17 ธันวาคม 2556 TOT CAT ใช้แผนสำรองหลังรัฐบาลยุบสภา!! TOT อด30,000 ล้านบาทดึงงบเอง5,000 ล้านบาททำ(บรอดแบนด์) เพียงอย่างเดียว // CAT รอด 3Gกู้หน้า แต่ปรับสัญญาญFTTxเป็นเช่าซื้อแทน
ประเด็นหลัก
ทั้งนี้ 3 โครงการใหม่เป็นไปตามแผนฟื้นฟูองค์กร (เทิร์นอะราวด์) ตามที่ทีโอทีเสนอ โดยขณะนี้รอเพียงการอนุมัติงบประมาณที่ทีโอทีร้องขอจำนวน 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการโทรศัพท์ 2 ล้านพอร์ตจำนวน 30,000 ล้านบาท โครงการสร้างโครงข่ายอัจฉริยะ (เอ็นจีเอ็น) 2,800 ล้านบาท และโครงการสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ 5,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แนวทางการดำเนินงานเชื่อว่า จะเรียกประชุมผู้บริหารเพื่อปรับแผนการดำเนินงาน หลังจากโครงการใหม่ไม่สามารถผ่าน ครม. ได้ โดยอาจจะปรับเปลี่ยนงบประจำปีของทีโอที ปี 2557 จำนวน 4,000-5,000 ล้านบาท จากเดิมใช้กับการขยายคอร์เน็ตเวิร์คสำหรับบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) เพียงอย่างเดียว โดยปรับเปลี่ยนไปลงในสายธุรกิจให้เข้ากับแผนฟื้นฟูองค์กร
นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า กสท ต้องรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่พิจารณาโครงการเช่าใช้บริการโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงทูดิเอ็กซ์ (เอฟทีทีเอ็กซ์) มูลค่า 4,000 ล้านบาท ที่คณะกรรมการ (บอร์ด) อนุมัติหลักการไปตั้งแต่ 14 พ.ย. 2556 หลังจากแก้ไขตามคำแนะนำของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
เขา ระบุว่า การเจรจากับคู่สัญญาที่ดำเนินการโครงข่ายเอฟทีทีเอ็กซ์ มีจำนวนทั้งสิ้น 12 สัญญา โดยได้เจรจากับคู่สัญญาทั้งหมด 10 สัญญา และมีข้อตกลงร่วมกันว่า กสท จะทำสัญญาลักษณะเช่าซื้อ เมื่อสิ้นสุดสัญญาจะต้องโอนอุปกรณ์ทั้งหมดให้ กสท และขอปรับอัตราค่าเช่าขึ้นในบางที่ จากเดิมหลังจากสร้างแล้วเสร็จ กสท จะไม่ใช่เจ้าของอุปกรณ์
ส่วนรายได้ทั้งปี 2556 กสท จะมี 38,000-40,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจโทรศัพท์มือถือผ่านการให้บริการบนสัญญาให้บริการโทรศัพท์รูปแบบใหม่ 3จีเอชเอสพีเอ ของบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) ราว 25,000 ล้านบาท หรือ 62% ของรายได้ และอีก 38% หรือ 15,000 ล้านบาท มาจากรายได้ธุรกิจอื่นๆ ส่งผลให้ กสท มีกำไร 887 ล้านบาท ขณะนี้แผนการดำเนินงานดีขึ้นกว่าแผนฟื้นฟู 2,694 ล้านบาท โดยมีปัจจัยจากการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น และรายได้จากบีเอฟเคที ที่พอจะรับรู้รายได้มากขึ้น
"หลังจาก ครม. มีมติอนุมัติดำเนินการโครงการให้บริการโทรศัพท์มือถือเอชเอสพีเอบนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ ระหว่าง กสท กับบมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น หลังจากผ่านงบประมาณการดำเนินการในโครงการดังกล่าว คาดว่า ปี 2556 กสทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจโทรศัพท์มือถือนี้ราว 25,000 ล้านบาท สัญญาระบุให้ทรูได้สิทธิในความจุโครงข่ายทั้งหมด (คาปาซิตี้) จำนวน 80%"
ส่วน กสท จะรับรู้รายได้จริงเข้าบริษัทคือตามสัดส่วนสัญญา 23% แต่เมื่อหักค่าเช่าอุปกรณ์ และการจ่ายค่าเช่าให้บีเอฟเคที จะเหลือรายได้ 17% คิดเป็น 4,250 ล้านบาท เป็นการรับรู้รายได้ทางบัญชี แต่ในโครงการดังกล่าวการรับรู้รายได้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจ่ายเช่าให้แก่ บีเอฟเคที ซึ่ง กสท ได้ทำเรื่องขออนุมัติวงเงินงบประมาณไปยังกระทรวงไอซีทีด้วย
______________________________________
ทีโอทีปรับแผนรับยุบสภา!ลงทุน4หมื่นล.ดีเลย์
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"ทีโอที"เล็งปรับงบปี 2557 โยกลงทุนบรอดแบนด์ไปสายธุรกิจอื่น หลังโปรเจคใหม่ 3 โครงการ 4 หมื่นล้านบาท ต้องรอ ครม. ชุดใหม่ ทำใจแผนงานดีเลย์
นายมรกต เธียรมนตรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บมจ.ทีโอที กล่าวว่า ภายหลังจากรัฐบาลประกาศยุบสภา ทำให้ 3 โครงการใหม่ในงบ 40,000 ล้านบาท ที่ทีโอทีรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องเลื่อนออกไป แม้ว่าบางโครงการจะผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปแล้ว
ทั้งนี้ 3 โครงการใหม่เป็นไปตามแผนฟื้นฟูองค์กร (เทิร์นอะราวด์) ตามที่ทีโอทีเสนอ โดยขณะนี้รอเพียงการอนุมัติงบประมาณที่ทีโอทีร้องขอจำนวน 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการโทรศัพท์ 2 ล้านพอร์ตจำนวน 30,000 ล้านบาท โครงการสร้างโครงข่ายอัจฉริยะ (เอ็นจีเอ็น) 2,800 ล้านบาท และโครงการสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ 5,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แนวทางการดำเนินงานเชื่อว่า จะเรียกประชุมผู้บริหารเพื่อปรับแผนการดำเนินงาน หลังจากโครงการใหม่ไม่สามารถผ่าน ครม. ได้ โดยอาจจะปรับเปลี่ยนงบประจำปีของทีโอที ปี 2557 จำนวน 4,000-5,000 ล้านบาท จากเดิมใช้กับการขยายคอร์เน็ตเวิร์คสำหรับบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) เพียงอย่างเดียว โดยปรับเปลี่ยนไปลงในสายธุรกิจให้เข้ากับแผนฟื้นฟูองค์กร
"ก็ต้องทำใจว่างบที่รออนุมัติต้องเลื่อนออกไป หรือรอจนกว่าจะมี ครม. ชุดใหม่เข้ามาพิจารณา ซึ่งแม้จะกระทบบ้างแต่ทีโอทีก็ต้องปรับแผนรองรับด้วยการใช้งบประจำปีมาใส่ในงานเร่งด่วนอื่นๆ ก่อน"
รายงานข่าวแจ้งว่า ในจำนวน 3 โครงการนี้ มีโครงการ 2 ล้านพอร์ตที่เป็นโครงการใหญ่ปี 2557 ได้ผ่าน สศช. แล้วเมื่อการประชุมวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา มูลค่า 30,000 ล้านบาท รอเพียง ครม. อนุมัติ จากเดิมน่าจะเข้าวาระได้กลาง ธ.ค.นี้
รายละเอียดของโครงการดังกล่าว คือ 1.เงินลงทุน 17,700 ล้านบาท ลงทุนอุปกรณ์ขยายการให้บริการเอฟทีทีเอ็กซ์ พร้อมอุปกรณ์ที่ไปยังถึงผู้ใช้บริการ ประกอบด้วย ระบบบริหารจัดการ โครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงส่วนปลายทาง อุปกรณ์ตามประเภทการให้บริการสำหรับผู้ใช้บริการ
2.เงินลงทุน 5,950 ล้านบาท สำหรับการจัดหาอุปกรณ์เป็นรายปี ตามความต้องการของลูกค้า 3.เงินลงทุน 3,800 ล้านบาท ลงทุนขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตส่วนที่เป็นแอ็คเซ็ส พอยต์ และ แบ็คโบน 4. วงเงิน 1,300 ล้านบาท ลงทุนระบบอุปกรณ์เพื่อการบริหารจัดการลูกค้า 5.วงเงิน 1,950 ล้านบาท เพื่อขยายระบบสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมอุปกรณ์และระบบงานที่เกี่ยวข้อง และ 6.ค่าใช้จ่ายอื่น 1,800 ล้านบาท
ส่วนโครงการสร้างโครงข่ายอัจฉริยะ (เอ็นจีเอ็น) 2,800 ล้านบาท และโครงการสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ 5,000 ล้านบาท ยังไม่เข้าสู่ที่ประชุม สศช.
เพิ่มจุดบริการบรอดแบนด์
เขา ระบุว่า การปรับเปลี่ยนแผนงาน และกลยุทธ์ปี 2557 จะเพิ่มจุดให้บริการทีโอทีบรอดแบนด์ ทีโอทีไวไฟ และเพิ่มจุดไวไฟฮอตสปอต เพราะแม้ผู้ประกอบการมือถือเอกชนเปิด 3จี แต่การให้บริการความเร็วก็ไม่เพียงพอ ดังนั้นการเพิ่มจุดไวไฟให้มากที่สุดตามความต้องการจึงเป็นแหล่งรายได้ของทีโอที ที่มีจุดแข็งเหนือคู่แข่ง
ปัจจุบันทีโอทีมีลูกค้าบรอดแบนด์ เอดีเอสแอลประมาณ 1.4 ล้านราย คาดว่าปีนี้จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 2 แสนราย รวมสิ้นปีคาดว่าจะมีลูกค้าถึง 1.6 ล้านราย โดยทีโอทีปรับแผนใหม่เกือบทั้งหมด จะโอนย้ายลูกค้าประมาณ 4.2 แสนรายไปใช้บริการบนโครงข่ายของไฟเบอร์ออปติค หรือ เอฟทีทีเอ็กซ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาอุปกรณ์และโครงข่ายให้ดีขึ้น
งบประมาณดังกล่าวรวมการเปลี่ยนจากสายทองแดงเป็นสายไฟเบอร์ออปติค ซึ่งทีโอที มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 30% และคาดว่าปี 2556 รายได้จะเติบโตอย่างน้อย 10-20%
"เอฟทีทีเอ็กซ์" กสท ค้างเติ่ง
นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า กสท ต้องรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่พิจารณาโครงการเช่าใช้บริการโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงทูดิเอ็กซ์ (เอฟทีทีเอ็กซ์) มูลค่า 4,000 ล้านบาท ที่คณะกรรมการ (บอร์ด) อนุมัติหลักการไปตั้งแต่ 14 พ.ย. 2556 หลังจากแก้ไขตามคำแนะนำของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
เดิมคาดว่าจะเสนอต่อไอซีที และ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จากนั้น เสนอเข้าวาระการประชุม ครม. ได้ภายในปีนี้ แต่ยังมั่นใจว่า ภาพรวมจะไม่กระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากบริษัทพยายามบริหารความเสี่ยง และจัดเตรียมแผนการดำเนินงานไปยังสายธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเป็นไปตามการเตรียมแผนงานประจำปี 2557
ทั้งนี้ แผนดังกล่าวกำหนดดัชนีวัดผลของพนักงาน การตั้งเป้าหมายรายได้ และการขายของฝ่ายการตลาดเป็นรายเดือน จากเดิมกำหนดเป็นรายปี ซึ่งการกำหนดแผนงานดำเนินงานเป็นไปตามแผนฟื้นฟูองค์กร 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2556-2560
เขา ระบุว่า การเจรจากับคู่สัญญาที่ดำเนินการโครงข่ายเอฟทีทีเอ็กซ์ มีจำนวนทั้งสิ้น 12 สัญญา โดยได้เจรจากับคู่สัญญาทั้งหมด 10 สัญญา และมีข้อตกลงร่วมกันว่า กสท จะทำสัญญาลักษณะเช่าซื้อ เมื่อสิ้นสุดสัญญาจะต้องโอนอุปกรณ์ทั้งหมดให้ กสท และขอปรับอัตราค่าเช่าขึ้นในบางที่ จากเดิมหลังจากสร้างแล้วเสร็จ กสท จะไม่ใช่เจ้าของอุปกรณ์
3จีเอชเอสพีเอ ทำรายได้ปี 2556
ส่วนรายได้ทั้งปี 2556 กสท จะมี 38,000-40,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจโทรศัพท์มือถือผ่านการให้บริการบนสัญญาให้บริการโทรศัพท์รูปแบบใหม่ 3จีเอชเอสพีเอ ของบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) ราว 25,000 ล้านบาท หรือ 62% ของรายได้ และอีก 38% หรือ 15,000 ล้านบาท มาจากรายได้ธุรกิจอื่นๆ ส่งผลให้ กสท มีกำไร 887 ล้านบาท ขณะนี้แผนการดำเนินงานดีขึ้นกว่าแผนฟื้นฟู 2,694 ล้านบาท โดยมีปัจจัยจากการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น และรายได้จากบีเอฟเคที ที่พอจะรับรู้รายได้มากขึ้น
"หลังจาก ครม. มีมติอนุมัติดำเนินการโครงการให้บริการโทรศัพท์มือถือเอชเอสพีเอบนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ ระหว่าง กสท กับบมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น หลังจากผ่านงบประมาณการดำเนินการในโครงการดังกล่าว คาดว่า ปี 2556 กสทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจโทรศัพท์มือถือนี้ราว 25,000 ล้านบาท สัญญาระบุให้ทรูได้สิทธิในความจุโครงข่ายทั้งหมด (คาปาซิตี้) จำนวน 80%"
ส่วน กสท จะรับรู้รายได้จริงเข้าบริษัทคือตามสัดส่วนสัญญา 23% แต่เมื่อหักค่าเช่าอุปกรณ์ และการจ่ายค่าเช่าให้บีเอฟเคที จะเหลือรายได้ 17% คิดเป็น 4,250 ล้านบาท เป็นการรับรู้รายได้ทางบัญชี แต่ในโครงการดังกล่าวการรับรู้รายได้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจ่ายเช่าให้แก่ บีเอฟเคที ซึ่ง กสท ได้ทำเรื่องขออนุมัติวงเงินงบประมาณไปยังกระทรวงไอซีทีด้วย
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20131216/549922/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2!%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%994%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A5.%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%8C.html
ไม่มีความคิดเห็น: