Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

19 ธันวาคม 2557 Microsoft thai.ญาณธน ระบุ หลังจาก Microsoft ซื้อ NOKIA เสร็จ!! NOKIA Asha และ NOKIA X จะไม่มีในตลาดอีกต่อไป ที่วางตลาดอยู่ถือเป็นสินค้าล็อกสุดท้าย

ประเด็นหลัก



ด้านนาย ญาณธน สิมะวานิชกุล กรรมการผู้จัดการ ไมโครซอฟท์ ดีไวซ์ ประเทศไทย (โนเกียเดิม) กล่าวว่า สมาร์ทโฟนในตระกูลลูเมียของโนเกียจะเปลี่ยนมาใช้แบรนด์ "ไมโครซอฟท์ ลูเมีย" ตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมาเป็นต้นไป เพื่อเพิ่มความชัดเจนให้กับแบรนด์สินค้า และการทำตลาดสมาร์ทโฟนที่รองรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ หลังกระบวนการเปลี่ยนผ่านองค์กรจากการเข้าซื้อกิจการของไมโครซอฟท์เสร็จเรียบร้อย พร้อม ๆ กับยุติการผลิตสินค้ากลุ่มสมาร์ทฟีเจอร์โฟนในตระกูลอาช่าและเอ็กซ์ด้วย ให้คงเหลือแบรนด์โนเกียไว้เฉพาะกับเครื่องฟีเจอร์โฟน

"ในสมาร์ทโฟน เราจะใช้แบรนด์ไมโครซอฟท์ ลูเมีย ส่วนฟีเจอร์โฟนจะยังเป็นโนเกีย ที่ยังเห็นโนเกียอาช่าและโนเกียเอ็กซ์ในตลาด เป็นสินค้าลอตเดิม ถ้าหมดแล้วจะไม่ผลิตออกมาเพิ่ม รายได้รวม 60% ในประเทศไทยของเรายังมาจากกลุ่มฟีเจอร์โฟน แม้ว่าความต้องการของผู้บริโภคจะไปอยู่ที่สมาร์ทโฟนเป็นหลัก"


______________________________







"ฟีเจอร์โฟน"ระอุ โนเกียถอนทัพ ซัมซุงจ้องฮุบเค้ก



สมรภูมิ "ฟีเจอร์โฟน" ระอุอีกชิงเค้ก 3.5 ล้านเครื่อง หลังไมโครซอฟท์ยึดโนเกีย เร่งเคลียร์สต๊อก "อาช่าและเอ็กซ์" ก่อนยุติการผลิต "ทีจีโฟน"แนวโน้มสมาร์ทโฟนเหลือแค่ 1,500 บาท

แหล่งข่าวในธุรกิจ โทรศัพท์มือถือกล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากไมโครซอฟท์เข้าซื้อกิจการของโนเกีย ได้มีการปรับแผนธุรกิจโทรศัพท์มือถือใหม่ ด้วยการหันมาโฟกัสการทำตลาดสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ทำให้เกิดช่องว่างในตลาดฟีเจอร์โฟน ซึ่งแต่เดิมโนเกียเป็นผู้นำตลาด คาดว่าการแข่งขันในตลาดฟีเจอร์โฟนจะกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง จากการเข้ามาของแบรนด์อื่น ๆ

นายไพโรจน์ ถาวรสภานันท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีจี เซลลูล่าร์ เวิลด์ จำกัด เจ้าของร้านค้าปลีกมือถือภายใต้แบรนด์ "ทีจีโฟน" กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยมียอดขายเฉลี่ยปีละเกือบ 20 ล้านเครื่อง ในจำนวนนี้เป็นโนเกีย 3-3.5 ล้านเครื่อง และเกือบทั้งหมดเป็นฟีเจอร์โฟน ถ้าไมโครซอฟท์หันมาเน้นสมาร์ทโฟน จะเป็นโอกาสของผู้ผลิตรายอื่น ทำให้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้งอย่างแน่นอน เพราะฟีเจอร์โฟนยังมีคนต้องการใช้งานเป็นจำนวนไม่น้อย แม้ปัจจุบันสมาร์ทโฟนจะดึงความสนใจไปเกือบหมด แต่ต้องดูด้วยว่าแต่ละแบรนด์จะออกมาในรูปแบบใด

"ถ้าคิดแค่ 3 ล้านเครื่อง เฉลี่ยเครื่องละ 600-700 บาท ก็เกือบ 2,000 ล้านบาทแล้ว มูลค่าขนาดนี้ยังจูงใจผู้ผลิตหลายแบรนด์ เจ้าตลาดอย่างซัมซุงก็คงไม่พลาด รวมถึงแบรนด์เล็กอื่น ๆ คงกลับมาเปิดตัวฟีเจอร์โฟนรุ่นใหม่ ๆ กันมากขึ้น เพื่อโปรโมตฟีเจอร์โฟนของตน"

อย่างไรก็ตาม ยอดขายของทีจีโฟน 90% ของรายได้รวมที่ 11,000 ล้านบาท มาจากสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ซึ่งผู้บริโภคที่เดินมาใช้บริการส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ค่อนข้างมีกำลัง ซื้อ ประกอบกับราคาสมาร์ทโฟนปรับลดลงมามาก มีให้เลือกหลายรุ่นในระดับราคาหลักพันบาทเท่านั้น

นายสุภสิทธิ์ รักกสิกร หัวหน้าคณะผู้บริหารการตลาด บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย เปิดเผยว่า ไอ-โมบายยังเน้นสมาร์ทโฟนเป็นหลักยังไม่มีแผนที่จะออกรุ่นใหม่เพื่อบุกตลาด ฟีเจอร์โฟน เพราะกำไรต่อเครื่องแทบไม่มี ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุให้ไมโครซอฟท์หันมาโฟกัสที่สมาร์ทโฟนเป็นหลัก คาดว่าปีหน้าสมาร์ทโฟนจะกินส่วนแบ่งในตลาดรวมเกิน 60% อีกทั้งราคาเฉลี่ยในแต่ละรุ่นมีแนวโน้มปรับลดลง

"แม้เราจะเคยขาย ฟีเจอร์โฟนเป็นหลักมาก่อน แต่ความต้องการของผู้บริโภควันนี้ไม่ใช่แล้วทุกคนหันไปซื้อสมาร์ทโฟน ทำให้เราหันมาโฟกัสสมาร์ทโฟนเต็มตัว โดยหยุดทำตลาดฟีเจอร์โฟนไป แต่ยังอาจมีโปรดักต์ใหม่ ๆ ออกมาอีกบ้าง แต่คงไม่เน้น เพราะขายไปยังไงก็ไม่คุ้ม ปัจจุบันยอดขายไอ-โมบายเกือบทั้งหมดมาจากสมาร์ทโฟน และมีมาร์เก็ตแชร์ในตลาดเป็นอันดับ 3"

และในปีหน้า "ไอ-โมบาย" จะรุกตลาดสมาร์ทโฟนราคากลาง-ล่างเช่นเดิม ใช้จุดเด่นเรื่องดิจิทัลทีวีบิลต์อิน และกล้องความคมชัดสูงราคาประหยัดเป็นจุดขาย

"ภาพรวมตลาดปีหน้าก็น่า จะยังดี และมีโอกาสที่สมาร์ทโฟนจะปรับราคาลงไปต่ำสุดที่เกือบ 1.5 พันบาท/เครื่อง หลังจากตลาดปีนี้ชะลอตัวจากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจ แต่เราเองก็ยังทำยอดขายได้ตามเป้าหมายเกิน 4 ล้านเครื่อง"

ด้านนาย ญาณธน สิมะวานิชกุล กรรมการผู้จัดการ ไมโครซอฟท์ ดีไวซ์ ประเทศไทย (โนเกียเดิม) กล่าวว่า สมาร์ทโฟนในตระกูลลูเมียของโนเกียจะเปลี่ยนมาใช้แบรนด์ "ไมโครซอฟท์ ลูเมีย" ตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมาเป็นต้นไป เพื่อเพิ่มความชัดเจนให้กับแบรนด์สินค้า และการทำตลาดสมาร์ทโฟนที่รองรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ หลังกระบวนการเปลี่ยนผ่านองค์กรจากการเข้าซื้อกิจการของไมโครซอฟท์เสร็จเรียบร้อย พร้อม ๆ กับยุติการผลิตสินค้ากลุ่มสมาร์ทฟีเจอร์โฟนในตระกูลอาช่าและเอ็กซ์ด้วย ให้คงเหลือแบรนด์โนเกียไว้เฉพาะกับเครื่องฟีเจอร์โฟน

"ในสมาร์ทโฟน เราจะใช้แบรนด์ไมโครซอฟท์ ลูเมีย ส่วนฟีเจอร์โฟนจะยังเป็นโนเกีย ที่ยังเห็นโนเกียอาช่าและโนเกียเอ็กซ์ในตลาด เป็นสินค้าลอตเดิม ถ้าหมดแล้วจะไม่ผลิตออกมาเพิ่ม รายได้รวม 60% ในประเทศไทยของเรายังมาจากกลุ่มฟีเจอร์โฟน แม้ว่าความต้องการของผู้บริโภคจะไปอยู่ที่สมาร์ทโฟนเป็นหลัก"

นาย วิเชียร สหพัฒนประเสริฐ เจ้าของร้านขายปลีกขายส่งโทรศัพท์มือถือ "นาซ่า" ที่ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เปิดเผยว่า เป็นพาร์ตเนอร์กับโนเกียมานานมาก จนถึงปัจจุบันยอดขายโนเกียยังเป็นอันดับ 2 ของยอดขายรวม และส่วนใหญ่เป็นฟีเจอร์โฟน โดยเฉพาะการสั่งซื้อจากลูกค้าต่างจังหวัด ทั้งที่นำไปใช้เอง และซื้อไปขายต่อ จะมีเพียงสมาร์ทโฟนไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่ขายได้

"เราขายแบรนด์โน เกียเป็น 1 ใน 4 ของยอดขายทั้งหมด แต่เป็นอันดับ 2 รองจากซัมซุง ถ้าเจาะลงไปเป็นรุ่น ๆ โนเกีย 108 ที่ราคา 940 บาท เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด รองลงมาคือโนเกีย อาช่า 503 ราคา 1,120 บาท แต่ยังเป็นรองซัมซุง ฮีโร่ ที่ราคา 540 บาท, ซัมซุง กาแล็คซี่ เอช และคอร์ ราคา 3,240 และ 4,900 บาท ตามลำดับ รวมถึง Lava 500 ของเอไอเอส ราคา 2,000 บาทด้วย"

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1418878432

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.