20 มิถุนายน 2557 Amazon เปิดตัว Amazon Fire Phone เครื่องชอปปิ้งหรือโทรศัพท์ คุณสมบัติ Firefly ผู้ใช้สามารถคลิกซื้อสินค้าและบริการอื่นๆบน Amazon ได้ง่ายกว่าเดิม
ประเด็นหลัก
'Amazon Fire Phone' เครื่องชอปปิ้งหรือโทรศัพท์!?
คุณสมบัติ Firefly ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่สุดที่ทำให้ Fire Phone เป็นที่สนใจของโลก เพราะคุณสมบัตินี้คือความชัดเจนที่สะท้อนว่า Amazon ต้องการปูทางให้ผู้ใช้สามารถคลิกซื้อสินค้าและบริการอื่นๆบน Amazon ได้ง่ายกว่าเดิม
นี่เองเป็นที่มาของคำว่า “This is a shopping device.” ซึ่งเป็นคำที่สื่อมวลชนสหรัฐฯยกให้ Fire Phone เรื่องนี้เจฟฟ์ เบซอส (Jeff Bezos) ซีอีโอ Amazon การันตีในงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของบริษัทว่า Fire Phone จะมาพร้อมปุ่ม Firefly ซึ่งผู้ใช้จะสามารถกดเพื่อวิเคราะห์และดึงข้อมูลได้หลายชนิด เช่น หน้าเว็บไซต์, ที่อยู่อีเมลแอดเดรส, เบอร์โทรศัพท์, รหัสภาพ QR และบาร์โคด รวมถึงงานตกแต่งศิลป์ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถรองรับไฟล์เสียงทั้งเพลง ภาพยนตร์ รายการทีวี รวมถึงสินค้ามากกว่า 100 ล้านชนิด ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถทราบข้อมูลของสิ่งที่สนใจได้ในเวลาไม่กี่วินาที
ผลคือ Firefly สามารถบอกผู้ใช้ได้ว่า เสียงเพลงที่กำลังได้ยินนั้นมีชื่อเพลงอะไร หรือภาพวิดีโอที่กำลังชมนั้นคือรายการทีวีใด รวมถึงปกหนังสือน่าสนใจที่กำลังเห็นอยู่นี้มีจำหน่ายที่ใดบ้าง หรือแม้แต่ชื่อผักและผลไม้ที่วางอยู่ตรงหน้า
เบื้องหลังความสามารถนี้ของ Fire Phone คือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ภาพ เสียง และข้อความซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถสแกนเพื่อตอบข้อสงสัยของสิ่งที่เห็นหรือได้ยินแบบทันใจ ซึ่งไม่เพียงตอบข้อข้องใจ Amazon ยังได้ประโยชน์เพราะ Firefly สามารถเป็นเครื่องมือช่วยขายสินค้าและบริการแสนสะดวกบน Amazon ชนิดที่เรียกได้ว่า one-stop shopping
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเรียกว่าวิน-วินกับทุกฝ่าย ทั้ง Amazon เองที่จะมีช่องทางขายสินค้าได้ง่ายขึ้น ขณะที่ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาเปิดเสิร์ชเอนจิ้นเจ้าอื่นเพื่อค้นหาด้วยตัวเอง แถมไม่เพียงช่วยขายของ Firefly ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถส่งอีเมลถึงเพื่อนร่วมงานคนใหม่ หลังจากที่สแกนนามบัตรไม่กี่วินาที
______________________________________
'Amazon Fire Phone' เครื่องชอปปิ้งหรือโทรศัพท์!?
ทันทีที่ 'อเมซอน (Amazon)' เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซอเมริกันเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของบริษัทในชื่อ 'ไฟร์โฟน (Fire Phone)' เมื่อวันพุธที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐฯ นักวิเคราะห์ทั่วโลกฟันธงว่านี่คืออุปกรณ์ที่ได้ชื่อว่าเป็น “Shopping Machine” หรืออุปกรณ์เพื่อการชอปปิ้งที่ถูกเรียกว่าโทรศัพท์เท่านั้น แถมยังใช้จุดยืนการเป็นอุปกรณ์สู่นานาบริการของ Amazon ซึ่งทำให้นักลงทุนยิ้มแก้มปริ แต่ฝ่ายเดียวที่ยิ้มไม่ไหวคือผู้บริโภคนอกสหรัฐฯที่พบว่าราคาจำหน่าย Fire Phone นั้นอยู่ในระดับที่ไม่สบายกระเป๋าเลย
***อุปกรณ์กระตุ้นอีคอมเมิร์ซ
Amazon นั้นเป็นร้านค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ของชาวอเมริกันซึ่งจำหน่ายสินค้าหลายชนิดทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น สินค้าอุปโภคบริโภค หนังสือ ซีดีเพลง รวมถึงไฟล์ความบันเทิงทั้งในรูปแบบเพลง ภาพยนตร์ รายการทีวี และสื่อดิจิตอลอื่นๆ ที่ผ่านมา Amazon สร้างสรรค์สินค้าระบบปฏิบัติการ Fire พร้อมวางจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Fire เพื่อเป็นประตูให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น สินค้ากลุ่มแรกในแบรนด์ Fire คือเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 'คินเดิล (Kindle)' ที่ทำให้ Amazon สามารถสร้างฐานลูกค้าในตลาดอีบุ๊กได้อย่างจริงจัง ต่อมาคือแท็บเล็ต 'คินเดิลไฟร์ (Kindle Fire)' และอุปกรณ์เสริมสำหรับโทรทัศน์ 'ไฟร์ทีวี (Amazon Fire TV)' ซึ่งทำตลาดพร้อมร้านจำหน่ายแอปพลิเคชันและมัลติมีเดีย Amazon Appstore อยู่แล้วในขณะนี้
สินค้าล่าสุดที่ Amazon ส่งมาเสริมแบรนด์ Fire คือ Fire Phone โดยเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซอเมริกันเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของบริษัทด้วยการชูคุณสมบัติเด่นนามว่า 'ไฟร์ฟลาย (Firefly)' พร้อมการันตีว่านี่คือตัวช่วยให้เจ้าของมือถือ Fire Phone สามารถวิเคราะห์และดึงข้อมูลสิ่งของ-ภาพ-เสียงรอบตัวได้มากกว่า 100 ล้านชนิด
'Amazon Fire Phone' เครื่องชอปปิ้งหรือโทรศัพท์!?
คุณสมบัติ Firefly ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่สุดที่ทำให้ Fire Phone เป็นที่สนใจของโลก เพราะคุณสมบัตินี้คือความชัดเจนที่สะท้อนว่า Amazon ต้องการปูทางให้ผู้ใช้สามารถคลิกซื้อสินค้าและบริการอื่นๆบน Amazon ได้ง่ายกว่าเดิม
นี่เองเป็นที่มาของคำว่า “This is a shopping device.” ซึ่งเป็นคำที่สื่อมวลชนสหรัฐฯยกให้ Fire Phone เรื่องนี้เจฟฟ์ เบซอส (Jeff Bezos) ซีอีโอ Amazon การันตีในงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของบริษัทว่า Fire Phone จะมาพร้อมปุ่ม Firefly ซึ่งผู้ใช้จะสามารถกดเพื่อวิเคราะห์และดึงข้อมูลได้หลายชนิด เช่น หน้าเว็บไซต์, ที่อยู่อีเมลแอดเดรส, เบอร์โทรศัพท์, รหัสภาพ QR และบาร์โคด รวมถึงงานตกแต่งศิลป์ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถรองรับไฟล์เสียงทั้งเพลง ภาพยนตร์ รายการทีวี รวมถึงสินค้ามากกว่า 100 ล้านชนิด ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถทราบข้อมูลของสิ่งที่สนใจได้ในเวลาไม่กี่วินาที
ผลคือ Firefly สามารถบอกผู้ใช้ได้ว่า เสียงเพลงที่กำลังได้ยินนั้นมีชื่อเพลงอะไร หรือภาพวิดีโอที่กำลังชมนั้นคือรายการทีวีใด รวมถึงปกหนังสือน่าสนใจที่กำลังเห็นอยู่นี้มีจำหน่ายที่ใดบ้าง หรือแม้แต่ชื่อผักและผลไม้ที่วางอยู่ตรงหน้า
เบื้องหลังความสามารถนี้ของ Fire Phone คือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ภาพ เสียง และข้อความซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถสแกนเพื่อตอบข้อสงสัยของสิ่งที่เห็นหรือได้ยินแบบทันใจ ซึ่งไม่เพียงตอบข้อข้องใจ Amazon ยังได้ประโยชน์เพราะ Firefly สามารถเป็นเครื่องมือช่วยขายสินค้าและบริการแสนสะดวกบน Amazon ชนิดที่เรียกได้ว่า one-stop shopping
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเรียกว่าวิน-วินกับทุกฝ่าย ทั้ง Amazon เองที่จะมีช่องทางขายสินค้าได้ง่ายขึ้น ขณะที่ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาเปิดเสิร์ชเอนจิ้นเจ้าอื่นเพื่อค้นหาด้วยตัวเอง แถมไม่เพียงช่วยขายของ Firefly ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถส่งอีเมลถึงเพื่อนร่วมงานคนใหม่ หลังจากที่สแกนนามบัตรไม่กี่วินาที
ตัวเลข 100 ล้านไอเท็มที่ Amazon การันตีว่า Firefly ใน Fire Phone สามารถวิเคราะห์ได้ ประกอบด้วยสินค้ามากกว่า 70 ล้านชิ้น เพลงมากกว่า 35 ล้านเพลง ภาพยนตร์และรายการทีวี 245,000 ตอน รวมถึงช่องทีวีถ่ายทอดสด 160 ช่อง
บนเวที ซีอีโอ Amazon สาธิตให้เห็นว่า Firefly สามารถวิเคราะห์ภาพถ้วยแก้วใส่แยมช็อคโกแล็ต แล้วแสดงผลได้ว่านี่คือแยมตรา Nutella ขณะเดียวกันก็สามารถวิเคราะห์ภาพตัวเลขบนบัตรเครดิต ซึ่งทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องพิมพ์ตัวเลขหน้าบัตรให้เมื่อยมืออีกต่อไป
Amazon ไม่ลืมที่จะพัฒนาให้ Fire Phone สามารถเข้าถึงบริการออนไลน์นานาชนิดของ Amazon ซึ่งให้บริการแก่ผู้ใช้ Kindle และ Kindle Fire ตัวอย่างเช่นบริการ Mayday ซึ่งผู้ใช้สามารถกดปุ่มเพื่อขอความช่วยเหลือจากพนักงานผ่านวิดีโอได้แบบ 24 ชั่วโมง, บริการ ASAP (Advanced Streaming and Prediction) ซึ่งจะคาดเดาว่าผู้ใช้ต้องการชมภาพยนตร์หรือรายการทีวีเรื่องใด พร้อมดาวน์โหลดมารอไว้ล่วงหน้า รวมถึงบริการ X-Ray คุณสมบัติจากเครื่องอ่านอีบุ๊ก Kindle ที่จะทำให้ผู้ใช้ได้ทราบข้อมูลรายชื่อตัวละคร สถานที่ เหตุการณ์ ในหนังสือว่าเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ใด คุณสมบัตินี้สามารถใช้กับทีวี หนัง เพลง ได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Amazon ยังสามารถใช้คุณสมบัติ Second Screen สำหรับส่งมัลติมีเดียที่อยากชมไปยังอุปกรณ์เสริมทีวี Fire TV และอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับมาตรฐาน Miracast แถม Amazon ยังมอบสิทธิพิเศษให้สมาร์ทโฟนนี้น่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยการให้สิทธิ์ผู้ซื้อ Fire Phone ช่วงเปิดตัว ได้เป็นสมาชิก Amazon Prime ฟรีหนึ่งปี
'Amazon Fire Phone' เครื่องชอปปิ้งหรือโทรศัพท์!?
***3 มิติที่แตกต่าง
อีกความโดดเด่นของ Fire Phone คือหน้าจอ 3D ซึ่งแสดงภาพ 3 มิติ ตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอขนาด 4.7 นิ้วซึ่งถือว่าใหญ่เต็มตาเหมาะกับการชมแผนที่หรือภาพความละเอียดสูง จุดนี้ Amazon ติดตั้งกล้องดิจิตอล 4 ตัวสำหรับตรวจจับภาพใบหน้าผู้ใช้ เพื่อแสดงภาพ 3 มิติ perspective ที่ปรับมุมมองตามกิจกรรมของผู้ใช้ จุดนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถขยับเครื่องหรือใบหน้าเพื่อดูภาพ 3 มิติในมุมที่ต่างไป
นักวิเคราะห์เชื่อว่าเหตุที่ทำให้ Amazon พัฒนาคุณสมบัตินี้ขึ้นคือการลดกิจกรรมหรืออินพุตที่ผู้ใช้ต้องทำกับเครื่องเพื่อแสดงผลในมุมที่ต่างไป แทนที่จะต้องคลิกหรือใช้นิ้วมือเพื่อเลื่อนหน้าจอ ผู้ใช้สามารถเอียงเครื่องหรือเงยหน้ารวมถึงการเปลี่ยนองศาการมองในมุมอื่น ระบบก็สามารถรับรู้ได้ว่าผู้ใช้ต้องการชมภาพในมุมที่ต่างไป
การสร้างความแตกต่างนี้ Amazon ให้ชื่อเรียกว่า Dynamic Perspective คุณสมบัตินี้ทำให้หลายคนข้องใจว่าจะทำให้แบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟน Amazon หมดเร็วหรือไม่ เรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ โดย Amazon การันตีเพียงว่า Fire Phone ซึ่งมาพร้อมแบตเตอรี่ 2400 mAH สามารถสนทนาต่อเนื่องได้นาน 22 ชั่วโมง และเปิดเครื่องพร้อมใช้งานนาน 285 ชั่วโมง ขณะเดียวกันก็สามารถเล่นไฟล์วิดีโอมาราธอนนาน 11 ชั่วโมง พร้อมกับไฟล์เพลงอีก 65 ชั่วโมง
จุดเด่นของ Fire Phone ยังอยู่ที่ระบบถ่ายภาพ กล้องหลังของเครื่องมาพร้อมความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ระบบกันภาพสั่น พร้อมพื้นที่เก็บภาพไม่จำกัดผ่านบริการฝากไฟล์ออนไลน์ Amazon Cloud Drive
'Amazon Fire Phone' เครื่องชอปปิ้งหรือโทรศัพท์!?
***ราคาไม่น่าปลื้ม?
ราคาของสมาร์ทโฟน Amazon นั้นไม่ธรรมดา นั่นคือเริ่มต้นที่ 649 และ 749 ดอลลาร์สหรัฐ แบบปลอดสัญญา (ราว 20,700 บาทและ 24,000 บาท) คิววางจำหน่ายคือ 25 กรกฎาคมนี้ จุดนี้ผู้ใช้ในสหรัฐฯสามารถซื้อเวอร์ชันความจุ 32GB แบบติดสัญญา 2 ปีในราคา 199 และ 299 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 6,400 และ 9,600 บาทกับโอเปอเรเตอร์ 'เอทีแอนด์ที (AT&T)'
ราคาเปิดตัวนี้ทำให้ผู้ใช้ Amazon นอกสหรัฐฯไม่ปลื้ม เพราะผู้อาศัยในสหรัฐฯเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ซื้อเครื่องในราคาเริ่มที่ 199.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นระดับราคาเดียวกับ iPhone 5C ของแอปเปิล แต่มีเทคโนโลยีหน้าจอที่เหนือชั้นกว่า
อย่างไรก็ตาม การเปิดตัว Fire Phone ได้รับเสียงตอบรับในแง่บวกจากนักลงทุนทั่วโลก โดยมูลค่าหุ้น Amazon เพิ่มขึ้นทันที 2.7% จนแตะระดับ 334.38 เหรียญสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แม้ว่า Amazon จะเป็นผู้เล่นรายเล็กที่ถือว่ายังไล่ตามยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล (Apple) และซัมซุง (Samsung) รวมถึงเบอร์รองอย่างโมโตโรลา (Motorola) และโนเกีย (Nokia)
ปัจจุบัน Samsung และ Apple ครองตลาดส่วนแบ่งสมาร์ทโฟนโลกรวมกันมากกว่า 46% ข้อมูลจากบริษัทวิจัย IDC พบว่าในสหรัฐฯ Apple มีสัดส่วนนำโด่งอยู่ที่ 37% ขณะที่ Samsung มีส่วนแบ่งตลาด 29% ซึ่งคาดว่าสัดส่วนนี้อาจเปลี่ยนแปลงไปเมื่อ Fire Phone เริ่มทำตลาดอย่างจริงจัง ท่ามกลางรายได้จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซของ Amazon ที่จะเติบโตขึ้นก้าวกระโดดแน่นอนหาก Fire Phone สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างงดงาม
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000069162
ไม่มีความคิดเห็น: