Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

21 กรกฎาคม 2557 infinity เตรียมวางจำหน่ายฟีเจอร์โฟนรุ่นใหม่ 3 รุ่น รุ่นแรก ราคาประมาณ 1,500 บาท ฟังก์ชั่นที่เป็นจุดเด่นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยจะอาศัยกระแสวันแม่เป็นตัวช่วยเพิ่มยอดขาย

ประเด็นหลัก


และในเดือน ก.ค. "อินฟินิตี้" เตรียมวางจำหน่ายฟีเจอร์โฟนรุ่นใหม่ 3 รุ่น รุ่นแรก ราคาประมาณ 1,500 บาท ฟังก์ชั่นที่เป็นจุดเด่นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยจะอาศัยกระแสวันแม่เป็นตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ซึ่ง 2 ปีที่แล้วได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือ รุ่น R-MA (อาม่า) รุ่นพิเศษที่มีสีฟ้า-ขาว ปีถัดมาเป็น "อาม่า พ." ฟีเจอร์โฟนหน้าจอสีปุ่มใหญ่ ใช้ได้ 2 ซิม ซึ่งมาเร่งทำตลาดช่วงวันพ่อ ปรากฏว่าไปได้ดี ผู้ซื้อเกือบทั้งหมดนำไปให้ญาติผู้ใหญ่ เพราะใช้งานง่ายกว่าอินเตอร์แบรนด์ และราคาถูกทำให้ทุกคนเอื้อมถึงได้

"เป้าหมายและแนวทางการจำหน่ายโทรศัพท์อินฟินิตี้ยังไม่เปลี่ยนไป คือราคาต้องเอื้อมถึงได้, มีฟังก์ชั่นเอื้อผู้สูงอายุ เน้นไปที่ฟีเจอร์โฟน มีสมาร์ทโฟนออกมาบ้างเพื่อสร้างสีสันให้ลูกค้า ที่สำคัญสินค้าต้องมีจุดแตกต่าง เช่น รุ่นคิมหันต์ เป็นฟีเจอร์โฟนที่ขายพร้อมพัดลมขนาดเล็ก หรือรุ่นจี๊ด ที่รองรับภาษาพม่า การวางจำหน่ายเน้นในกรุงเทพฯและตามหัวเมืองใหญ่ในแต่ละจังหวัด ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาททุกรุ่น"

นายสุรินทร์กล่าวต่อว่า ธุรกิจหลักของบริษัทไม่ใช่โทรศัพท์มือถือ แต่เป็นการจำหน่ายบัตรเติมเงิน และเปิดหน้าร้าน "ดีแทค ช็อป" ปัจจุบันมี 10 สาขา และยังไม่มีแผนขยายสาขาเพิ่ม แต่จะเข้าไปปรับปรุงสาขาเดิมให้ทันสมัยและดึงดูดมากขึ้น สำหรับเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 1,500 ล้านบาทใกล้เคียงปีที่แล้ว มาจากการขายมือถือ ประมาณ 300 ล้านบาท


______________________________




"อินฟินิตี้"ปรับแผนหนีแข่งดุ เน้นฟีเจอร์โฟนจับเฉพาะกลุ่ม



ต้นตำรับ "อาม่าโฟน" ยอมรับ "เฮาส์แบรนด์" อยู่ยากขึ้น หลังค่ายมือถือลุยทำเครื่องราคาถูกขายพ่วงแพ็กเกจแข่งโกยลูกค้าอุตลุด เชื่อทุกเจ้าต้องปรับตัวขยับไปโฟกัสฟีเจอร์โฟนเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม เตรียมส่ง 3 รุ่นใหม่ลงตลาดเจาะกลุ่มคนสูงอายุ-แรงงานต่างด้าว พร้อมเกาะกระแสวันแม่ปั๊มยอด

นายสุรินทร์ อมรชัชวาลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย อินฟินีตี้ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ รุ่น R-MA (อาม่า) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือเฮาส์แบรนด์มีการแข่งขันที่เข้มข้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ค่ายหันมาเล่นตลาดนี้ด้วยตนเอง โดยส่งสมาร์ทโฟนราคาถูกที่สั่งผลิตจากต่างประเทศ และนำมาแปะแบรนด์ตนเองลงมาทำตลาด พร้อมกับนำเข้าเครื่องราคาถูกจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมาขายด้วย ทั้งสองรูปแบบโอเปอเรเตอร์อัดโปรโมชั่นฟรีค่าเครื่องเมื่อสมัครแพ็กเกจรายเดือน ทำให้ผู้บริโภคที่ต้องการมีสมาร์ทโฟนเครื่องแรกหันไปซื้อเป็นจำนวนมาก

"กระแสสมาร์ทโฟนแรงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ช่วงนั้นกลุ่มเฮาส์แบรนด์ยังพอขายได้อาศัยราคาถูกกว่าเป็นสิ่งจูงใจ แต่มาตอนนี้อินเตอร์แบรนด์เองก็กดราคาสมาร์ทโฟนลงมาต่ำมาก ที่สำคัญโอเปอเรเตอร์ยังลงมาเล่นตลาดนี้เองพร้อมโปรโมชั่นจูงใจต่าง ๆ เช่น ฟรีค่าเครื่อง ซึ่งเฮาส์แบรนด์ทำโปรโมชั่นแบบนี้ไม่ได้ อาศัยแค่วางขายในช็อปของโอเปอเรเตอร์และตามร้านค้าปลีกเท่านั้น แต่เฮาส์แบรนด์ก็จะยังไม่ตาย ด้วยความเป็นแบรนด์ท้องถิ่นจึงรู้ความต้องการของผู้ใช้มากกว่า ผลิตเครื่องออกมาจะโดนใจผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มมากกว่า"

โดยตนมองว่าภาพรวมของเฮาส์แบรนด์จากนี้น่าจะเน้นผลิตฟีเจอร์โฟนออกมาจำหน่ายเป็นหลัก หลังจากแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนลำบาก โดยฟีเจอร์โฟนที่ออกมาต้องมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างจากอินเตอร์แบรนด์ หรือเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเบื้องต้น แต่ราคาถูกกว่ามาก เช่น ฟีเจอร์โฟนปุ่มใหญ่ หน้าจอสี และรองรับได้หลายภาษาเจาะตลาดผู้ใช้ที่เป็นแรงงานต่างด้าว ช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเห็นปรากฏการณ์นี้มากขึ้น ขณะที่ตลาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มกระเตื้องขึ้น

และในเดือน ก.ค. "อินฟินิตี้" เตรียมวางจำหน่ายฟีเจอร์โฟนรุ่นใหม่ 3 รุ่น รุ่นแรก ราคาประมาณ 1,500 บาท ฟังก์ชั่นที่เป็นจุดเด่นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยจะอาศัยกระแสวันแม่เป็นตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ซึ่ง 2 ปีที่แล้วได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือ รุ่น R-MA (อาม่า) รุ่นพิเศษที่มีสีฟ้า-ขาว ปีถัดมาเป็น "อาม่า พ." ฟีเจอร์โฟนหน้าจอสีปุ่มใหญ่ ใช้ได้ 2 ซิม ซึ่งมาเร่งทำตลาดช่วงวันพ่อ ปรากฏว่าไปได้ดี ผู้ซื้อเกือบทั้งหมดนำไปให้ญาติผู้ใหญ่ เพราะใช้งานง่ายกว่าอินเตอร์แบรนด์ และราคาถูกทำให้ทุกคนเอื้อมถึงได้

"เป้าหมายและแนวทางการจำหน่ายโทรศัพท์อินฟินิตี้ยังไม่เปลี่ยนไป คือราคาต้องเอื้อมถึงได้, มีฟังก์ชั่นเอื้อผู้สูงอายุ เน้นไปที่ฟีเจอร์โฟน มีสมาร์ทโฟนออกมาบ้างเพื่อสร้างสีสันให้ลูกค้า ที่สำคัญสินค้าต้องมีจุดแตกต่าง เช่น รุ่นคิมหันต์ เป็นฟีเจอร์โฟนที่ขายพร้อมพัดลมขนาดเล็ก หรือรุ่นจี๊ด ที่รองรับภาษาพม่า การวางจำหน่ายเน้นในกรุงเทพฯและตามหัวเมืองใหญ่ในแต่ละจังหวัด ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาททุกรุ่น"

นายสุรินทร์กล่าวต่อว่า ธุรกิจหลักของบริษัทไม่ใช่โทรศัพท์มือถือ แต่เป็นการจำหน่ายบัตรเติมเงิน และเปิดหน้าร้าน "ดีแทค ช็อป" ปัจจุบันมี 10 สาขา และยังไม่มีแผนขยายสาขาเพิ่ม แต่จะเข้าไปปรับปรุงสาขาเดิมให้ทันสมัยและดึงดูดมากขึ้น สำหรับเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 1,500 ล้านบาทใกล้เคียงปีที่แล้ว มาจากการขายมือถือ ประมาณ 300 ล้านบาท


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1405796603

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.