22 กรกฎาคม 2557 กสทช. ชี้ จึงจัดกิจกรรม "คืนแบตเก่า เรารักษ์โลก" จัดจุดที่รับคืนแบตเตอรี่เก่ากว่า 300 จุด ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ ศูนย์บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วไป
ประเด็นหลัก
นายฐากรกล่าวอีกว่า โดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์มือถือ จึงจัดกิจกรรม "คืนแบตเก่า เรารักษ์โลก" เพื่อให้ผู้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมโดยรณรงค์ให้ทิ้งแบตเตอรี่ที่ไม่ใช้แล้ว หรือแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้ว
"กสทช. จัดจุดที่รับคืนแบตเตอรี่เก่ากว่า 300 จุด ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ ศูนย์บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วไป เพื่อรวบรวมแบตเตอรี่เก่าเหล่านั้นไปจัดการอย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักวิชาการและความปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อลดปริมาณขยะเป็นพิษ และขยะที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อโลกที่สดใสน่าอยู่ของเราใบนี้" เลขาธิการ กสทช. กล่าว
______________________________
เร่งแก้ทิ้งขยะมือถือ-แบตฯ 10 ล้านชิ้น กสทช.-กรมมลพิษตั้ง 300 จุดรับทิ้งในห้างฯทั่วกรุง
คาดในปี 2559 มีมือถือ-แบตฯทิ้งมากกว่า 10 ล้านเครื่อง ส่งผลกระทบมลภาวะ กสทช.-กรมควบคุมมลพิษหวั่นขยะจากโทรศัพท์มือถือล้นประเทศ ผุดไอเดียตั้งจุดทิ้งมือถือกว่า 300 แห่งทั่วกทม.-ปริมณฑล
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เผยว่า กสทช.ศึกษาแนวทางกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะโทรคมนาคมในประเทศไทย โดยผลจากการศึกษาในเบื้องต้น พบว่า ซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งใช้งานไม่ได้ หรือไม่ได้มาตรฐาน หรือหมดอายุการใช้งานแล้ว กำลังกลายเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก และค่อยๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกปี
นายฐากรกล่าวอีกว่า โดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์มือถือ จึงจัดกิจกรรม "คืนแบตเก่า เรารักษ์โลก" เพื่อให้ผู้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมโดยรณรงค์ให้ทิ้งแบตเตอรี่ที่ไม่ใช้แล้ว หรือแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้ว
"กสทช. จัดจุดที่รับคืนแบตเตอรี่เก่ากว่า 300 จุด ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ ศูนย์บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วไป เพื่อรวบรวมแบตเตอรี่เก่าเหล่านั้นไปจัดการอย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักวิชาการและความปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อลดปริมาณขยะเป็นพิษ และขยะที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อโลกที่สดใสน่าอยู่ของเราใบนี้" เลขาธิการ กสทช. กล่าว
ด้านนายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า คาดการณ์ปริมาณซากโทรศัพท์บ้านและโทรศัพท์มือถือในปี 2559 จะมีสูงถึง 10,907,000 เครื่อง ต้องใช้สนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานประมาณ 6 สนามครึ่ง จึงจะวางเรียงได้ทั้งหมด นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์โดยส่วนใหญ่จะมีแบตเตอรี่และหน้าจอผลึกเหลวเป็นส่วนประกอบ จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามไปด้วย
"ในตัวโทรศัพท์มือถือนั้น ยังมีส่วนผสมของสารอันตราย ตั้งแต่สารหนู พลวง ตะกั่ว สารทนไฟที่ทำจากโบรมีน แคดเมียม ตะกั่ว นิกเกิล ส่วนจอผลึกเหลวก็มีสารประกอบอินทรีย์ที่เป็นสารอันตรายและสารก่อมะเร็ง ซึ่งจอผลึกเหลวนี้กำลังเป็นอีกตัวหนึ่งที่น่าวิตกกังวล เนื่องจากเป็นส่วนประกอบโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน ในปัจจุบัน" นายวิเชียรกล่าว
ที่มา : นสพ.ข่าวสด
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1406000285
นายฐากรกล่าวอีกว่า โดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์มือถือ จึงจัดกิจกรรม "คืนแบตเก่า เรารักษ์โลก" เพื่อให้ผู้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมโดยรณรงค์ให้ทิ้งแบตเตอรี่ที่ไม่ใช้แล้ว หรือแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้ว
"กสทช. จัดจุดที่รับคืนแบตเตอรี่เก่ากว่า 300 จุด ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ ศูนย์บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วไป เพื่อรวบรวมแบตเตอรี่เก่าเหล่านั้นไปจัดการอย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักวิชาการและความปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อลดปริมาณขยะเป็นพิษ และขยะที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อโลกที่สดใสน่าอยู่ของเราใบนี้" เลขาธิการ กสทช. กล่าว
______________________________
เร่งแก้ทิ้งขยะมือถือ-แบตฯ 10 ล้านชิ้น กสทช.-กรมมลพิษตั้ง 300 จุดรับทิ้งในห้างฯทั่วกรุง
คาดในปี 2559 มีมือถือ-แบตฯทิ้งมากกว่า 10 ล้านเครื่อง ส่งผลกระทบมลภาวะ กสทช.-กรมควบคุมมลพิษหวั่นขยะจากโทรศัพท์มือถือล้นประเทศ ผุดไอเดียตั้งจุดทิ้งมือถือกว่า 300 แห่งทั่วกทม.-ปริมณฑล
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เผยว่า กสทช.ศึกษาแนวทางกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะโทรคมนาคมในประเทศไทย โดยผลจากการศึกษาในเบื้องต้น พบว่า ซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งใช้งานไม่ได้ หรือไม่ได้มาตรฐาน หรือหมดอายุการใช้งานแล้ว กำลังกลายเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก และค่อยๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกปี
นายฐากรกล่าวอีกว่า โดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์มือถือ จึงจัดกิจกรรม "คืนแบตเก่า เรารักษ์โลก" เพื่อให้ผู้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมโดยรณรงค์ให้ทิ้งแบตเตอรี่ที่ไม่ใช้แล้ว หรือแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้ว
"กสทช. จัดจุดที่รับคืนแบตเตอรี่เก่ากว่า 300 จุด ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ ศูนย์บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วไป เพื่อรวบรวมแบตเตอรี่เก่าเหล่านั้นไปจัดการอย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักวิชาการและความปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อลดปริมาณขยะเป็นพิษ และขยะที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อโลกที่สดใสน่าอยู่ของเราใบนี้" เลขาธิการ กสทช. กล่าว
ด้านนายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า คาดการณ์ปริมาณซากโทรศัพท์บ้านและโทรศัพท์มือถือในปี 2559 จะมีสูงถึง 10,907,000 เครื่อง ต้องใช้สนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานประมาณ 6 สนามครึ่ง จึงจะวางเรียงได้ทั้งหมด นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์โดยส่วนใหญ่จะมีแบตเตอรี่และหน้าจอผลึกเหลวเป็นส่วนประกอบ จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามไปด้วย
"ในตัวโทรศัพท์มือถือนั้น ยังมีส่วนผสมของสารอันตราย ตั้งแต่สารหนู พลวง ตะกั่ว สารทนไฟที่ทำจากโบรมีน แคดเมียม ตะกั่ว นิกเกิล ส่วนจอผลึกเหลวก็มีสารประกอบอินทรีย์ที่เป็นสารอันตรายและสารก่อมะเร็ง ซึ่งจอผลึกเหลวนี้กำลังเป็นอีกตัวหนึ่งที่น่าวิตกกังวล เนื่องจากเป็นส่วนประกอบโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน ในปัจจุบัน" นายวิเชียรกล่าว
ที่มา : นสพ.ข่าวสด
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1406000285
ไม่มีความคิดเห็น: