Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

13 สิงหาคม 2557 ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อวัตถุประสงค์ 1. ใช้เพื่อการพูดคุยผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ 78.2% และ 2.ใช้เพื่ออ่านข่าว/อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 57.6% และอันดับ 3 ใช้เพื่อค้นหาข้อมูล 56.5%

ประเด็นหลัก

   นอกจากนี้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความบันเทิง และการติดต่อสื่อสาร โดยกิจกรรมหลัก 3 อันดับแรก  คือ 1. ใช้เพื่อการพูดคุยผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ 78.2% และ 2.ใช้เพื่ออ่านข่าว/อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 57.6% และอันดับ 3 ใช้เพื่อค้นหาข้อมูล 56.5%   ขณะที่ ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์ใช้อินเตอร์เน็ตในกิจกรรมที่ต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูล คือ 1. ใช้เพื่อรับ-ส่งอี-เมล์ 82.6% , 2. ใช้เพื่อค้นหาข้อมูล และอ่านข่าว/อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 73.3% และ3. ใช้เพื่ออ่านข่าว/อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 63.8%



______________________________




คนไทยติดเน็ตใช้วันละ7.2ชมช็อปออนไลน์พุ่ง1.5หมื่น



 สพธอ.  โชว์ผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตปี 2557 ระบุคนไทยนิยมเสิร์ชเน็ตเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 7.2 ชั่วโมง  แถมไม่สนความเสี่ยงภัยบนไซเบอร์ พร้อมช็อปสินค้าผ่านอี-คอมเมิร์ซ วงเงินเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 หมื่นบาท ขณะที่ผู้สูงอายุ 75 % ไม่เปลี่ยนรหัสผ่าน     นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. (ETDA)เปิดเผยว่า ผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทย ปี 2557 จัดทำโดย ETDA พบว่า อินเตอร์เน็ตเพิ่มบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวันคนไทยมากขึ้น โดยค่าเฉลี่ยของการใช้อินเตอร์เน็ตต่อสัปดาห์เพิ่มขึ้นจากการใช้งานเฉลี่ย 32.3 ชั่วโมง หรือใช้เวลา 4.6 ชั่วโมงต่อวัน ในปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 50.4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือใช้เวลาประมาณ 7.2 ชั่วโมงต่อวัน หรือคนใช้เวลาเกือบ 1 ใน 3 ของวัน เพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ยังพบว่า"กลุ่มเพศที่3" มีจำนวนชั่วโมงการใช้งานอินเตอร์เน็ตสูงโดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 62.1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
 alt  โดยผู้คนมีการใช้งานอินเตอร์เน็ตกันตลอดเวลาโดยในแต่ละช่วงเวลาจะมีพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตในอุปกรณ์ต่างๆที่แตกต่างกันไป โดยสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้งานสูงเกือบทั้งวัน เฉลี่ยสูงถึง 6.6 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนการใช้งาน "สมาร์ททีวี" ในยุคทีวีดิจิตอลระยะเริ่มต้น พบว่า  8.4% ของผู้ตอบมีการใช้อุปกรณ์นี้ และกลุ่มผู้ใช้งานมีการใช้งานเฉลี่ย 3.4 ชั่วโมงต่อวัน
    นอกจากนี้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความบันเทิง และการติดต่อสื่อสาร โดยกิจกรรมหลัก 3 อันดับแรก  คือ 1. ใช้เพื่อการพูดคุยผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ 78.2% และ 2.ใช้เพื่ออ่านข่าว/อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 57.6% และอันดับ 3 ใช้เพื่อค้นหาข้อมูล 56.5%   ขณะที่ ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์ใช้อินเตอร์เน็ตในกิจกรรมที่ต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูล คือ 1. ใช้เพื่อรับ-ส่งอี-เมล์ 82.6% , 2. ใช้เพื่อค้นหาข้อมูล และอ่านข่าว/อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 73.3% และ3. ใช้เพื่ออ่านข่าว/อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 63.8%
    ข้อน่าสังเกตจากการสำรวจครั้งนี้คือ กลุ่มเพศที่ 3 เป็นกลุ่มที่ใช้อินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่มากกว่ากลุ่มอื่นๆ ในหลายกิจกรรม ได้แก่ การใช้งานสังคมเครือข่ายออนไลน์ 85.6% , การอ่านติดตามข่าวสารและหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 64.7% การซื้อขายสินค้าและบริการ 39.1% ในขณะที่ กลุ่มเพศหญิง เล่นเกมออนไลน์ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่มากกว่ากลุ่มอื่นๆ 52.6%
    นอกจากนั้นในการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตปีนี้ยังมีการสำรวจข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติม คือ "พฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตที่สุ่มเสี่ยง" และ "พฤติกรรมการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่และพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่สุ่มเสี่ยง" ด้วยกระแสสังคมออนไลน์ทำให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนแปลงจากการพูดคุยกันมาเป็นการเช็ก แชร์ และโชว์ โดย "เช็ก" คือการเช็กอินผ่านเฟซบุ๊ก  เพื่อบอกให้คนในกลุ่มสนทนาออนไลน์รู้ว่าตอนนี้ตนทำอะไรอยู่ที่ไหน ส่วน "แชร์" คือการโพสต์หรือแชร์ภาพที่เป็นส่วนตัวในสถานะสาธารณะ เพื่อให้มีคนติดตามหรือเพื่อดึงดูดความสนใจจากโลกสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะวัยรุ่นไทยชอบถ่ายรูปตัวเอง หรือ เซลฟี (Selfie) ส่วน "โชว์"คือการเซตสถานภาพของตนเองในเครือข่ายสังคมออนไลน์ให้เป็นสาธารณะ เพื่อที่ว่าใครที่สนใจจะเข้ามาเป็นเพื่อนกะตน ก็สามารถเห็นข้อมูลส่วนตัวได้ทุกคน
    โดยพฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้ล้วนสุ่มเสี่ยงต่อการถูกจับตามองโดยมิจฉาชีพหรือผู้ไม่ประสงค์ดีที่อาจจะติดตามเฝ้าดูพฤติกรรมของผู้ใช้งานจากการเช็ก แชร์ และโชว์ เพื่อหวังผลในทรัพย์สินเงินทองหรือชีวิต จากผลการสำรวจ พบว่า กิจกรรมดังกล่าวข้างต้น เป็น 3 กิจกรรมสุดฮิตในตอนนี้ โดยเฉพาะเพศที่ 3 จะมีสัดส่วนการทำกิจกรรมดังกล่าวสูงกว่าเพศชายและหญิง ในขณะที่คนอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป จะมีความสุ่มเสี่ยงในเรื่องของการแชร์ภาพ/ข้อความที่อาจจะไม่เหมาะสม โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลและแหล่งที่มาก่อน
    ส่วนการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ จากผลการสำรวจ พบว่า มีคนซื้อของผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเลตพีซี เพียง 38.8% และมีคนทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ เพียง 29.8% เท่านั้น
    นอกจากนี้พฤติกรรมที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง คือ คนซื้อของแพง ชอบจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต ส่วนคนซื้อของถูก ชอบโอนเงินผ่านธนาคารมากกว่า ในขณะที่คนชอบโอนเงินมูลค่ามากกว่า 50,000 บาท ทำธุรกรรมผ่านมือถือ โดยเข้าผ่านหน้าเว็บไซต์ของธนาคารมากกว่าการเข้าแอพพลิเคชัน พฤติกรรมเช่นนี้สุ่มเสี่ยงต่อการถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้บอกเลขที่บัตรเครดิตหรือเลขที่บัญชีธนาคารผ่านเว็บไซต์ที่ทำเลียนแบบ หรือที่เรียกว่า Phishing
    ส่วนพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงจากการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เช่น การละเลยไม่ติดตั้งโปรแกรม Anti-virus มีคนตอบว่าไม่ทำ สูงถึง 51.1% ส่วนคนที่เลิกใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่แล้ว ไม่ล้างข้อมูลออกจากเครื่อง มีผู้ตอบ 37.1% และละเลยไม่กำหนดรหัสผ่านเข้าใช้งานเครื่องมีเพียง 25% เท่านั้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ


http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=241958:7215&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.U-spQFZAeuw

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.