและเพิ่มความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการดังกล่าวได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม พบว่าปัจจุบันมีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยเพียง 4% ที่เคยใช้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ กลุ่มผู้ที่สนใจที่จะใช้งานบริการดังกล่าวมากที่สุดคือกลุ่มช่วงอายุ 16-30 ปี โดยมีผู้แสดงความสนใจถึง 20-23% แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมั่นใจในความปลอดภัยและชอบที่จะทำรายการกับพนักงานโดยตรง จึงเห็นได้ว่าในปัจจุบันคนไทยยังทำบริการธุรกรรมทางการเงินผ่านทางสาขาและคอมพิวเตอร์มากกว่าทำผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งผู้บริโภคชาวไทยยังลังเลกับแนวคิดโมบายล์วอลเลท หรือการใช้โทรศัพท์มือถือแทนกระเป๋าสตางค์ โดย ประมาณ 1 ใน 2 ของผู้ทำแบบสำรวจ (49%) ระบุว่าพวกเขาไม่รู้สึกว่านั่นเป็นบริการที่มีความจำเป็น โดยเทเลนอร์เห็นว่าโมบายล์วอลเลทในเมืองไทยจะเติบโตและประสบความสำเร็จได้เหมือนหลายประเทศในทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศมาเลเซีย โดย TNS กล่าวว่าการที่กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจ ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นบริการที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต



ทั้งนี้ รายงานจาก TNS ยังระบุว่า โมบายล์วอลเลทนั้นจะเป็นบริการที่สามารถทำกำไรให้ร้านค้าและผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าการจ่ายเงินชำระค่าสินค้าและบริการผ่านเอสเอ็มเอส ผ่านการใช้แอพพลิเคชั่น หรือการแตะโทรศัพท์มือถือกับเซ็นเซอร์ในร้านค้าเพื่อชำระเงินค่าสินค้าจะกลายเป็นเรื่องปกติในประเทศที่กำลังมีการเติบโตในทวีปเอเชีย โดยประเภทของสินค้าและบริการที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงสุด ได้แก่ การชำระค่าโทรศัพท์มือถือรายเดือน การชำระบิลต่างๆ ปั๊มน้ำมัน และร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด

ขณะเดียวกัน รายงานจาก TNS ระบุว่าจากการที่ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มมีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานสมาร์ทโฟนมากขึ้น ส่งผลให้ชาวไทยนิยมใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กและบริการด้านดาต้า โดยคนไทยเป็นกลุ่มที่มีการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กในอัตราสูง โดยมีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ 19% เข้าสู่โซเชียลเน็ตเวิร์กผ่านโทรศัพท์มือถือทุกวัน และมีสัดส่วนถึง 49% สำหรับสมาร์ทโฟน.



โดย: ไทยรัฐออนไลน์
http://m.thairath.co.th/content/tech/386936

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.