13 กุมภาพันธ์ 2557 อุตสาหกรรม PayTV ในปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจเคเบิลและทีวีดาวเทียมมีอัตราการเติบโตกว่า 23% ปีที่ผ่านมามีเม็ดเงินโฆษณาอยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท
ประเด็นหลัก
ปัจจุบันคอนเทนต์ต่างๆนับว่ามีความสำคัญมากกับผู้ประกอบกิจการด้านโทรทัศน์ และสื่อเกือบทุกประเภท ดังนั้นเมื่อคอนเทนต์เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายต้องการมูลค่าของคอนเทนต์จึงขยับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5-10% ทุกปี อีกทั้งในปีนี้เมื่อมีเรื่องของทีวีดิจิตอลเพิ่มเข้ามาอีก 1 รูปแบบจึงทำให้ตลาดคอนเทนต์ที่เหลืออยู่น้อยนิดขาดแคลนเพิ่มขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันแม้ปัจจัยทีวีดิจิตอลที่เพิ่มเข้ามาจะทำให้ผู้ประกอบกิจการต้องวิ่งทำงานหาคอนเทนต์กันให้วุ่นแล้ว แต่ในแง่การแข่งขันของตลาดเพย์ทีวีกลับสูงมากกว่า เนื่องจากเพย์ทีวีเป็นธุรกิจตรงที่ต้องอาศัยคอนเทนต์มาเป็นการช่วยดึงกลุ่มผู้ชมให้เพิ่มเข้ามาเป็นสมาชิกมากที่สุด
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจเคเบิลและทีวีดาวเทียมมีอัตราการเติบโตกว่า 23% แต่ในปีนี้จากงานสมาคมมีเดียเอเยนซีที่เพิ่งจัดผ่านพ้นไปได้คาดการณ์ว่าปีนี้กลุ่มธุรกิจทีวีดาวเทียมทั้งหมดจะ -6% จากเดิมในปีที่ผ่านมามีเม็ดเงินโฆษณาอยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยปีนี้จะลดลงเหลือเพียง 1.4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
______________________________________
เปิดศึก'เพย์ทีวี'คอนเทนต์ดี-พันธมิตรมือถึง
- คอลัมน์ : ตลาด พิมพ์
พฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยที่หันมาเสพคอนเทนต์มากขึ้น ส่งผลให้ตลาดเพย์ทีวีมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่การเข้ามาของทีวีดิจิตอลที่กลายเป็นเรื่องใหม่ altและถูกจับตาว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนทีวีเมืองไทยให้ก้าวสู่โลกแห่งเสรีทีวีโดยเปิดกว้างผ่านจอ 48 ช่อง แน่นอนว่ากระแสดังกล่าวส่งผลทำให้ตลาดเพย์ทีวีชะงักงันไป
++ ทรูไม่หวั่น เดินเกมรักษาแชมป์
นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลยุทธ์การทำตลาดปีนี้ บริษัทมุ่งเน้นการเสริมคอนเทนต์ให้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ชม ขณะเดียวกันบริษัทต้องการรักษาตำแหน่งผู้นำเพย์ทีวีอันดับ 1 ของไทย
"บริษัทเชื่อว่า คอนเทนต์ เป็นปัจจัยหลักสำคัญที่จะสร้างความแตกต่างระหว่างผู้ให้บริการ ดังนั้นในปีนี้บริษัทจะเน้นคอนเทนต์ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การถ่ายทอดสดรายการกีฬา ,การเพิ่มช่องเอชดีกว่า 50 ช่อง , รายการดังระดับโลก และผลิตรายการโลคัลคอนเทนต์เอง"
สำหรับในปีนี้ทรูวิชั่นส์จะเปิด 2 ช่องรายการกีฬาในระบบความคมชัดสูง หรือ เอชดี (HD) คือ ช่อง ASN2 (ช่อง 158) เป็นช่องรายการของอเมริกันฟุตบอล และช่อง beIN SPORTS (ช่อง 159) ซึ่งเป็นช่องรายการกีฬาวาไรตี ทั้งฟุตบอล วอลเลย์บอล และมีรายการที่เป็นของแฟนคลับ 3 สโมสรฟุตบอลดัง คือ ลิเวอร์พูลทีวี ปารีสแชงต์แชร์กแมงทีวี และฮอตสปอร์ตทีวี พร้อมทั้งบริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้
++ พีเอสไอเนื้อหอม พาร์ตเนอร์รุมจีบ
นายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าสมาชิกจำนวนกว่า 14 ล้านครัวเรือน หรือ 16 ล้านกล่อง ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทได้วางเป้าหมายรวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 4.5 พันล้านบาท
alt โดยกลยุทธ์การทำตลาดของพีเอสไอ เน้นการจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการอื่น เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นอาร์เอส และซีทีเอช ในการทำกล่องระบบ o2 ขึ้นมา พร้อมแลกเปลี่ยนคอนเทนต์กัน ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์กีฬาฟุตบอลที่อาร์เอสถือลิขสิทธิ์ เช่น ฟุตบอลลาลีก้า สเปน และฟุตบอลโลก โดยพีเอสไอตั้งเป้าที่จะมียอดขายกล่องเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 แสนกล่องหลังหมดฤดูกาลฟุตบอลโลก 2014
++ ซีทีเอช วางเป้าขยายฐานเพิ่มเท่าตัว
สำหรับซีทีเอช ถือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่แม้จะหน้าใหม่แต่การคว้าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาได้ ถือเป็นการสร้างแบรนด์แบบทางลัด ทำให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว และยังถือคอนเทนต์ที่ได้ชื่อว่าเป็น คิงส์ ออฟ ฟุตบอลไว้ในมือ ทำให้ตั้งเป้าที่จะมีสมาชิกปีแรกมากถึง 1.5 แสนราย แต่ก็ต้องประสบปัญหาการติดตั้งทำให้ไม่สามารถขยายฐานลูกค้าสมาชิกได้มากตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ส่งผลให้ปีแรกมีสมาชิกเพียงกว่า 5 แสนรายเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ในปีนี้การประกาศเพิ่มคอนเทนต์ ควบคู่ไปกับการเพิ่มพันธมิตร อย่างพีเอสไอ และแกรมมี่ ทำให้ซีทีเอชสามารถก้าวเดินได้อย่างรวดเร็วและจะมีสมาชิกมากกว่า 3 ล้านราย โดยเป็นสมาชิกของซีทีเอช 1 ล้านราย สมาชิกพีเอสไอ และแกรมมี่อีก 2 ล้านราย และเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านตลาดเพย์ทีวี โดยล่าสุดซีทีเอชได้แต่งตั้ง นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานกรรมกรรมการบริหาร พร้อมประกาศสร้างรายได้ปีนี้กว่า 5-6 พันล้าน จากเดิมที่มีรายได้ 1 พันล้านเท่านั้น
alt โดยนายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า ปีนี้จะเป็นปีแรกที่บริษัทจะคืนทุนค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆที่เคยลงไป อาทิ ค่าคอนเทนต์ ค่าโครงข่าย เป็นต้น โดยบริษัทจะใช้ 3 กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ประกอบไปด้วย คอนซูเมอร์เซ็นทริก โดยจะทำโปรแกรมและคอนเทนต์ให้หลากหลายและปรับแพ็กเกจใหม่ โดยมี 4 แพ็กเกจ คือ mini pack 270 บาทต่อเดือน ,Big Family Pack 450 บาทต่อเดือน ,Edutainment Pack 650 บาทต่อเดือน และSuper Premium Pack 999 บาทต่อเดือน
2.พาร์ตเนอร์เซ็นทริก โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้จับมือกับพาร์ตเนอร์ทั้งพีเอสไอ และแกรมมี่ ในการขยายตลาดและดึงลูกค้าให้เร็วขึ้น แทนที่ในอดีต ที่ซีทีเอชเน้นกลุ่ม LCO (โลคัล เคเบิล โอเปอเรเตอร์) ซึ่งมีอยู่ราว 170 ราย และแซตเทลไลต์ 417 ราย ซึ่งที่ผ่านมาสามารถขยายตลาดได้พอสมควร แต่อนาคตมองว่าการขยายตลาดเคเบิลจะเป็นเรื่องยาก 3.อิมแพ็กต์ทีวีดิจิตอล โดยบริษัทมองว่าทีวีดิจิตอลเป็นการแชร์คอนเทนต์ การขายโฆษณาต่างๆก็จะสามารถทำร่วมกันได้มาก ขณะเดียวกันในอนาคตมีแนวโน้มวางแผนรุกธุรกิจโมบายเพื่อแชร์คอนเทนต์ด้วย ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีฐานสมาชิกจำนวน 5 แสนราย และสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านราย (รวมสมาชิกแกรมมี่ และพีเอสไอ) โดยเป็นสมาชิกของซีทีเอชเอง 1 ล้านราย
อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทเตรียมใช้งบประมาณในการซื้อคอนเทนต์ใหม่ราว 1.5 พันล้านบาท (ไม่รวมคอนเทนต์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 100 ล้านดอลลาห์สหรัฐฯ) ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะรายได้ 5-6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 1 พันล้านบาท
++ แกรมมี่ ตั้งเป้ารายได้ 2 พันล้าน
ขณะที่นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มงานแพลตฟอร์ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ต้นปี โดยจีเอ็มเอ็มแซท ร่วมมือกับซีทีเอช จัดทำแพ็กเกจใหม่ขึ้นมา ภายใต้ชื่อ ซีทีเอชแซท พรีเมียร์ลีก พลัส เอชดี ซึ่งให้ผู้ชมได้ชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก สุดยอดลีกลูกหนังของอังกฤษ
โดยแพ็เกจนี้จะให้บริการในกล่อง จีเอ็มเอ็ม แซท เอชดี ทุกรุ่น ในราคา 999 บาท (รับชมได้30 วัน) ขณะที่ผู้ชมรายใหม่ที่ยังไม่มีกล่องก็สามารถขอติดตั้งกล่องได้ คือรุ่น จีเอ็มเอ็ม แซท เอชดี ไลต์ (HD LITE) มูลค่า 1,590 บาท ทั้งนี้ภายในสิ้นปีบริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 1.5-2 พันล้านบาท และจะมีฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนราย จากเดิมในปีที่ผ่านมามีจำนวนสมาชิกเพย์ทีวีอยู่ที่จำนวน 1 แสนราย
++ คอนเทนต์จุดขายเพย์ทีวี
ปัจจุบันคอนเทนต์ต่างๆนับว่ามีความสำคัญมากกับผู้ประกอบกิจการด้านโทรทัศน์ และสื่อเกือบทุกประเภท ดังนั้นเมื่อคอนเทนต์เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายต้องการมูลค่าของคอนเทนต์จึงขยับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5-10% ทุกปี อีกทั้งในปีนี้เมื่อมีเรื่องของทีวีดิจิตอลเพิ่มเข้ามาอีก 1 รูปแบบจึงทำให้ตลาดคอนเทนต์ที่เหลืออยู่น้อยนิดขาดแคลนเพิ่มขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันแม้ปัจจัยทีวีดิจิตอลที่เพิ่มเข้ามาจะทำให้ผู้ประกอบกิจการต้องวิ่งทำงานหาคอนเทนต์กันให้วุ่นแล้ว แต่ในแง่การแข่งขันของตลาดเพย์ทีวีกลับสูงมากกว่า เนื่องจากเพย์ทีวีเป็นธุรกิจตรงที่ต้องอาศัยคอนเทนต์มาเป็นการช่วยดึงกลุ่มผู้ชมให้เพิ่มเข้ามาเป็นสมาชิกมากที่สุด
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจเคเบิลและทีวีดาวเทียมมีอัตราการเติบโตกว่า 23% แต่ในปีนี้จากงานสมาคมมีเดียเอเยนซีที่เพิ่งจัดผ่านพ้นไปได้คาดการณ์ว่าปีนี้กลุ่มธุรกิจทีวีดาวเทียมทั้งหมดจะ -6% จากเดิมในปีที่ผ่านมามีเม็ดเงินโฆษณาอยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยปีนี้จะลดลงเหลือเพียง 1.4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=218154:2014-02-09-13-44-34&catid=107:2009-02-08-11-34-25&Itemid=456#.UvyoZEKSwcs
ไม่มีความคิดเห็น: