29 ธันวาคม 2556 ช่อง 8 ทุ่ม 400 ล้านบาท หนุนช่อง 8 เพิ่มคอนเทนต์ละคร เป็น 2 เรื่องต่อสัปดาห์ เตรียมปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นตามการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของบริษัทอีก 10-15%
ประเด็นหลัก
"ปัจจุบันช่อง 8 เป็นช่องทีวีดาวเทียมวาไรตีอันดับ 1 ของช่องทีวีดาวเทียมในประเทศไทย ซึ่งจะรักษาฐานลำดับอย่างนี้ต่อเนื่องโดยการเพิ่มคอนเทนต์ให้หลากหลาย และลดการรีรันรายการต่างๆออกไป" นายองอาจกล่าวและว่า
ปีหน้าบริษัทเตรียมปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นตามการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของบริษัทอีก 10-15% ซึ่งเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี จากปัจจุบันช่วงซูเปอร์ไพรม์ มีเรตค่าโฆษณา 3 หมื่นบาทต่อนาที นอกจากนี้บริษัทมองว่าหลังจากที่ทีวีดิจิตอลเกิดขึ้น จะส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาในกลุ่มทีวีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 8 หมื่น-1 แสนล้านบาท เนื่องจากมีเม็ดเงินการลงทุนทีวีเพิ่มเข้ามา อีกทั้งกลุ่มสินค้าต่างๆจะให้ความสนใจลงโฆษณาสื่อทีวีมากขึ้น เนื่องจากสื่อประเภทนี้เป็นสื่อที่มีอิทธิพล
องอาจ สิงห์ลำพององอาจ สิงห์ลำพอง นายองอาจ สิงห์ลำพอง รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานสถานีโทรทัศน์ ช่อง 8 บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทเตรียมใช้งบลงทุนราว 400 ล้านบาทในการนำเสนอคอนเทนต์ทุกประเภทในปีหน้า ทั้งละคร รายการ และกีฬา ฯลฯ เพื่อรุกจับกลุ่มผู้ชมทุกระดับ โดยครึ่งปีแรกจะเพิ่มละครเป็น 2 เรื่องต่อสัปดาห์ จากเดิมในปัจจุบันที่ออกอากาศละครเพียง 1 เรื่องต่อสัปดาห์เท่านั้น เนื่องจากบริษัทมองว่าคอนเทนต์ละครยังเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ในประเทศ
______________________________________
อาร์เอสอัด400ล.หนุนช่อง8
"อาร์เอส" ทุ่ม 400 ล้านบาท หนุนช่อง 8 เพิ่มคอนเทนต์ละคร กีฬา วาไรตี หวังย้ำผู้นำทีวีดาวเทียม พร้อมขยับราคาค่าโฆษณาขึ้น ขณะที่เปิดตัวทีวีดิจิตอลกระตุ้นวงการทีวีคึกคัก เม็ดเงินโฆษณาพุ่ง 8 หมื่น - 1 แสนล้านบาท
องอาจ สิงห์ลำพององอาจ สิงห์ลำพอง นายองอาจ สิงห์ลำพอง รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานสถานีโทรทัศน์ ช่อง 8 บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทเตรียมใช้งบลงทุนราว 400 ล้านบาทในการนำเสนอคอนเทนต์ทุกประเภทในปีหน้า ทั้งละคร รายการ และกีฬา ฯลฯ เพื่อรุกจับกลุ่มผู้ชมทุกระดับ โดยครึ่งปีแรกจะเพิ่มละครเป็น 2 เรื่องต่อสัปดาห์ จากเดิมในปัจจุบันที่ออกอากาศละครเพียง 1 เรื่องต่อสัปดาห์เท่านั้น เนื่องจากบริษัทมองว่าคอนเทนต์ละครยังเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ในประเทศ ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมนำคอนเทนต์กีฬาฟุตบอล อาทิ ฟุตบอลโลก และ เอฟ เอ คัพ เป็นต้น มาไว้ภายในช่องเพิ่มเติม เนื่องจากบริษัทต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชายให้เข้ามาชมช่อง 8 ให้มากขึ้น จากเดิมช่องดังกล่าวจะได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้หญิงซะส่วนใหญ่
สำหรับภาพรวมบริษัทตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 150% ซึ่งสาเหตุการเติบโตมาจากบริษัทมุ่งการพัฒนาสร้างแบรนด์มากขึ้น อีกทั้งยังเน้นการประชาสัมพันธ์และการตลาดมากขึ้น โดยปีนี้บริษัทได้เพิ่มงบการตลาดและประชาสัมพันธ์อีก 1 เท่าตัว พร้อมรุกตลาดออนไลน์ให้มากขึ้น นอกจากนี้บริษัทมองว่ากลยุทธ์ในปีต่อไป บริษัทจะมุ่งเน้นการตลาดและประชาสัมพันธ์เฉพาะกลุ่มมากขึ้น เช่น กลุ่มนักลงทุน และกลุ่มผู้ชมทั่วไป เป็นต้น
ขณะที่ปัจจัยลบในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เช่น ปัญหาการเมือง อาจส่งผลให้ลูกค้าที่เข้ามาซื้อโฆษณาถอดรายชื่อออกไปบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ดีหากปัญหาที่เกิดขึ้นยืดเยื้อออกไปนานกว่านี้อาจทำให้เม็ดเงินโฆษณาในอุตสาหกรรมสื่อต่างๆถูกถอดออกไป
"ปัจจุบันช่อง 8 เป็นช่องทีวีดาวเทียมวาไรตีอันดับ 1 ของช่องทีวีดาวเทียมในประเทศไทย ซึ่งจะรักษาฐานลำดับอย่างนี้ต่อเนื่องโดยการเพิ่มคอนเทนต์ให้หลากหลาย และลดการรีรันรายการต่างๆออกไป" นายองอาจกล่าวและว่า
ปีหน้าบริษัทเตรียมปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นตามการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของบริษัทอีก 10-15% ซึ่งเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี จากปัจจุบันช่วงซูเปอร์ไพรม์ มีเรตค่าโฆษณา 3 หมื่นบาทต่อนาที นอกจากนี้บริษัทมองว่าหลังจากที่ทีวีดิจิตอลเกิดขึ้น จะส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาในกลุ่มทีวีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 8 หมื่น-1 แสนล้านบาท เนื่องจากมีเม็ดเงินการลงทุนทีวีเพิ่มเข้ามา อีกทั้งกลุ่มสินค้าต่างๆจะให้ความสนใจลงโฆษณาสื่อทีวีมากขึ้น เนื่องจากสื่อประเภทนี้เป็นสื่อที่มีอิทธิพล
"ในปีหน้าอุตสาหกรรมทีวีจะแข่งขันกันสูงมาก เนื่องจากมีช่องทีวีดิจิตอลเพิ่มเข้ามาอีก 48 ช่อง และรวมกับช่องทีวีดาวเทียมที่มีในปัจจุบัน เมื่อนำผังรายการช่องโทรทัศน์ต่างๆมาบวกลบเวลาต่อปีที่จะต้องออกคอนเทนต์รายการต่างๆ พบว่ามีเวลากว่า 4 แสนชั่วโมงที่จะต้องออกคอนเทนต์ และในทุกชั่วโมงก็จะต้องแบ่งสัดส่วนการออกโฆษณา 10 นาที และโดยเฉลี่ยขั้นต่ำราคาการลงโฆษณาจะอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นบาท ดังนั้นในปีต่อไปคาดว่าจะมีเม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน จากในปัจจุบันที่มีเม็ดเงินโฆษณาอยู่ที่ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็น เม็ดเงินโฆษณาทีวี 6 หมื่นล้านบาท"
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาด AEC อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากที่ผ่านมา มีการจับมือกับพันธมิตรในภูมิภาคบ้างแล้ว เช่น การร่วมกับบริษัท Ice-TV เป็นผู้ได้ลิขสิทธิ์ ในการผลิตรายการ Asia’s Next Top Model มาจากเจ้าของสิทธิ์ ซึ่งต่อไปบริษัทเตรียมมองหาคอนเทนต์ต่างประเทศใหม่ๆมาไว้ในช่องเพื่อให้เกิดความหลากหลายมากขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=211928:4008&catid=107:2009-02-08-11-34-25&Itemid=456#.UsANKGQW1iZ
ไม่มีความคิดเห็น: