Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

19 ธันวาคม 2557 ผลสอบป้อมยามกสทช.ฉาว! ชี้"จัสมิน" ไม่ได้ประกอบกิจการที่เกี่ยวกับการทำป้อมยามเอง จึงไปจ้างช่วงงานต่อ ซึ่งการจ้างช่วงเข้าใจว่ามีการบวกกำไรเพิ่ม

ประเด็นหลัก


ล่าสุด นายสมสกุล  ชัยกาญจนาศักดิ์ เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า ผลสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และได้ส่งมอบผลสอบให้เลขาธิการ กสทช. ไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยเนื้อหาหลักเป็นเรื่องการจ้างช่วงงานต่อ เมื่อบริษัทจัสมินฯ ไม่ได้ประกอบกิจการที่เกี่ยวกับการทำป้อมยามเอง จึงไปจ้างช่วงงานต่อ ซึ่งการจ้างช่วงเข้าใจว่ามีการบวกกำไรเพิ่ม

“สมมติว่าผมไปสั่งต่อตู้ยาม สมมติว่าราคาประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ถึงหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นบาท ผมเข้าใจว่า บ.จัสมินฯ ก็คงอาจจะต้องมาบวกราคา แบบนี้เป็นต้น  เช่น  เวลาติดตั้งแอร์ เขาก็ต้องไปจ้างคนมาติดตั้งแอร์ บริษัทที่มาติดตั้งแอร์ ก็อาจคิดกำไรติดตั้งแอร์ จัสมิน ก็อาจจะมาบวกราคาตรงนี้ ในฐานะที่เขาเข้ามาจัดการตรงนี้แบบนี้ เป็นต้น หลักมันมาอย่างนี้” นายสมสกุลระบุ


______________________________







ผลสอบป้อมยามกสทช.ฉาว! ชี้"จัสมิน" จ้างช่วงงานต่อตั้งราคาแพงกว่าต้นทุน

เขียนวันที่ วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม 2557 เวลา 14:50 น.เขียนโดยisranewsหมวดหมู่ข่าว | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศราTagsจัดซื้อจัดจ้าง ป้อมยาม กสทช. | ฐากร ตัณฑสิทธิ์ | นายสมสกุล ชัยกาญจนาศักดิ์ | บริษัทจัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน ) | สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
DecreaseIncreaseFont size Send Print

ปธ.สอบข้อเท็จจริงกรณีป้อมยาม กสทช.เผย ส่งผลสอบฉบับเต็มให้ "ฐากร" แล้ว ชี้ บ.จัสมินฯ จ้างช่วง ตั้งราคาแพงกว่าต้นทุน แต่ปัดสอบข้อมูลเชิงลึกราคาวัสดุบ.ที่ถูกจ้างช่วง อ้างไม่มีอำนาจตาม กม. รับบวกค่าขนย้ายป้อมเดิมจากด้านหน้าสำนักงาน ก่อนนำมาตั้งไว้หน้าลานจอดรถ

1anbtc1912

จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ลงนามสัญญาจ้าง บริษัทจัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน ) โดยวิธีตกลงราคาเมื่อเดือนก.ย.56 ให้ติดตั้งป้อมยามรักษาความปลอดภัยของสำนักงาน กสทช. ในราคาการจัดจ้างสูงถึง 435,704 บาท ซึ่งต่อมานายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. มีคำสั่งวันที่ 21 พ.ย. 57 ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยมีนายสมสกุล ชัยกาญจนาศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญรักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักการคลังในฐานะประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริง นั้น

ล่าสุด นายสมสกุล  ชัยกาญจนาศักดิ์ เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า ผลสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และได้ส่งมอบผลสอบให้เลขาธิการ กสทช. ไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยเนื้อหาหลักเป็นเรื่องการจ้างช่วงงานต่อ เมื่อบริษัทจัสมินฯ ไม่ได้ประกอบกิจการที่เกี่ยวกับการทำป้อมยามเอง จึงไปจ้างช่วงงานต่อ ซึ่งการจ้างช่วงเข้าใจว่ามีการบวกกำไรเพิ่ม

“สมมติว่าผมไปสั่งต่อตู้ยาม สมมติว่าราคาประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ถึงหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นบาท ผมเข้าใจว่า บ.จัสมินฯ ก็คงอาจจะต้องมาบวกราคา แบบนี้เป็นต้น  เช่น  เวลาติดตั้งแอร์ เขาก็ต้องไปจ้างคนมาติดตั้งแอร์ บริษัทที่มาติดตั้งแอร์ ก็อาจคิดกำไรติดตั้งแอร์ จัสมิน ก็อาจจะมาบวกราคาตรงนี้ ในฐานะที่เขาเข้ามาจัดการตรงนี้แบบนี้ เป็นต้น หลักมันมาอย่างนี้” นายสมสกุลระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ราคาที่ บ.จัสมินฯ ตั้งขึ้น สูงเกินความเหมาะสมหรือไม่

นายสมสกุลกล่าวว่า "ยกตัวอย่างถ้าไปซื้อเสื้อที่สำเพ็ง ราคาหนึ่งร้อยบาท แต่เมื่อเสื้อตัวนี้ไปอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า เขาก็ไม่ได้ขายเท่าทุน เขาก็มาขายอีกราคาหนึ่ง ก็เป็นอย่างนั้น ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด คือคำถามว่าทำไม ต้องจ้าง บ.จัสมิน ซึ่งผมเคยกล่าวไว้แล้วว่าเพราะคนอื่นเขาไม่รับทำ"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลสอบข้อเท็จจริง มีการชี้ประเด็นที่ บ.จัสมินฯ ตั้งราคาแพงกว่าปกติหรือไม่
นายสมสกุลกล่าวว่า "เราไม่ชี้ตรงนั้น ส่วนการพยายามจะค้นข้อมูลร้านที่มาขายให้ จัสมินฯ คงทำไม่ได้ เพราะเป็นความลับของเขา แต่ก็ขอให้ บ.จัสมิน ระบุต้นทุนมา แล้วมาขายให้สำนักงาน กสทช.เท่าไหร่"

“แต่การจะให้เดินไปหาบริษัทที่ซื้อแอร์มา ซื้อเฟอร์นิเจอร์มา ผมคงไปลงลึกถึงบริษัท ย่อยๆ ไม่ได้”

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ลงลึกในรายละเอียดดังกล่าว ทำให้ผลสอบข้อเท็จจริงขาดความรอบด้านหรือไม่

นายสมสกุลกล่าวว่า "ผมเป็นแค่กรรมการสอบข้อเท็จจริง ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ผมไม่ใช่ ตำรวจที่จะมีหมายเรียกเขามา แต่สำหรับกรณี บ.จัสมินฯ สามารถเชิญมาได้ เนื่องจากเขาเป็นคู่สัญญา ก็บอกเขาได้ว่าคุณต้องมาคุยกับผม แต่คนอื่นๆ เขาไม่ใช่คู่สัญญา การที่เขาจะให้ความร่วมมือยากมาก"

"การสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้ มีการสอบผู้ที่เกี่ยวข้องไป 5-6 คน โดยผู้ที่เป็นตัวแทนของ บ.จัสมินฯ ที่มาให้ข้อมูล คือรองกรรมการผู้จัดการคนหนึ่ง มาพร้อมเอกสาร และให้เขาอธิบายเหตุผลว่าทำไมจึงตั้งราคาป้อมยามเท่านี้"

ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้นายสมสกุลจะกล่าวว่าไม่มีอำนาจเชิญบริษัทที่จัสมินฯ ไปจ้างช่วงรายอื่นๆ มาให้ข้อมูล แต่กรรมการสอบข้อเท็จจริงมีการสำรวจราคาป้อมยามตามท้องตลาดหรือไม่

นายสมสกุลกล่าวว่า การให้พนักงานไปเสิร์ชข้อมูลดูว่าราคาป้อมยามทั่วไปตั้งไว้เท่าไหร่ อาจดูได้ แต่ว่ามันจะเทียบกันได้ไหม เนื่องจากตู้นี้ออกแบบมาเฉพาะ มีทั้งการวัด การติดตั้ง การวางท่อ ถ้าตนนำเอาข้อมูลอื่นมาเช่นนั้นมันจะเทียบกันได้ไหม เนื่องจากเคยกล่าวกับผู้สื่อข่าวไปแล้ว ว่าป้อมดังกล่าว เป็นป้อมที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ

“ผมก็ทำได้ด้วยการสอบเช่นนี้ ว่า บ.จัสมินฯ ตั้งราคา และเพิ่มราคาเท่าไหร่ โดย ผมนำข้อเท็จจริงตรงนี้ไปประกอบว่าการมีที่มา ที่ไปอย่างไร ส่วนคนของเรา ก็สอบว่าก่อนทำป้อมยามนั้น มีกระบวนการอย่างไร ก็คือมีจัสมินฯ เข้ามาดู มาวัด มาวางท่อ ก็เป็นเรื่องที่ผมต้องไปถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่ากำหนดสเปกอย่างไร เขาก็ให้การมาว่าเขาไปสำรวจอย่างไรแต่มีประเด็นหนึ่งที่เขาบอกว่า มีเรื่องการย้ายป้อมยามเดิมไปยังที่ใหม่ด้วย มีราคาที่เขาอาจจะรวมมาในราคาสินค้า ในราคาป้อมยามด้วย”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การย้ายป้อมดังกล่าว หมายถึงป้อมเดิมที่ปัจจุบันถูกย้ายมาตั้งไว้ที่หน้าลานจอดรถ สำนักงาน กสทช.ใช่หรือไม่ นายสมสกุลกล่าวว่า "ใช่ โดย บ.จัสมินฯ ให้คำตอบว่ามีการย้ายไปเก็บที่อื่นก่อน มีรถบรรทุกมาขนย้าย แล้วจากนั้นจึงย้ายมาไว้ในที่ปัจจุบัน"

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใด จึงไม่ย้ายป้อมเดิมมาไว้ที่ลานจอดรถในคราวเดียวเลย ทำไม บ.จัสมินฯ ต้องนำเอาป้อมเดิมนี้ไปเก็บไว้ที่อื่นก่อนที่จะย้ายมาไว้ที่บริเวณหน้าลานจอดรถของสำนักงาน กสทช. นายสมสกุลกล่าวว่าไม่แน่ใจ ว่าตอนนั้น อาจยังไม่รู้ว่าจะนำไปไว้ที่ไหน อาจยังไม่มีสถานที่ที่เหมาะสม

นายสมสกุลกล่าวด้วยว่า โดยหลักทั่วไปของการจัดซื้อจัดจ้าง หน่วยงานรัฐจะจัดหากับผู้ซึ่งประกอบกิจการนั้นๆ โดยตรง เพื่อจะได้ซื้อจากต้นตอ ไม่ต้องมียี่ปั๊ว ซาปั๊ว จะได้ราคาถูก แต่กรณีนี้ ไม่มีต้นตอผู้ประกอบการรายใดที่จะทำแบบนั้นได้

“ซึ่ง บ.จัสมินฯ เขาสามารถไปจัดหามาให้” นายสมสกุลระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการสอบถาม บริษัทจัสมิน ฯ ถึงกรณีอุปกรณ์หลายอย่างของป้อมยาม ด้านหน้า กสทช.ที่ยังไม่ครบ อาทิ กล้องซีซีทีวีที่ติดกับตัวป้อมยาม, จอภาพและเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับบันทึกภาพรถเข้า-ออก, ไม้กั้นรถเข้า-ออก และสปอร์ตไลต์ที่ติดตั้งไว้กับป้อมยามดับและยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือไม่

นายสมสกุลกล่าวว่า ตอนนี้ บ.จัสมินฯ เขายังไม่ส่งมอบงาน ถ้าส่งมอบงาน พนักงานตรวจรับต้องมาดูแล้ว ว่าของบกพร่องไหม หากถึงกำหนดส่งมอบงานแล้ว เดี๋ยวกรรมการตรวจรับเขาจะมาพิจารณาเองว่าจะรับหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบไหมว่า กำหนดส่งมอบสินค้าเมื่อไหร่ นายสมสกุลกล่าวว่า "ไม่ทราบ เนื่องจากกรณีที่สอบครั้งนี้ คือสอบราคาป้อมยาม ส่วนที่ผู้สื่อข่าวสอบถามคือการติดตั้งซีซีทีวี ซึ่งเป็นคนละเรื่อง นั่นเป็นสัญญาใหญ่ ต้องไปถามฝ่ายที่ดูแลในเรื่องนี้"

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อสอบกรณีป้อมยาม กสทช. แล้วจะขยายผลไปตรวจสอบการทำสัญญาฉบับอื่นๆ ระหว่าง กสทช.กับ บ.จัสมินฯ หรือไม่ เช่น การลงนามสัญญาจ้าง บริษัทจัสมิน วงเงิน 7 ล้านบาท ในปี 2544

นายสมสกุลกล่าวว่า ต้องทำตามคำสั่งเท่านั้น ไม่สามารถทำนอกเหนือคำสั่งได้

ผู้สื่อข่าวขอดูเอกสารผลสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวโดยละเอียด นายสมสกุลกล่าวว่า ต้องไปขอที่เลขาธิการ กสทช. เนื่องจากผลสอบข้อเท็จจริงได้ถูกนำส่งไปให้เลขาธิการแล้ว โดยจากนี้ อยู่ที่ดุลยพินิจของเลขาธิการ กสทช.ว่าจะมีการตั้งกรรมการสอบวินัยกรณีดังกล่าวหรือไม่ หรือมีดุลยพินิจอย่างใด ภายหลังจากได้รับทราบผลสอบข้อเท็จจริง

“หน้าที่ของผมในการสอบเรื่องนี้จบลงแล้ว บทบาทผมในกรณีนี้มีเพียงเท่านี้” นายสมสกุลระบุ



http://www.isranews.org/isranews-news/item/35223-nbtc01_3522959.html

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.