09 กรกฎาคม 2557 กลุ่ม AXIATA ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ นามเทเลคอมมาเลเซีย ขายหุ้นคืนให้ SAMART 2,875 ล้านบาท ไร้ปัญหาแต่ขอบข่ายธุรกิจไม่ตรงกัน
ประเด็นหลัก
“กลุ่ม AXIATA หรือเดิมคือ เทเลคอมมาเลเซีย ได้เข้ามาถือหุ้นในกลุ่มบริษัทสามารถฯ นับตั้งแต่ปี 2540 ถือเป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์แข็งแกร่งและยาวนานเกือบ 17 ปี การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมีข้อขัดแย้งใดๆ แต่มีที่มาจากเหตุผลทางธุรกิจและนโยบายการลงทุนของกลุ่ม AXIATA เป็นหลัก ทั้งนี้เนื่องจาก AXIATA ประกอบธุรกิจหลักในการเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobile Operator ในขณะที่ขอบข่ายธุรกิจปัจจุบันของสามารถ ไอ-โมบาย มุ่งเน้นการจำหน่ายมือถือและการให้บริการคอนเทนต์ จึงไม่สอดคล้องโดยตรงกับธุรกิจหลักของAXIATA”
______________________________________
สามารถซื้อกลับหุ้น'ซิม'
“สามารถ คอร์ป” ซื้อหุ้น “ซิม” คืนจาก “AXIATA” สัดส่วน 23.93% คิดเป็นมูลค่า 2,875 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จภายใน 30 วัน ส่งผลให้ถือหุ้นสูงสุด 74.11% มั่นใจสิ้นปีขายได้ 4 ล้านเครื่อง
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการลงนามในสัญญาการซื้อขายหุ้นสามัญของ บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย หรือซิม โดยAXIATA Group Berhad (AXIATA) ได้ขายหุ้นสามัญของสามารถไอ-โมบายจำนวน 1,053,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 23.93% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด คืนให้แก่ บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในราคาหุ้นละ 2.73 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 2,875 ล้านบาท โดยรายการซื้อขายดังกล่าวจะดำเนินการผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และจะแล้วเสร็จภายใน 30 วันนับจากวันลงนาม โดยภายหลังการดำเนินการเสร็จสิ้น บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น จะมีสัดส่วนการถือครองหุ้นสามารถไอ-โมบาย รวมทั้งสิ้น 74.11%
“กลุ่ม AXIATA หรือเดิมคือ เทเลคอมมาเลเซีย ได้เข้ามาถือหุ้นในกลุ่มบริษัทสามารถฯ นับตั้งแต่ปี 2540 ถือเป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์แข็งแกร่งและยาวนานเกือบ 17 ปี การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมีข้อขัดแย้งใดๆ แต่มีที่มาจากเหตุผลทางธุรกิจและนโยบายการลงทุนของกลุ่ม AXIATA เป็นหลัก ทั้งนี้เนื่องจาก AXIATA ประกอบธุรกิจหลักในการเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobile Operator ในขณะที่ขอบข่ายธุรกิจปัจจุบันของสามารถ ไอ-โมบาย มุ่งเน้นการจำหน่ายมือถือและการให้บริการคอนเทนต์ จึงไม่สอดคล้องโดยตรงกับธุรกิจหลักของAXIATA”
นายวัฒน์ชัยกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเสถียรภาพและความแข็งแกร่งของสามารถ ไอ-โมบาย อย่างแน่นอน โดยบริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ การให้บริการคอนเทนต์ผ่านสื่อมัลติมีเดีย และการให้บริการ MVNO อย่างเต็มรูปแบบ โดยผลประกอบการที่ผ่านมา ก็ได้สะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจของไอ-โมบายอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายตัวของตลาดSmart Phone ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไรอย่างโดดเด่น ล่าสุด ในไตรมาสแรกของปี 2557 ไอ-โมบายสามารถจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ Smart Phone และ Feature Phone รวมกันแล้วกว่า 1ล้านเครื่อง โดยมีราคาขายเฉลี่ยขยับสูงขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตามบริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถจำหน่ายโทรศัพท์มือถือในปี 2557 ได้ถึง 4 ล้านเครื่อง ประมาณการรายได้เพิ่มขึ้นไม่ตํ่ากว่า 20% เมื่อเทียบกับปี 2556 ยิ่งไปกว่านั้น การเข้าซื้อหุ้นไอ-โมบายครั้งนี้ ยังจะส่งผลบวกต่อกำไรในงบการเงินรวมของบมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เพราะจะสามารถรับรู้ผลกำไรของไอ-โมบายเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการถือครองหุ้น จากเดิมประมาณ 57% เป็น 70%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=237623:2014-07-04-10-38-27&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.U70vqFZAeuw
ไม่มีความคิดเห็น: