10 มกราคม 2557 กูรูแวดวงโทรทัศน์คาดทีวีดิจิตอล ระบุ คนซื้อ TV จอใหญ่ต้องการดูบอลมากกว่าระบบ Digital TV !! แนะ ส่วนผู้ที่พิจารณาซื้อจากราคาถูกเป็นหลักนั้น อยากให้พิจารณาถึงคุณภาพเป็นหลัก
ประเด็นหลัก
กูรูแวดวงโทรทัศน์คาดทีวีดิจิตอลไม่เรียกกำลังซื้อ มองคนอยากใช้หน้าจอใหญ่เพื่อดูแข่งบอลโลกมากกว่า แนะผู้บริโภคลงทุนอย่างคุ้มค่า เลือกทีวีรับระบบใหม่-จอใหญ่ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย…
ตั้งแต่ช่วงก่อนจัดการประมูลใบอนุญาตช่องรายการในระบบดิจิตอล ก็เริ่มมีการพูดถึง "ทีวีดิจิตอล" กันอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งเสร็จสิ้นการประมูลที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเมื่อเข้าสู่ศักราชใหม่ ก็ดูเหมือนยิ่งทำให้ตลาดทีวีในประเทศไทยนั้นคึกคักมากขึ้น จากความสนใจของผู้บริโภคที่มีต่อทีวีดิจิตอล ซึ่งหลายคนขนานนามว่าเป็น "ยุคใหม่ของวงการโทรทัศน์ไทย"
นายวีรเกียรติ จิรัฐการุณธ์ หรือ "โรมัน" ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ LCDTVTHAILAND กล่าวถึงภาพรวมตลาดทีวีในประเทศไทยกับทีมข่าวไอทีออนไลน์ว่า ภายหลังการประมูลใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) ทีวีดิจิตอล คาดว่าจะค่อยๆ เติบโต แม้ว่าจะมีกระแสเกี่ยวกับการประมูลดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556 จนถึงต้นเดือนม.ค.นี้ แต่ก็พบว่าตลาดไม่ได้เติบโตมากนัก ถือเป็นลักษณะการเติบโตแบบทรงตัวตามปกติ ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลให้คนไม่กล้าตัดสินใจซื้อ ขณะเดียวกันกำลังซื้อจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะชาวอินเดียก็ลดลงกว่า 20-30% เนื่องจากอินเดียได้เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า
นายวีรเกียรติ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการเลือกซื้อทีวีของคนไทยในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ผู้ที่เคยใช้งานทีวีแอลซีดีหรือพลาสม่าอยู่แล้ว ก็จะหันไปเลือกซื้อโดยเพิ่มขนาดหน้าจอเป็นหลัก โดยเฉพาะขนาด 47-50 นิ้วขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันสามารถซื้อได้ในราคาตั้งแต่ 20,000-30,000 บาท และอีกกลุ่มคือผู้ที่ยังใช้ทีวีรุ่นเก่า ซึ่งกลุ่มนี้จะให้ความสนใจกับฟังก์ชั่นการใช้งาน เช่น สมาร์ททีวี และ 3มิติ มากกว่าหน้าจอขนาดใหญ่ ส่วนผู้ที่พิจารณาซื้อจากราคาถูกเป็นหลักนั้น อยากให้พิจารณาถึงคุณภาพเป็นหลัก
"เชื่อว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะไม่ตัดสินใจเปลี่ยนทีวีเครื่องใหม่ให้มีจอขนาดใหญ่เพื่อรับการมาของทีวีดิจิตอล แต่จะเปลี่ยนเป็นทีวีขนาดใหญ่เพื่อรอชมฟุตบอลโลก ซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นให้ตลาดทีวีจอใหญ่ขายดีอย่างมากในช่วงปลายไตรมาสที่ 2" ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ LCDTVTHAILAND กล่าว
______________________________________
ตลาดทีวียังซบ! กูรูเคาะ 'ระบบดิจิตอล' ไม่กระตุ้นกำลังซื้อ
กูรูแวดวงโทรทัศน์คาดทีวีดิจิตอลไม่เรียกกำลังซื้อ มองคนอยากใช้หน้าจอใหญ่เพื่อดูแข่งบอลโลกมากกว่า แนะผู้บริโภคลงทุนอย่างคุ้มค่า เลือกทีวีรับระบบใหม่-จอใหญ่ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย…
ตั้งแต่ช่วงก่อนจัดการประมูลใบอนุญาตตลาดทีวียังซบ! กูรูเคาะ 'ระบบดิจิตอล' ไม่กระตุ้นกำลังซื้อ
หน้าหลัก » วิทยาการ-ไอที » IT Digest
กูรูแวดวงโทรทัศน์คาดทีวีดิจิตอลไม่เรียกกำลังซื้อ มองคนอยากใช้หน้าจอใหญ่เพื่อดูแข่งบอลโลกมากกว่า แนะผู้บริโภคลงทุนอย่างคุ้มค่า เลือกทีวีรับระบบใหม่-จอใหญ่ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย…
ตั้งแต่ช่วงก่อนจัดการประมูลใบอนุญาตช่องรายการในระบบดิจิตอล ก็เริ่มมีการพูดถึง "ทีวีดิจิตอล" กันอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งเสร็จสิ้นการประมูลที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเมื่อเข้าสู่ศักราชใหม่ ก็ดูเหมือนยิ่งทำให้ตลาดทีวีในประเทศไทยนั้นคึกคักมากขึ้น จากความสนใจของผู้บริโภคที่มีต่อทีวีดิจิตอล ซึ่งหลายคนขนานนามว่าเป็น "ยุคใหม่ของวงการโทรทัศน์ไทย"
นายวีรเกียรติ จิรัฐการุณธ์ หรือ "โรมัน" ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ LCDTVTHAILAND กล่าวถึงภาพรวมตลาดทีวีในประเทศไทยกับทีมข่าวไอทีออนไลน์ว่า ภายหลังการประมูลใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) ทีวีดิจิตอล คาดว่าจะค่อยๆ เติบโต แม้ว่าจะมีกระแสเกี่ยวกับการประมูลดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556 จนถึงต้นเดือนม.ค.นี้ แต่ก็พบว่าตลาดไม่ได้เติบโตมากนัก ถือเป็นลักษณะการเติบโตแบบทรงตัวตามปกติ ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลให้คนไม่กล้าตัดสินใจซื้อ ขณะเดียวกันกำลังซื้อจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะชาวอินเดียก็ลดลงกว่า 20-30% เนื่องจากอินเดียได้เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า
"การที่ตลาดทีวีไม่เติบโตในช่วงที่มีกระแสการประมูลทีวีดิจิตอลนั้น คาดว่าส่วนหนึ่งมาจากประชาชนเริ่มชะลอการซื้อตั้งแต่ช่วงต้นปี 2556 แต่เชื่อว่าตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ของปีนี้ ตลาดทีวีในไทยจะเริ่มเติบโตขึ้น จากทั้งกระแสทีวีดิจิตอลที่คาดว่าจะเริ่มออกอากาศได้ในช่วงปลายเดือน ก.พ.-ต้นเดือน มี.ค. และการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เริ่มต้นในเดือน มิ.ย. ขณะเดียวกันเงื่อนไขการใช้คูปองส่วนลดที่ กสทช. จะแจกให้ 22 ล้านครัวเรือนนั้นก็เป็นอีกปัจจัยกระตุ้นตลาดทีวี หากใช้เพื่อซื้อเซ็ตท็อปบ็อกซ์เพียงอย่างเดียวก็คงไม่ทำให้ตลาดทีวีคึกคัก แต่ถ้าใช้ซื้อได้ทั้งเซ็ตท็อปบ็อกซ์และทีวีก็เชื่อว่าจะทำให้ผู้บริโภคใช้จ่ายเกี่ยวกับทีวีมากขึ้น นอกจากนี้ระหว่างเดือนมี.ค.-พ.ค. ยังถือเป็นช่วงผลัดใบของหลายๆ แบรนด์ ซึ่งมีทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่และระบายรุ่นเก่า" นายโรมัน กล่าว
เจ้าของเว็บไซต์ LCDTVTHAILAND วิเคราะห์อีกว่า สำหรับแนวโน้มความนิยมทีวีดิจิตอลนั้น เชื่อว่ากลุ่มที่ติดตั้งจานดาวเทียมหรือเคเบิลทีวีอยู่แล้วจะไม่ตื่นเต้นหรือสนใจช่องรายการรูปแบบใหม่มากนัก เนื่องจากมีช่องรายการหลากหลายให้ดูอยู่แล้ว ประกอบกับกล่องเคเบิลทีวีในปัจจุบันก็มีการอัพเดตช่องรายการเป็นแบบความคมชัดสูง (เอชดี) บ้างแล้ว ส่วนยอดขายทีวีในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตขึ้นราว 10-15% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตตามปกติ เพราะความต้องการทีวีในปัจจุบันนั้นค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว ประกอบกับผู้ที่ติดตั้งจานดาวเทียมหรือเคเบิลทีวีส่วนใหญ่ก็ได้เปลี่ยนทีวีไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้
นายวีรเกียรติ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการเลือกซื้อทีวีของคนไทยในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ผู้ที่เคยใช้งานทีวีแอลซีดีหรือพลาสม่าอยู่แล้ว ก็จะหันไปเลือกซื้อโดยเพิ่มขนาดหน้าจอเป็นหลัก โดยเฉพาะขนาด 47-50 นิ้วขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันสามารถซื้อได้ในราคาตั้งแต่ 20,000-30,000 บาท และอีกกลุ่มคือผู้ที่ยังใช้ทีวีรุ่นเก่า ซึ่งกลุ่มนี้จะให้ความสนใจกับฟังก์ชั่นการใช้งาน เช่น สมาร์ททีวี และ 3มิติ มากกว่าหน้าจอขนาดใหญ่ ส่วนผู้ที่พิจารณาซื้อจากราคาถูกเป็นหลักนั้น อยากให้พิจารณาถึงคุณภาพเป็นหลัก
"เชื่อว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะไม่ตัดสินใจเปลี่ยนทีวีเครื่องใหม่ให้มีจอขนาดใหญ่เพื่อรับการมาของทีวีดิจิตอล แต่จะเปลี่ยนเป็นทีวีขนาดใหญ่เพื่อรอชมฟุตบอลโลก ซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นให้ตลาดทีวีจอใหญ่ขายดีอย่างมากในช่วงปลายไตรมาสที่ 2" ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ LCDTVTHAILAND กล่าว
นายโรมัน ยังแนะนำอีกว่า สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อทีวีเครื่องใหม่นั้น ควรให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี DVB-T2 เพื่อรองรับการรับชมในระบบทีวีดิจิตอล ส่วนขนาดหน้าจอนั้น ส่วนตัวมองว่าขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ต้องการนำไปใช้งาน หากมีพื้นที่กว้างพอก็สามารถซื้อทีวีจอ 40-50 นิ้วได้เลย เพื่อความคุ้มค่าในการใช้งานและไม่ต้องซื้อเปลี่ยนใหม่ในอนาคต ขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณาความต้องการใข้งานของตนเองด้วยว่าต้องการฟังก์ชั่นแบบใด เช่น สมาร์ททีวี 3มิติ หรือการใช้งานแอพพลิเคชั่น ซึ่งผู้บริโภคไม่ควรรีบตัดสินใจแต่ควรไปศึกษาและทดลองใช้งานจริงจากร้านจำหน่ายก่อน.
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
http://m.thairath.co.th/content/tech/395094
ไม่มีความคิดเห็น: