Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

14 สิงหาคม 2557 Comseven ชี้ ครึ่งปีคึกคัก!! หลังเพราะแอปเปิลจะออกโปรดักต์ใหม่ในไตรมาส 3 เช่น iPHONE 6 ขณะที่คอมพิวเตอร์มีโปรดักต์ใหม่ และสมาร์ทโฟนหลายค่ายน่าจะว้าวกว่าครึ่งปีแรก

ประเด็นหลัก


- ปีนี้หวังไว้แค่ไหน

ตั้งเป้าไว้ 1.7 หมื่นล้านบาท โต 30% จากปีก่อน นี่เป็นเป้าที่ตั้งไว้เมื่อปีที่แล้ว เพราะครึ่งปีแรกภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่กลับมาจากความไม่สงบทางการเมืองต่อเนื่อง จนรายได้ครึ่งปีแรกทำได้เพียง 7.5 พันล้านบาท ไม่ถึงครึ่งของเป้าที่ตั้งไว้ โดยไตรมาสแรกทำได้ 4.2 พันล้านบาท ไตรมาส 2 น่าจะต่ำกว่าไตรมาสแรก และไม่มีโมเดลใหม่จากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์มาเสริมปัจจัยลบข้างต้น ทำให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับครึ่งปีหลังเพราะแอปเปิลจะออกโปรดักต์ใหม่ในไตรมาส 3 เช่น ไอโฟน 6 ขณะที่คอมพิวเตอร์มีโปรดักต์ใหม่ และสมาร์ทโฟนหลายค่ายน่าจะว้าวกว่าครึ่งปีแรก ถ้าทั้งหมดไม่เป็นไปตามที่บอก โอกาสพลาดเป้าอีกปีก็มีสูง

- ถ้าเจาะลงไปแต่ละโปรดักต์

กลุ่มโน้ตบุ๊กกับเดสก์ทอปมีความเปลี่ยนแปลงมากที่สุด 2-3 ปีก่อนโน้ตบุ๊กราคาไม่ถึงหมื่นขายดีมาก ตอนนี้รุ่นที่ขายดีราคา 15,000-18,000 บาท เพราะผู้บริโภคซื้อโน้ตบุ๊กเพื่อความบันเทิง แต่ปัจจุบันแท็บเลตตอบโจทย์ได้ ทำให้โน้ตบุ๊กกลายเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานจริง ๆ จึงยอมจ่ายแพงขึ้น ส่วนเดสก์ทอปกับดีไอวายมีราคาแพงขึ้นเพราะคนซื้อเน้นใช้เฉพาะทาง เช่น เล่นเกมหรือทำกราฟิกต่อมาที่สมาร์ทโฟนเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการมากที่ สุด รุ่นที่ขายดีราคา 2,000-4,000 บาท ต่างจากปีที่แล้วที่ราคาสูงกว่านี้ เพราะคนซื้อช่วงแรกเป็นกลุ่มชื่นชอบเทคโนโลยี ตอนนี้เหลือแต่กลุ่มเปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟนเป็นสมาร์ทโฟนแต่ผมก็ไม่เข้าใจว่า เครื่องกลุ่มราคานี้ทำไมผู้ผลิตสั่งเข้ามาน้อยบางช่วงอยากขายแต่สินค้าไม่มี ส่วนสินค้าแอปเปิลคล้ายกับปีก่อน คือ เมื่อตัวไหนแย่อีกตัวจะมาช่วย มีเครื่องแมคที่ทำยอดขายได้ตลอด




______________________________




เปิดอาณาจักร "คอมเซเว่น" ค้าปลีกไอที-มือถือตระกูล "ผลไม้"


ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกสินค้าไอทีแบบเต็มตัว จากจำนวนสาขาและยอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง แม้ในยุคที่ตลาดไอทีเข้าสู่ช่วงขาลง "คอมเซเว่น"เป็นผู้ประกอบการไม่กี่รายที่ยังรักษาการเติบโตเอาไว้ได้ แม้จะพลาดเป้าไปแต่เทียบกับรายอื่น ๆ แล้วยังนับว่าดีกว่า ทั้งมีแผนขยายธุรกิจใหม่ไม่หยุดภายใต้แบรนด์ใหม่ "แมงโก้โมบาย" เป็นอีกหนึ่งตระกูลผลไม้ถัดจาก "บานาน่าไอที" ไม่นับไอสตูดิโออีกหลายสิบแห่ง

"ประชาชาติธุรกิจ" จะพาไปอัพเดตแผนธุรกิจและมุมมองต่อภาพรวมตลาดไอทีของ สุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ดังนี้

- ยังเป็นผู้นำกลุ่มค้าปลีกไอที

แม้รายได้ปีที่ผ่านมาจะพลาดเป้าไปพอสมควร แต่ผมก็พูดได้ว่าเป็นผู้นำในกลุ่มค้าปลีกไอที ไม่รวมไอที ซิตี้ ที่มีลักษณะเป็นซูเปอร์สโตร์ เพราะรายได้รวมปีที่แล้ว 1.48 หมื่นล้านบาท โตจากปี 2555 แค่ 10% จากเป้าที่ตั้งไว้ 30% เป็นการจำหน่ายสินค้าแอปเปิล 35%, โน้ตบุ๊ก 30%, เดสก์ทอปดีไอวาย 10% ที่เหลือเป็นสินค้าอื่น ๆ เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน และแท็บเลตที่ไปไม่ถึงเป้าเพราะสภาพตลาดไม่เอื้ออำนวย มู้ดจับจ่ายผู้บริโภคหาย เทคโนโลยีใหม่ของคอมพิวเตอร์ไม่ตอบโจทย์ ทำให้รายได้จากโน้ตบุ๊กกับเดสก์ทอปหดตัวลง 10-15% ขณะที่สินค้าใหม่ของแอปเปิลเลื่อนการวางตลาดจากไตรมาส 3 เป็นปลายปี ทำให้โอกาสในการขายลดลง ที่สำคัญการจำหน่ายสมาร์ทดีไวซ์ไม่เป็นไปตามแผน

- ปีนี้หวังไว้แค่ไหน

ตั้งเป้าไว้ 1.7 หมื่นล้านบาท โต 30% จากปีก่อน นี่เป็นเป้าที่ตั้งไว้เมื่อปีที่แล้ว เพราะครึ่งปีแรกภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่กลับมาจากความไม่สงบทางการเมืองต่อเนื่อง จนรายได้ครึ่งปีแรกทำได้เพียง 7.5 พันล้านบาท ไม่ถึงครึ่งของเป้าที่ตั้งไว้ โดยไตรมาสแรกทำได้ 4.2 พันล้านบาท ไตรมาส 2 น่าจะต่ำกว่าไตรมาสแรก และไม่มีโมเดลใหม่จากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์มาเสริมปัจจัยลบข้างต้น ทำให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับครึ่งปีหลังเพราะแอปเปิลจะออกโปรดักต์ใหม่ในไตรมาส 3 เช่น ไอโฟน 6 ขณะที่คอมพิวเตอร์มีโปรดักต์ใหม่ และสมาร์ทโฟนหลายค่ายน่าจะว้าวกว่าครึ่งปีแรก ถ้าทั้งหมดไม่เป็นไปตามที่บอก โอกาสพลาดเป้าอีกปีก็มีสูง

- ถ้าเจาะลงไปแต่ละโปรดักต์

กลุ่มโน้ตบุ๊กกับเดสก์ทอปมีความเปลี่ยนแปลงมากที่สุด 2-3 ปีก่อนโน้ตบุ๊กราคาไม่ถึงหมื่นขายดีมาก ตอนนี้รุ่นที่ขายดีราคา 15,000-18,000 บาท เพราะผู้บริโภคซื้อโน้ตบุ๊กเพื่อความบันเทิง แต่ปัจจุบันแท็บเลตตอบโจทย์ได้ ทำให้โน้ตบุ๊กกลายเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานจริง ๆ จึงยอมจ่ายแพงขึ้น ส่วนเดสก์ทอปกับดีไอวายมีราคาแพงขึ้นเพราะคนซื้อเน้นใช้เฉพาะทาง เช่น เล่นเกมหรือทำกราฟิกต่อมาที่สมาร์ทโฟนเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการมากที่ สุด รุ่นที่ขายดีราคา 2,000-4,000 บาท ต่างจากปีที่แล้วที่ราคาสูงกว่านี้ เพราะคนซื้อช่วงแรกเป็นกลุ่มชื่นชอบเทคโนโลยี ตอนนี้เหลือแต่กลุ่มเปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟนเป็นสมาร์ทโฟนแต่ผมก็ไม่เข้าใจว่า เครื่องกลุ่มราคานี้ทำไมผู้ผลิตสั่งเข้ามาน้อยบางช่วงอยากขายแต่สินค้าไม่มี ส่วนสินค้าแอปเปิลคล้ายกับปีก่อน คือ เมื่อตัวไหนแย่อีกตัวจะมาช่วย มีเครื่องแมคที่ทำยอดขายได้ตลอด

- จะทำอะไรไปบ้างเพื่อให้ถึงเป้า

ช่วงครึ่งปีแรกที่ทุกคนบอกว่าสถานการณ์แย่ เราใช้เวลานั้นลงทุนขยายสาขา ใช้เงินรวม ๆ กันเกือบ 400 ล้านบาท เวลาที่เศรษฐกิจแย่ สถานการณ์บ้านเมืองไม่ดีเจ้าของที่จะให้เช่าราคาถูก หรือไม่ก็มีคนย้ายออกแล้วเราไปแทน เงินก้อนนี้แบ่งเป็น 120 ล้านบาทกับบานาน่าไอที 13 แห่ง, 150 ล้านบาทกับหน้าร้านแอปเปิล 16 แห่ง(ไอสตูดิโอ 2 ไอบีท 14) ที่แพงเพราะค่าตกแต่งต้องเนี้ยบ พูดง่าย ๆ 90% ของการตกแต่งร้านต้องอิมพอร์ตสินค้าจากต่างประเทศ เช่น โต๊ะ ต้องใช้ไม้จากแคนาดา เน้นขยายตามต่างจังหวัดอีก 120 ล้านบาทกับบานาน่าโมบาย เน้นขยายในกรุงเทพฯ ปีนี้จะมีสาขา 300 แห่งเป็นบานาน่าไอที 163 สาขา, ไอสตูดิโอ และไอบีท 107 สาขา บานาน่าโมบาย 48 สาขาและเปิดร้านแนวใหม่ แมงโก้โมบาย เปิดแล้ว 15 สาขา ปีนี้จะให้ครบ 100 สาขาใช้โมเดลแฟรนไชส์ขยายสาขา

เน้นเปิดตามอำเภอรองในต่างจังหวัด ขายสมาร์ทโฟนระดับล่างถึงกลาง พร้อมเซอร์วิสของโอเปอเรเตอร์ทุกเจ้าในร้านเดียว ทำให้ลูกค้านอกจากซื้อเครื่องได้แล้วยังจ่ายเงิน, เปิดเบอร์ใหม่ หรือเปลี่ยนโปรโมชั่นได้ด้วย เมื่อเปิดครบ 100 แห่ง จะทำระบบอีคอมเมิร์ซให้ซื้อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ไอทีผ่านหน้าจอไฮเทคได้ในราคาพิเศษ

- ไม่เข้าร่วมงานอีเวนต์หลายงานแล้ว

เริ่มไม่คุ้มทุน ที่สำคัญพนักงานประจำหน้าร้านยังหายไปอีก ทำให้โอกาสในการขายหน้าร้านลดลง เลยคิดว่าเอาเงินก้อนนี้ไปใช้จัดกิจกรรมในร้านดีกว่า เมื่อลองดูแล้วก็มีลูกค้าเข้ามาเพราะสะดวก ลูกค้ามีความคุ้นเคยกับร้าน เราจะจัดอีเวนต์ใหญ่ในร้าน 6 ครั้ง/ปี และเช่าพื้นที่โปรโมชั่นในห้างอีก 8 ครั้ง/ปี ทั้งหมดนี้ใช้เงินประมาณ 80 ล้านบาท

ผู้จัดงานคงต้องปรับตัว เพราะความแตกต่างของสินค้าและโปรโมชั่นภายในงานแทบไม่แตกต่างกับข้างนอก เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เราไม่ไปร่วม แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ไปออกงานใหญ่อีกแล้ว แค่มองว่างานไหนสำคัญค่อยออก

- ภาพรวมการแข่งขัน

แข่งหนักเหมือนเดิม ทุกเจ้าต้องปรับตัวกันหนักระหว่างที่ไอทียังหดตัว ถึงขยับไปจำหน่ายโทรศัพท์มือถือก็ยังสู้เจ้าตลาดเดิมไม่ได้ แต่เราไม่ค่อยมองเจ้าอื่นเท่าไหร่ เน้นพัฒนาระบบและแผนการตลาดของตนเองมากกว่า ที่สำคัญในการขายโทรศัพท์มือถือเราก็เป็นเบบี๋และเพื่อสร้างจุดต่างในการขาย จึงสร้างแอปพลิเคชั่นให้พนักงานและลูกค้าโหลดไปใช้ เพื่อเติมความรู้ให้พนักงาน และสร้างความสะดวกในการให้ข้อมูลตามลำดับ จากเดิมที่ลูกค้าและพนักงานต้องไปหาข้อมูลจากเว็บไซต์ จะเปิดให้ดาวน์โหลด ต.ค.นี้ ซึ่งเวอร์ชั่นพนักงานจะเช็กข่าวสารของบริษัท และตรวจสอบว่าลูกค้ารายนั้นซื้อสินค้าอะไรไปบ้าง ส่วนเวอร์ชั่นลูกค้าจะเช็กข้อมูลเบื้องต้นของสินค้า ดูเรื่องประกันสินค้า

- ทำไมต้องทำแอป

มีพนักงานขาย 1,800 คน ถ้าให้มานั่งเทรนเรื่องโปรดักต์คงเสียเวลา เพราะเทรนวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่าแล้ว แอปตัวนี้ช่วยให้ข้อมูลเรื่องโปรดักต์ได้ แม้พนักงานทุกคนจะไม่อ่านก็ตาม ดังนั้น การเรียกพนักงานมาเทรนจะเหลือแค่สกิลการขาย

การใช้แอปช่วยสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น เดิมพนักงานต้องวิ่งไปหาสเป็กเครื่องเมื่อมีลูกค้าถามพอมีแอปก็อธิบายข้อมูล ต่าง ๆ ได้ทันที แม้ไม่รู้จักโปรดักต์เลยก็ตาม ทุกสาขาจะมีไอแพด 1-2 เครื่องแล้วแต่ขนาดร้าน และบริษัทเองมีสิทธิพิเศษให้พนักงานซื้อสมาร์ทดีไวซ์ราคาถูก ผ่อนชำระ 0% นาน 10 เดือนได้

ปีที่แล้วมีจำนวนลูกค้าเข้ามาซื้อของ 2.3 ล้านคน มีสมาชิก 1.5 ล้านคน (เบอร์โทร.,ชื่อ, อีเมล์) ทั้งปีมีคนเดินเข้าออก 50 ล้านคนทำแอปจะได้ง่ายขึ้น ซื้อซ้ำก็มี เราลิสต์ขึ้นมาได้ว่าใครซื้ออะไรบ้าง เยอะหรือถี่ เพื่อทำโปรโมชั่นเฉพาะ


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1407933801

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.