Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

09 กรกฎาคม 2557 Samsung กำเนิด Samsung store ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลางสยาม ภายใต้งบลงทุนเกือบ 100 ล้านบาท ปัจจุบัน ซัมซุง มีแบรนด์ชอปอยู่ทั่วประเทศราว 130 สาขา และจะทยอยเพิ่มอีก 20 สาขาภายในสิ้นปีนี้


ประเด็นหลัก


       ซัมซุง ผุด เอ็กซ์พีเรียนซ์ สโตร์ ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลางสยาม หวังเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจร ภายใต้งบลงทุนเกือบ 100 ล้านบาท พร้อมวางจำหน่ายแฟลกชิปแท็บเล็ต Galaxy Tab S หวังเพิ่มสัดส่วนตลาดพรีเมียมจับกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการเสพคอนเทนต์คุณภาพสูง เชื่อตลาดแท็บเล็ตเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%

   ปัจจุบัน ซัมซุง มีแบรนด์ชอปอยู่ทั่วประเทศราว 130 สาขา และจะทยอยเพิ่มอีก 20 สาขาภายในสิ้นปีนี้ ด้วยงบประมาณเฉลี่ยสาขาละ 10 ล้านบาท แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการลงทุนร่วมกับเจ้าของสถานที่ หรือดีลเลอร์มากกว่าลงทุนด้วยตนเองทั้งหมด



______________________________________

ซัมซุง ผุดสโตร์กลางกรุงใหญ่สุดในอาเซียน



       ซัมซุง ผุด เอ็กซ์พีเรียนซ์ สโตร์ ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลางสยาม หวังเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจร ภายใต้งบลงทุนเกือบ 100 ล้านบาท พร้อมวางจำหน่ายแฟลกชิปแท็บเล็ต Galaxy Tab S หวังเพิ่มสัดส่วนตลาดพรีเมียมจับกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการเสพคอนเทนต์คุณภาพสูง เชื่อตลาดแท็บเล็ตเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%
     
       นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวถึงตลาดแท็บเล็ตว่า ในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกเพราะในมุมของตลาดคอนซูเมอร์ สิ่งที่ผู้บริโภคอยากได้คือ เทคโนโลยีที่จะเข้ามาตอบโจทย์การใช้งาน ดังนั้น ซัมซุงจึงเน้นการทำธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมเข้ามาเพื่อให้เป็นผู้นำ
     
       “ในช่วงนี้จะมีการเปลี่ยนผ่านการใช้งานระหว่างอุปกรณ์มากขึ้น ยิ่งเมื่อฟังก์ชันรองรับการทำงานมากขึ้น ก็จะเข้ามาแทนที่โน้ตบุ๊กไป และเนื่องจากสัดส่วนการใช้งานยังไม่สูงมาก ทำให้ยังมีโอกาสเติบโตขึ้นอีก และซัมซุงต้องการสร้างเซกเมนต์ที่เป็นพรีเมียมแท็บเล็ตให้เติบโตมากขึ้น”
     
       ในตลาดแท็บเล็ตระดับโลก ปัจจุบันมีปริมาณทั้งหมดราว 290 ล้านเครื่อง ซึ่งซัมซุงตั้งเป้าวางจำหน่ายแท็บเล็ตทั่วโลกไว้ที่ราว 40 ล้านเครื่องในปีนี้ ซึ่ง Galaxy Tab S ที่จะเริ่มวางจำหน่ายในไทย ถือเป็นรุ่นแฟลกชิปที่ดีที่สุดในช่วง 2-3 ปี ของซัมซุงก็ว่าได้
     
       นายสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวโน้มการเติบโตในตลาดแท็บเล็ตว่า ตามปกติแล้วในกลุ่มนี้จะมีอัตราการเติบโตที่พุ่งสูงขึ้นตามผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่ออกมาวางจำหน่าย ซึ่งตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาถือว่ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อยอดขายพอสมควร
     
       “จากสถานการณ์ความไม่สงบในช่วงต้นปีถือว่าส่งผลกระทบต่อตลาดทำให้ไม่เติบโตเท่าที่ควร แต่เมื่อสถานการณ์กลับมาปกติยอดจำหน่ายก็กลับขึ้นมาเหมือนเดิม ดังนั้น เชื่อว่าในครึ่งปีหลังตลาดน่าจะเติบโตกว่า 30% และด้วยการที่ซัมซุงมีส่วนแบ่งตลาดค่อนข้างสูงจึงน่าจะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับตลาด”
     
       สำหรับสัดส่วนในตลาดแท็บเล็ตกว่า 80% จะอยู่ในช่วงระดับราคา 5,000-7,000 บาท ซึ่งถ้าแบ่งในมุมของขนาดหน้าจอสัดส่วนระหว่าง 10 นิ้ว 8 นิ้ว และ 7 นิ้ว จะมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน แต่เชื่อว่าในอนาคตแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว น่าจะมีสัดส่วนน้อยลง กลายเป็น 8 นิ้วแทน เพราะว่าด้วยเทคโนโลยีทำให้ในขนาดตัวเครื่องเท่าเดิมแต่ได้ขนาดจอที่ใหญ่ขึ้น โดยคาดการณ์ว่าปริมาณแท็บเล็ตในสิ้นปีนี้จะอยู่ราว 2 ล้านเครื่อง
     
       ขณะที่การแข่งขันในกลุ่มแท็บเล็ตพรีเมียม ปัจจุบัน แข่งขันกันอยู่ 2 แบรนด์ แต่ถ้ามองไปถึงในตลาดเอนทรีเลเวล ก็จะมีแบรนด์โน้ตบุ๊กเข้ามาทำตลาดด้วย ซึ่งซัมซุงมองว่าเป็นสิ่งดีที่มีคู่แข่งเข้ามาช่วยกันดันตลาด เพียงแต่ซัมซุงต้องการหาจุดต่างเพื่อมาเสริมคุณค่าให้แก่แท็บเล็ต มากกว่าจำหน่ายเฉพาะฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว
     
       “ซัมซุงมีแท็บเล็ตตั้งแต่ระดับราคา 4,990 บาท จนถึง 2 หมื่นกว่าบาท เพียงแต่ในรุ่นต่ำสุดจะเน้นจับตลาดองค์กรที่ต้องการแท็บเล็ตไปใช้อำนวยความสะดวก ส่วนรุ่นที่ขายดีจะเป็นรุ่นที่เพิ่มระดับราคาขึ้นมา และรองรับ 3G ในช่วง 6,990 บาท”
     
       ส่วนแผนงานของธุรกิจโทรคมและไอที ในอนาคตซัมซุงยังมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์มาเฉพาะสำหรับองค์กรธุรกิจเช่นเดียวกัน รวมไปถึงอุปกรณ์สวมใส่ได้ที่รองรับการใส่ซิมในช่วงครึ่งปีหลัง ยังไม่รับรวมกันสินค้าในตระกูล Note ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีอีกเช่นเดียวกัน

ซัมซุง ผุดสโตร์กลางกรุงใหญ่สุดในอาเซียน
นายวิชัย พรพระตั้ง

       สำหรับ Galaxy Tab S มีความโดดเด่นที่หน้าจอ Super AMOLED ความละเอียด 2,560 x 1,600 พิกเซล (หน้าจอระดับ 2K) ตัวเครื่องบาง 6.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 467 กรัม และ 298 กรัม ตามลำดับขนาดหน้าจอ 10.5 นิ้ว และ 8.4 นิ้ว วางจำหน่ายแล้วในราคา 19,900 บาท และ 16,900 บาท ตามลำดับ ในสี ไทเทเนียม บรอนซ์ และแดซลิ่ง ไวท์
     
       โดยภายในของ Galaxy Tab S จะมากับฟังก์ชันอย่าง Adaptive Display ที่ช่วยปรับการแสดงผลให้รองรับการใช้งานในทุกๆ พฤติกรรมทั้งการใช้งานกลาง แจ้ง ตอนกลางคืน รวมไปถึงแยกการจัดการแสงเฉพาะแอปอย่างใช้เว็บเบราว์เซอร์ในการท่องเว็บ แอปอ่านอีบุ๊ก หรือดูหนัง ก็จะมีปรับความสว่างที่แตกต่างกันไป
     
       รวมไปถึงยังมีฟังก์ชันเด่นที่อยู่ใน Galaxy S5 อย่างโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูง (Ultra Power Saving Mode) ฟังก์ชันสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) และยังมี SideSync 3.0 ที่จะเชื่อมต่อแท็บเล็ตกับสมาร์ทโฟน Galaxy เข้าด้วยกัน เพื่อใช้งานผ่าน WiFi Direct ได้ทันที
     
       ทั้งนี้ การทำตลาดของ Galaxy Tab S จะใช้สื่อแบบครบ 360 องศา ทั้งโฆษณาทางโทรทัศน์ การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ และจะมีทำเป็นภาพยนตร์สั้นแนะนำผลิตภัณฑ์ของประเทศไทยโดยเฉพาะ โดยรวมแล้วจะใช้งบในการทำตลาดสูงกว่าครั้งที่ผ่านมา
     
       นอกจากนี้ ทางซัมซุงได้มีการเปิดซัมซุง เอ็กซ์พีเรียนซ์ สโตร์ (Samsung Experience Store) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยพื้นที่ 422 ตารางเมตร ภายในสยามสแควร์วัน (Siam Square One) ครอบคลุมพื้นที่ 3 ชั้น โดยแบ่งออกเป็นโซนโชว์ผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ บริเวณพื้นที่จำหน่ายสินค้า และบริการหลังการขายแบบครบวงจรภายในจุดเดียว ภายใต้งบลงทุนเกือบ 100 ล้านบาท
     
       “แม้ว่าจะมีการเปิดร้านเพิ่มเติม แต่หน้าร้านเดิมที่อยู่ในบริเวณพื้นที่สยามก็จะยังคงอยู่ เพราะในบริเวณนี้ถือเป็นสถานที่ที่มีกำลังซื้อต่อเดือนสูง ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องลดพื้นที่ลงแต่อย่างใด”
     
       ปัจจุบัน ซัมซุง มีแบรนด์ชอปอยู่ทั่วประเทศราว 130 สาขา และจะทยอยเพิ่มอีก 20 สาขาภายในสิ้นปีนี้ ด้วยงบประมาณเฉลี่ยสาขาละ 10 ล้านบาท แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการลงทุนร่วมกับเจ้าของสถานที่ หรือดีลเลอร์มากกว่าลงทุนด้วยตนเองทั้งหมด

http://www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9570000077483

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.