20 มิถุนายน 2557 สปริงนิวส์.ทันยา ระบุ จะได้เห็นแพลตฟอร์มใหม่บนวิทยุ และหน้าจอโทรทัศน์บนรถแท็กซี่ ซึ่งได้ทำการติดตั้งไปแล้วกว่า 1,000 คัน
ประเด็นหลัก
“สปริงนิวส์ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 5 ของการนำเสนอข่าว และมีความพร้อมที่จะยกระดับขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของสถานีข่าวดิจิตอล ภายในระยะเวลา 2 ปี โดยเราได้เติมเต็มทั้งในส่วนของอุปกรณ์ที่ทันสมัยตลอดจนบุคลากร พร้อมกันนี้ก็มีแผนที่จะขยายสตูดิโอรวมถึงสำนักงานใหม่ที่เป็นสแตนด์อโลนให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 ปี และในอนาคตคงจะได้เห็นแพลตฟอร์มใหม่บนวิทยุ และหน้าจอโทรทัศน์บนรถแท็กซี่ ซึ่งได้ทำการติดตั้งไปแล้วกว่า 1,000 คัน” นางสาวทันยากล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของเม็ดเงินในเซ็กเมนต์ของข่าวที่ประเมินจากตัวราคาทีวีดิจิตอล พบว่า ราคาในแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกัน ซึ่งราคาในตลาดกลุ่มเอชดี (HD) อยู่ที่ 200,000-300,000 บาท และข่าวในช่วงเวลาที่มีผู้ชมโทรทัศน์มากที่สุดอยู่ที่ 120,000-150,000 บาท ซึ่งสปริงนิวส์เองก็ได้มีการปรับผังรายการให้เหมาะสมมากที่สุด ด้วยฐานผู้ชมส่วนใหญ่เป็นผู้ชมต่างจังหวัด จึงเน้นที่จะเจาะผู้ชมในกรุงเทพฯ ให้มากขึ้น โดยสัดส่วนผังรายการเป็นข่าวที่ 80% และสาระบันเทิงอีก 20% นอกจากนี้จากผลสำรวจของบริษัท อิน เทรด วัดจากฐานผู้บริโภคทั่วไปจำนวน 500 คนในกรุงเทพฯ พบว่า สถานีข่าวสปริงนิวส์ เป็นสถานีที่ผู้บริโภคให้การตอบรับและมีความไว้วางใจ ตลอดจนมีความถูกใจในเนื้อหาข่าวเป็นอันดับที่ 2 รองจาก โทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 3 ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่สปริงนิวส์จะสามารถขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของสถานีข่าวดิจิตอลได้อย่างแน่นอน.
______________________________________
สปริงนิวส์'มั่นใจ เบอร์1สถานีข่าว
สปริงนิวส์ยกระดับความพร้อมขึ้นเป็นเบอร์ 1 สถานีข่าวดิจิตอล ทุ่มงบ 200 ล้าน ขยายสำนักงานใหม่ เตรียมสร้างแพลตฟอร์มสถานีข่าวบนวิทยุเพิ่มเติม
นางสาวทันยา วงษ์โอภาสี รองประธานกรรมการบริหารด้านธุรกิจองค์กร บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ เปิดเผยว่า สปริงนิวส์เริ่มต้นมาจากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียวเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และในปีนี้ขยายแพลตฟอร์มสู่ทีวีดิจิตอล โดยใช้งบลงทุนรวมที่ 2,000 ล้านบาท สำหรับรายได้ของสปริงนิวส์ในปีที่ผ่านมาปิดที่ 130 ล้านบาท และในปีนี้เมื่อเข้าสู่ระบบทีวีดิจิตอล ก็ตั้งเป้าว่ารายได้จะเติบโตที่ 300 ล้านบาท ซึ่งในปี 2557 ใช้งบประมาณลงทุนที่ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นในส่วนของการต่อยอดสตูดิโอและขยายสำนักงานใหม่ที่ 150 ล้านบาท และงบทางการตลาดอีก 50 ล้านบาท
สำหรับเม็ดเงินตลาดโฆษณาบนโทรทัศน์อยู่ที่ 60,000-70,000 ล้านบาท ในส่วนของสปริงนิวส์ได้ส่วนแบ่งทางการตลาดเพียง 1% ก็จะสามารถถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งสปริงนิวส์เองมีความได้เปรียบในแง่ของการลงทุน ที่มีพื้นฐานมาจากโทรทัศน์ดาวเทียวอยู่แล้ว และมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยแต่ราคาไม่ได้สูงมาก ซึ่งคาดว่าภายใน 3 ปีจะสามารถคุ้มทุนและสร้างกำไรได้
“สปริงนิวส์ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 5 ของการนำเสนอข่าว และมีความพร้อมที่จะยกระดับขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของสถานีข่าวดิจิตอล ภายในระยะเวลา 2 ปี โดยเราได้เติมเต็มทั้งในส่วนของอุปกรณ์ที่ทันสมัยตลอดจนบุคลากร พร้อมกันนี้ก็มีแผนที่จะขยายสตูดิโอรวมถึงสำนักงานใหม่ที่เป็นสแตนด์อโลนให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 ปี และในอนาคตคงจะได้เห็นแพลตฟอร์มใหม่บนวิทยุ และหน้าจอโทรทัศน์บนรถแท็กซี่ ซึ่งได้ทำการติดตั้งไปแล้วกว่า 1,000 คัน” นางสาวทันยากล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของเม็ดเงินในเซ็กเมนต์ของข่าวที่ประเมินจากตัวราคาทีวีดิจิตอล พบว่า ราคาในแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกัน ซึ่งราคาในตลาดกลุ่มเอชดี (HD) อยู่ที่ 200,000-300,000 บาท และข่าวในช่วงเวลาที่มีผู้ชมโทรทัศน์มากที่สุดอยู่ที่ 120,000-150,000 บาท ซึ่งสปริงนิวส์เองก็ได้มีการปรับผังรายการให้เหมาะสมมากที่สุด ด้วยฐานผู้ชมส่วนใหญ่เป็นผู้ชมต่างจังหวัด จึงเน้นที่จะเจาะผู้ชมในกรุงเทพฯ ให้มากขึ้น โดยสัดส่วนผังรายการเป็นข่าวที่ 80% และสาระบันเทิงอีก 20% นอกจากนี้จากผลสำรวจของบริษัท อิน เทรด วัดจากฐานผู้บริโภคทั่วไปจำนวน 500 คนในกรุงเทพฯ พบว่า สถานีข่าวสปริงนิวส์ เป็นสถานีที่ผู้บริโภคให้การตอบรับและมีความไว้วางใจ ตลอดจนมีความถูกใจในเนื้อหาข่าวเป็นอันดับที่ 2 รองจาก โทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 3 ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่สปริงนิวส์จะสามารถขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของสถานีข่าวดิจิตอลได้อย่างแน่นอน.
http://www.thaipost.net/news/200614/91975
ไม่มีความคิดเห็น: